คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
มีทฤษฎีว่า มนุษย์เรามีส่วนภายในของสมองทำงานในลักษณะสะท้อนภาพที่เห็น ตั้งชื่อเรียกว่า Mirror neuron ครับ
ย่อๆ คือ เราเห็นอะไร สมองจะคิดเรื่องนั้น แล้วเกิดปฏิกิริยาในสมอง บางทีใส่ตัวเองแทนลงไปด้วย
ครั้งแรก ผมอ่านมาจากหนังสือเกี่ยวกับแนวพฤติกรรมศาสตร์-เศรษฐศาสตร์ มีคนใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ไป apply ใช้ในการตลาด การโฆษณาด้วย ใครสนใจลองไปอ่าน buyology ดู มีแปลไทยนานแล้ว
https://www.google.co.th/search?q=buyology+แปล
เดิมนั้น กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี ได้เอาลิงมาทดลองก่อน แล้วใช้เครื่องวัดสแกนสมอง fMRI ช่วงยุค 80s-90s
และต่อมา มีการทดลองศึกษาที่ศูนย์การแพทย์ Ronald Reagan UCLA กับคนไข้ 21 คน ปี 2010 ราว 9 ปีที่ผ่านมานี่เองเอง
อันนี้ ที่ทดลอง ไม่ใช่จิตวิทยา แต่เป็นแนวแพทย์ ประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience)
ผมมาค้นหาต่อใน google มีเห็นการศึกษาเพิ่มเติมอีกเยอะ แต่ก็มีคนแย้ง ยังต้องการพิสูจน์อีกเยอะ
ผมเอารูปมาให้ดูละกัน เพราะคนอ่านกระทู้ส่วนใหญ่ คงพยายามทำความเข้าให้จบในกระทู้ก่อน
ก็อธิบายด้วยภาพ แล้วสรุปสั้นๆ ข้างล่าง เอาที่ preview คร่าวๆ ให้รู้ concept
ท่านใดสนใจเป้นพิเศษ ค้นเพิ่มทีหลังเมื่อมีเวลา ก็นึกออกง่ายขึ้น
https://www.google.co.th/search?q=mirror+neuron
สรุปอีกทีว่าตามทฤษฎีนี้ สมองมีส่วนที่ copy สิ่งที่เราเห็น บางอย่าง เลียนแบบได้ บางอย่างจินตนาการแทนตัวลงไป จะคิดตามว่าเราเป็นสิ่งที่เราเห็น
จะมากน้อยก็ขึ้นกับสิ่งเร้า
ที่เราสงสารคนที่ถูกทำร้าย หรือเห็นสัตว์ดิ้น เรารู้สึกภายใน เจ็บปวดแทนมันซะเอง
เรื่องการรู้จักบาป แบบที่สำนวนไทยเรียก "สวรรค์ในอก นรกในใจ" ก็มาจากการทำงานภายในสมองเรื่องนี้
การดูหนังแล้วอิน ไม่ว่าหนังรัก หรือหนังบู๊ ก็เป็นการเอาตัวเราไปออกแอคชั่น จินยนาการอยู่ในหนังเรื่องที่เราดู
แล้วบ่อยครั้ง ก็ออกอาการทำตาม ขยับร่างกายตามด้วย
ใน pantip ก็เคยมีคนเอามาลง แต่อันนั้น เรื่องการรู้สึกมีส่วนร่วม ในการเชียร์กีฬา
ย่อๆ คือ เราเห็นอะไร สมองจะคิดเรื่องนั้น แล้วเกิดปฏิกิริยาในสมอง บางทีใส่ตัวเองแทนลงไปด้วย
ครั้งแรก ผมอ่านมาจากหนังสือเกี่ยวกับแนวพฤติกรรมศาสตร์-เศรษฐศาสตร์ มีคนใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ไป apply ใช้ในการตลาด การโฆษณาด้วย ใครสนใจลองไปอ่าน buyology ดู มีแปลไทยนานแล้ว
https://www.google.co.th/search?q=buyology+แปล
เดิมนั้น กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี ได้เอาลิงมาทดลองก่อน แล้วใช้เครื่องวัดสแกนสมอง fMRI ช่วงยุค 80s-90s
และต่อมา มีการทดลองศึกษาที่ศูนย์การแพทย์ Ronald Reagan UCLA กับคนไข้ 21 คน ปี 2010 ราว 9 ปีที่ผ่านมานี่เองเอง
อันนี้ ที่ทดลอง ไม่ใช่จิตวิทยา แต่เป็นแนวแพทย์ ประสาทวิทยาศาสตร์ (Neuroscience)
