รีวิวสั้นๆ (รึเปล่า) ฉบับคนมีเวลาดูวันละตอน
The crown ss3 ep1 : Olding
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใต้การชนะการเลือกตั้งของพรรคแรงงาน อังกฤษและราชินีผู้เริ่มสูงวัยจำต้องปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัย บนความคลอนแคลนของสถาบัน ความเสื่อมทางเศรษฐกิจที่เริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ และการจากไปของบุคคลที่เปรียบเสมือนผู้ค้ำยันประเทศและราชบัลลังก์ ในขณะที่มีข่าวลือว่ามีสายลับ KGB แฝงตัวเข้ามาอยู่ในสังคมชั้นสูงของอังกฤษก็หนาหูขึ้นเรื่อยๆ
เราชอบฉากที่ราชินีกับเชอร์ชิลคุยกัน ดูเป็นฉากที่อบอุ่นมาก เหมือนกับว่าคู่นี้ทั้งใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทั้งต่างค้ำจุนกันเอง ล้วนแต่เป็นผู้ที่ผ่านช่วงเวลาวิกฤตและสงบสุขมาพร้อมกัน พอเห็นสองคนคุยกันก็รู้สึกได้ถึงช่วงเวลาที่มันผ่านไปแล้วจริงๆ ยาวนานและน่าจดจำด้วย
ความเปลี่ยนแปลงแรกที่เห็ได้ชัดสุดคือนับแต่วินาทีที่ผู้ชนะการเลือกตั้งคนใหม่เข้าเฝ้าราชินี เมื่อถวายคำนับแล้วก็ 'นั่งลง' บนโซฟา ด้วยท่าทางที่เกือบจะไขว่ห้าง แต่ก็ลดขาลงอย่างรวดเร็ว
ใน ss แรก ราชินีที่ยังประหม่าต่อหน้าที่ใหม่รับสั่งกับรัฐบุรุษ นายกของตนเองด้วยการเชิญให้เขานั่ง แต่เชอร์ชิลกลับทำหน้าตกใจ พร้อมพูด (แกมสอน) ว่า ราชินีจะต้องไม่เสนอเก้าอี้ให้กับนายกฯ และตั้งแต่ทำงานมา ไม่มีวิกฤตของประเทศอันไหนที่ใช้เวลาเกิน 20 นาที
ใน ss นี้ ราชินีจะทรงรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ แต่ก็ต้องนิ่งเมื่อได้ยินประโยคของนายกรัฐมนตรีคนใหม่
"ใต้ฝ่าพระบาทคงเสียใจล่ะสิที่กระหม่อมชนะการเลือกตั้ง...เพราะทรงคุ้นเคยกับชนชั้นสูงที่รู้วิธีจับช้อนส้อมให้ถูก ไม่ใช่กุ๊ยข้างถนนอย่างพวกกระหม่อม"
ความรู้สึกอึมครึมนี้จะเพิ่มในใจคนดูมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเมื่อการจากไปของวิลสตันเหมือนการบอกเรากลายๆ ว่าบัดนี้ ประเทศนี้กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสำคัญ
เนื้อเรื่องยังเรียบๆ แต่ชั้นเชิงกินขาดเหมือนเดิม บทพูดเฉียบคม บทสนทนาในฉากท้ายนี่เล่นเอาต้องอุทานตามเป็นระยะๆ ด่ากันแบบผู้ดีมันเจ็บแสบอย่าบอกใครเชียว ทั้งข้อเท็จจริงท้ายเรื่องยังทำให้เราทึ่งในตอนท้ายได้อีก
ตามติ่งต่อไปอย่างไม่ลดละแน่นอน 555
ปิดท้ายรีวิวด้วยคำพูดนี้
"เราทุกคนจะบอกกับตัวเองยังไงก็ได้เพื่อให้เข้าใจอดีต
เรื่องลวงหลอกเมื่อบอกกับตัวเองบ่อยครั้งเข้าก็กลายเป็นเรื่องจริง ทั้งในใจของเราและของคนอื่น"
ปล. จริงๆ อยากให้ชื่อตอนว่า pentimento มากกว่า เพราะเป็นคำรวมเนื้อหาตอนนี้จริงๆ
pentimento พูดง่ายๆ ก็คือการที่ศิลปินผู้วาดรูปวาดสิ่งหนึ่ง แล้วเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาอยากวาดอีกแบบ (เช่นวาดคนหน้ายิ้มเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย วาดมือกำอยู่ก็เปลี่ยนเป็นลักษณะอื่น) เลยวาดทับลงไปบนรูปตรงๆ ทำให้ยังคงเหลือร่องรอยให้สืบเสาะในภายหลัง
เปรียบ (ในตอนนี้) ก็คือคนที่จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนอย่างหนึ่ง แต่กลับเปลี่ยนแปลง และซุกซ่อนความเปลี่ยนแปลงนั้นไว้ภายใต้ภาพลักษณ์อีกแบบของตนนั่นเอง
[CR] รีวิวไม่ยาวไม่สั้น : The crown ss3 ep1 ความเปลี่ยนแปลงและการแอบซ่อน (พูดคุยเนื้อหานิดหน่อย)
