บัตรทราเวล
กรุงไทย Travel Card
คอลัมน์ กระจก 8 หน้า
โดย มิสไฟน์
ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
          
          เทคโนโลยีของโลกยุคดิจิทัลวันนี้ ทำให้การใช้ชีวิตของผู้คนอย่างเราๆ ง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็วขึ้นและหลายๆครั้ง ยังอาจเอาไปใช้เป็นประโยชน์ด้านอื่นๆได้ด้วย อย่างกรณีของการสะสมแต้มหรือพอยท์ในบัตรเครดิตเพื่อแลกส่วนลดในการซื้อสินค้า หรือได้แคชแบ็กกลับคืนมาเป็นต้น

          ในธุรกรรมการเงินที่รัฐบาล และกระทรวงการคลังพยายามเข็นระบบเงินดิจิทัล หรือ e-wallet ออกมา เพื่อนำร่องในการทำให้สังคมไทยเป็นสังคมไร้เงินสดเร็วที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อสกัดกั้นเงินทองในประเทศไม่ให้รั่วไหลไปกับการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์จากต่างประเทศกันจนหมดนี้

          ธนาคารกรุงไทย ซึ่งกระทรวงการคลังยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ ใช้โอกาสของการช่วยรัฐบาลในการสร้างแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และ "ถุงเงิน" ให้กระทรวงการคลังในโครงการ "ชิม ช้อป ใช้" เป็นช่องทางเพื่อออกผลิตภัณฑ์การเงินฉลาดๆ ที่เรียกว่าแอปพลิเคชัน KTB NEXT ขึ้น เพราะโครงการ ชิม ช้อป ใช้ ขนเอาลูกค้ามาให้กรุงไทยมากถึง 13 ล้านคน ยังไงๆทั้ง 13 ล้านรายนี้ก็ต้องใช้จ่ายเงินมากกว่ารายละ 1,000 บาทแน่ๆ
          
         โดยเฉพาะในการเดินทางไปท่องเที่ยว และการใช้จ่ายที่เปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่มีกำลังซื้อมากถึง 30,000 บาท จะได้แคชแบ็กกลับคืน 4,500 บาท

          การเปิดแอปพลิเคชัน KTB NEXT ที่ว่านี้ ดำเนินการมาก็เพื่อตอบสนองลูกค้าในแบบ Smart Concept โดยการออกบัตรเดบิต Krungthai Travel Card เป็นบัตรแรก และบัตรเดียว ที่ลูกค้าสามารถแลกเงินตราต่างประเทศด้วยตน เองเก็บไว้ในอัตราที่พิเศษกว่าในท้องตลาดได้ถึง 14 สกุลเงิน

          ตั้งแต่ดอลลาร์สหรัฐฯ ยูโรปอนด์ เยน ดอลลาร์ฮ่องกง ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์แคนาดา ฟรังก์สวิส ดอลลาร์นิวซีแลนด์ รูเบิลรัสเซีย โครนนอร์เวย์ โครนาสวีเดน และโครนเดนมาร์ก

          ผู้ถือบัตร Krungthai Travel Card สามารถฝากเงินสดไว้ในบัญชี เพื่อแลกเงินตราต่างประเทศต่างๆได้เพิ่มได้ตลอดเวลา หากเงินที่แลกไปไม่เพียงพอ เพื่อไว้ใช้รูดซื้อสินค้า และบริการ ณ ร้านค้าที่มีเครื่องหมาย VISA ทั่วโลก หรือในประเทศที่ไป โดยไม่ต้องมานั่งเสียเงินจากการแปลงค่าย้อนกลับไปกลับมาอย่างที่เป็นอยู่อีก

          บัตรนี้ยังใช้ถอนเงินสดได้ที่เครื่อง ATM ทั่วโลก รวมทั้งสามารถเปิด-ปิด การใช้งานของบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน KTB NEXT โดยใช้จ่ายที่เครื่อง EDC หรือ Online 500,000 บาทต่อวัน ถอนเงินสดที่ตู้ ATM ต่างประเทศได้วันละ 50,000 บาท ถอนเงินสดสกุลเงินต่างประเทศที่สาขา และจุดให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 25,000 บาทต่อครั้ง

          ที่ดีก็คือ ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมแลกเงินได้เองผ่านแอปพลิเคชัน KTB NEXT ได้เองโดยไม่ต้องไปที่แบงก์ หรือไปถ่ายพาสปอร์ตและยืนต่อคิวกันที่ร้านรับแลกเงิน เพราะอัตราแลกเปลี่ยนของ KTB ใกล้เคียงหรือบางครั้งต่ำกว่าร้านรับแลกเงินด้วยซ้ำ

          จริงๆแ บงก์ชาติควรจะอนุญาตให้แบงก์พาณิชย์รับแลกเงินได้นานแล้ว แต่ก็เปิดโอกาสให้มีร้านรับแลกเงินถูกกฎหมายเพียงแห่งเดียวที่รวยขึ้นๆ กระทั่งเข้าตลาดหุ้นไปได้

          แต่ถึง e-wallet จะเป็นประโยชน์ ผู้ใช้ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังด้วย และของอะไรมีค่าของนั้นย่อมให้โทษได้เสมอ.