ผมมาค้นหาต่อใน google มีเห็นการศึกษาเพิ่มเติมอีกเยอะ แต่ก็มีคนแย้ง ยังต้องการพิสูจน์อีกเยอะ
ผมเอารูปมาให้ดูละกัน เพราะคนอ่านกระทู้ส่วนใหญ่ คงพยายามทำความเข้าให้จบในกระทู้ก่อน
ก็อธิบายด้วยภาพ แล้วสรุปสั้นๆ ข้างล่าง เอาที่ preview คร่าวๆ ให้รู้ concept
ท่านใดสนใจเป้นพิเศษ ค้นเพิ่มทีหลังเมื่อมีเวลา ก็นึกออกง่ายขึ้น
https://www.google.co.th/search?q=mirror+neuron
สรุปอีกทีว่าตามทฤษฎีนี้ สมองมีส่วนที่ copy สิ่งที่เราเห็น บางอย่าง เลียนแบบได้ บางอย่างจินตนาการแทนตัวลงไป จะคิดตามว่าเราเป็นสิ่งที่เราเห็น
จะมากน้อยก็ขึ้นกับสิ่งเร้า
ที่เราสงสารคนที่ถูกทำร้าย หรือเห็นสัตว์ดิ้น เรารู้สึกภายใน เจ็บปวดแทนมันซะเอง
เรื่องการรู้จักบาป แบบที่สำนวนไทยเรียก "สวรรค์ในอก นรกในใจ" ก็มาจากการทำงานภายในสมองเรื่องนี้
การดูหนังแล้วอิน ไม่ว่าหนังรัก หรือหนังบู๊ ก็เป็นการเอาตัวเราไปออกแอคชั่น จินยนาการอยู่ในหนังเรื่องที่เราดู
แล้วบ่อยครั้ง ก็ออกอาการทำตาม ขยับร่างกายตามด้วย
ใน pantip ก็เคยมีคนเอามาลง แต่อันนั้น เรื่องการรู้สึกมีส่วนร่วม ในการเชียร์กีฬา
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคนเราถึงชอบเปรียบเทียบหรือคิดแทนสัตว์ตัวเล็กๆครับ ?
อย่างเช่น ปู กุ้ง แมลงมีความรู้สึกหรือไม่มีความรู้สึก เจ็บ ชอบ กลัว โกธร ดีใจ
ถ้าผมถามว่า แมลงเจ็บไหมเวลาโดนทอด ก็อาจจะมีคนบอกว่า ลองโดนทอดดูสิเจ็บไหม (อย่าตอบแบบนี้)
แล้วที่ดิ้นๆทุรนทุรายช่วงนั้นนี่เจ็บไหม แค่น้ำมันตอนทอดกระเด็นใส่ผมก็สะดุ้งแล้วครับ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าโดนทอดล่ะก็เจ็บแน่ๆ แต่เราก็เป็นคน ส่วนอีกฝ่ายเป็นแมลง และเราก็ไม่ใช่แมลง
ที่ผมเคยอ่านมาคือ พวกแมลงที่วิ่งหนีจากอันตรายด้วยสิ่งที่เรียกว่า Reflect Action (ไม่รู้ถูกเปล่า)
หรือแมลงจะมีอาการที่ยังขยับได้ซึ่งมนุษย์ดูเหมือนว่าตายแล้ว เช่น แมลงสาบหัวขาด
หรือปลิงทะเลในร้านอาหารที่โดนสับบนเขียงเป็นชิ้นเล็กๆแต่ยังขยับอยู่
(พวกกุ้ง ปู มีแบบนี้ด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจเลยหยิบยกมาด้วย)
คือผมอยากได้คำตอบที่เป็นรูปร่างในเชิง วิทยาศาสตร์ เป็นความรู้ที่หาเหตุผลได้
ไม่ใช่คำตอบในด้านของ ศาสนา หรือ ไสยศาสตร์ จิตวิญญาณ ความเชื่อ เวรกรรม บาปบุญคุณโทษ
...ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อแต่ก็ไม่สนับสนุนการทรมานสัตว์เพราะเรากินเพื่ออยู่...
หากไม่ใช่ 2 อย่างข้างต้นนี่ก็จะเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้งไปแทนความรู้สึกของสัตว์
ทั้งที่พวกสัตว์อาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลย สรุปก็ไม่รู้อยู่ดีแหละ แต่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งไว้ก่อน
ถ้าใครตอบแบบให้ความรู้ไปด้วยได้จะขอบคุณมากเลยครับ ผมจะปักหมุดไว้
ปล.ใครอ่านแล้ว งงๆ ขออภัยครับ ถ้าแท็กผิดห้องขออภัยอีกรอบครับ