The crown ss3 ep1 : Olding
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใต้การชนะการเลือกตั้งของพรรคแรงงาน อังกฤษและราชินีผู้เริ่มสูงวัยจำต้องปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัย บนความคลอนแคลนของสถาบัน ความเสื่อมทางเศรษฐกิจที่เริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ และการจากไปของบุคคลที่เปรียบเสมือนผู้ค้ำยันประเทศและราชบัลลังก์ ในขณะที่มีข่าวลือว่ามีสายลับ KGB แฝงตัวเข้ามาอยู่ในสังคมชั้นสูงของอังกฤษก็หนาหูขึ้นเรื่อยๆ
เราชอบฉากที่ราชินีกับเชอร์ชิลคุยกัน ดูเป็นฉากที่อบอุ่นมาก เหมือนกับว่าคู่นี้ทั้งใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทั้งต่างค้ำจุนกันเอง ล้วนแต่เป็นผู้ที่ผ่านช่วงเวลาวิกฤตและสงบสุขมาพร้อมกัน พอเห็นสองคนคุยกันก็รู้สึกได้ถึงช่วงเวลาที่มันผ่านไปแล้วจริงๆ ยาวนานและน่าจดจำด้วย
ความเปลี่ยนแปลงแรกที่เห็ได้ชัดสุดคือนับแต่วินาทีที่ผู้ชนะการเลือกตั้งคนใหม่เข้าเฝ้าราชินี เมื่อถวายคำนับแล้วก็ 'นั่งลง' บนโซฟา ด้วยท่าทางที่เกือบจะไขว่ห้าง แต่ก็ลดขาลงอย่างรวดเร็ว
ใน ss แรก ราชินีที่ยังประหม่าต่อหน้าที่ใหม่รับสั่งกับรัฐบุรุษ นายกของตนเองด้วยการเชิญให้เขานั่ง แต่เชอร์ชิลกลับทำหน้าตกใจ พร้อมพูด (แกมสอน) ว่า ราชินีจะต้องไม่เสนอเก้าอี้ให้กับนายกฯ และตั้งแต่ทำงานมา ไม่มีวิกฤตของประเทศอันไหนที่ใช้เวลาเกิน 20 นาที
ใน ss นี้ ราชินีจะทรงรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ แต่ก็ต้องนิ่งเมื่อได้ยินประโยคของนายกรัฐมนตรีคนใหม่
"ใต้ฝ่าพระบาทคงเสียใจล่ะสิที่กระหม่อมชนะการเลือกตั้ง...เพราะทรงคุ้นเคยกับชนชั้นสูงที่รู้วิธีจับช้อนส้อมให้ถูก ไม่ใช่กุ๊ยข้างถนนอย่างพวกกระหม่อม"
ความรู้สึกอึมครึมนี้จะเพิ่มในใจคนดูมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเมื่อการจากไปของวิลสตันเหมือนการบอกเรากลายๆ ว่าบัดนี้ ประเทศนี้กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสำคัญ
เนื้อเรื่องยังเรียบๆ แต่ชั้นเชิงกินขาดเหมือนเดิม บทพูดเฉียบคม บทสนทนาในฉากท้ายนี่เล่นเอาต้องอุทานตามเป็นระยะๆ ด่ากันแบบผู้ดีมันเจ็บแสบอย่าบอกใครเชียว ทั้งข้อเท็จจริงท้ายเรื่องยังทำให้เราทึ่งในตอนท้ายได้อีก
ตามติ่งต่อไปอย่างไม่ลดละแน่นอน 555
ปิดท้ายรีวิวด้วยคำพูดนี้
"เราทุกคนจะบอกกับตัวเองยังไงก็ได้เพื่อให้เข้าใจอดีต
เรื่องลวงหลอกเมื่อบอกกับตัวเองบ่อยครั้งเข้าก็กลายเป็นเรื่องจริง ทั้งในใจของเราและของคนอื่น"
ปล. จริงๆ อยากให้ชื่อตอนว่า pentimento มากกว่า เพราะเป็นคำรวมเนื้อหาตอนนี้จริงๆ
pentimento พูดง่ายๆ ก็คือการที่ศิลปินผู้วาดรูปวาดสิ่งหนึ่ง แล้วเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาอยากวาดอีกแบบ (เช่นวาดคนหน้ายิ้มเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย วาดมือกำอยู่ก็เปลี่ยนเป็นลักษณะอื่น) เลยวาดทับลงไปบนรูปตรงๆ ทำให้ยังคงเหลือร่องรอยให้สืบเสาะในภายหลัง
เปรียบ (ในตอนนี้) ก็คือคนที่จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนอย่างหนึ่ง แต่กลับเปลี่ยนแปลง และซุกซ่อนความเปลี่ยนแปลงนั้นไว้ภายใต้ภาพลักษณ์อีกแบบของตนนั่นเอง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้