กลับมาต่อพาร์ทสองค่ะ หลังจากกลับมาจาก Dinosaur museum ในกระทู้ที่แล้วค่ะ
Fukui in November (Part 1) : ไปดูไดโนเสาร์กันค่า
ก็กลับมาตั้งต้นที่สถานี Fukui เหมือนเดิมค่ะ เพื่อที่จะไป Echizen guesthouse Tamada ที่จองไว้ คือก่อนหน้านั้น จขกท ได้ถามคุณพี่ที่ Tourist information ไปบ้างแล้วค่ะว่าที่พักที่จองไว้อยู่ตรงไหน คุณพี่ก็บอกว่า
"ยูไปรอรถสาย 10 นะ ไม่ก็สาย 15 ตรง Bus stop ที่ 3 พอขึ้นไปเนี่ยยูนั่งยาวๆเลยประมาณ 1 ชั่วโมง"
(คิดในใจอยู่ว่า ลำบากแท้ ไกลแท้)
"แล้วยูตั้งใจฟังเลยนะ ป้ายที่ยูต้องลงชื่อ Mendori" พูดเสร็จคุณพี่ก็เขียนใส่กระดาษให้พร้อม
ชักเริ่มกังวลนิดๆ
"ค่ารถยูประมาณ 700 Yen นะ พอป้ายมันแตะถึง 700 Yen เมื่อไรยูตั้งใจฟังเลยว่า Mendori ย้ำ Mendori"
พี่ย้ำจนหนูกังวลละ ก็ได้แต่ขอบคุณเขาไปค่ะ
ก็ไปรอรถ แล้วนั่งไปอีก 1 ชั่วโมงค่ะ สรุปที่พักอยู่คนละฝั่งกับ Museum เลยค่ะ เป็นฝั่งที่ติดทะเลค่ะ มาถึงค่ะ ป้าย Mendori ป้ายเล็กๆ
มืดมากกกกกกกกกกกกกก
เอาไงดี...ยังดีที่ Google map หาเจอค่ะ เหมือนเป็นโซนที่อยู่อาศัยค่ะ ไม่ใช่โซนท่องเที่ยว เอาจริงตอนนั้นก็กลัวนิดๆอยู่นะคะ เพราะลืมนึกไปว่าช่วงนี้ฟ้ามืดเร็ว แนะนำนะคะ ถ้าไม่ได้ขับรถมาเอง รีบมาเข้าที่พักช่วงบ่ายๆเถอะค่ะ
และแล้วก็มาถึง....
อันนี้ถ่ายตอนเช้าค่ะ สภาพเมืองแถวนั้นก็จะเงียบๆ ประมาณนี้ค่ะ
ไม่มีรถ ไม่มีมินิมาร์ท อะไรทั้งนั้น เพราะงั้นกินก่อนเข้ามานะคะ
ไปถึงก็เจอลุงเจ้าของเกสเฮ้าส์ค่ะ ซึ่งลุงพูดอังกฤษได้น้อยมาก ใช้ google translate เอาค่ะบวกกับเจอน้องชาวสิงคโปร์คนหนึ่งที่พักที่เดียวกันเขาพูดอังกฤษได้นิดหน่อยมาช่วยด้วย ได้เพื่อนใหม่แถมซะงั้นเลย ดีไปอีก
ลุงก็ถามเลยค่ะว่า "พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหน"
"อ๋อ..ไปผา Tojinbo ค่ะ"
"อ๋อ......แต่ไม่มีรถบัสผ่านนะ"
ซวยแล้ว งานเข้า!!!!
"จริงเหรอคะ"
"มันก็มีแหละ แต่มีแค่วันละสองเที่ยว" ลุงบอกแล้วก็จิ้มๆป้ายรถประจำทางให้ดู
"เอางี้มั้ย อีกคนหนึ่ง(หมายถึงน้องสิงคโปร์) ก็ไป Tojinbo เหมือนกัน เดี๋ยวลุงขับรถให้ เสร็จแล้วจะไปส่งที่สถานีให้"
"เอาค่ะ" รีบตกลงไวมาก
สรุป ลุงจะพาเที่ยวแถบชายฝั่งค่ะ ลุงคิดค่ารถไปหน้าผาคนละ 500 Yen (เดินทางครึ่งชั่วโมง) แล้วคิดไปสถานีคนละ 700 Yen (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง) ถูกกว่าค่ารถบัสอีกค่ะ
คืนนั้นเลยหลับได้อย่างสบายใจ
ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน นัดลุงไว้เก้าโมง เราก็ตื่นมาเดินเล่นชายหาดก่อน จากเกสเฮ้าส์เดินลัดเนินเขามานิดเดียวเองค่ะ ชื่อหาด Takasu
อากาศดีค่ะ พอมาอยู่ชายหาดมันไม่หนาวมาก ชายหาดไม่ขาวสวยเหมือนบ้านเราค่ะ แต่ก็เป็นอีกอารมณ์ยืนดูทะเลหนาวๆ น้ำทะเลสีเข้มฟองสีขาวตัดกันเพลินๆ ฟ้าก็ใส ที่สำคัญคือบ้านเขาสะอาดค่ะ เห็นแนวกันคลื่นที่บ้านเราไม่มี เป็นญี่ปุ่นดีค่ะ
หลังจากเดินเล่นสักพักก็กลับมาเช็คเอาท์ค่ะแล้วลุงก็พอเที่ยว คือลุงแถมลัดเลาะชายฝั่งอีกด้านด้วยค่ะลุงบอกว่าสวยกว่า เป็นฝั่งที่ไปทาง Tsuruga ค่ะ
ลุงหยุดที่ผาเล็กๆไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร แต่ลุงบอกว่าเป็น Mini Tojibo ค่ะ
ขึ้นมาบนสุดก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันค่ะ
จากนั้นลุงก็แวะจุดชมวิวไปเรื่อยๆค่ะ
สุดท้ายลุงก็ไปถึง Tojinbo ค่ะ
โดย Tojinbo เนี่ยเป็นผาที่ถูกเซาะค่ะ เป็นอีก Landmark ของที่ Fukui เลย
แต่เอาจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าฝั่งที่คุณลุงพาขับรถไปทางไป Tsuruga สวยกว่าค่ะ ลุงบอกว่าฝั่งนั้นเป็นวิวริมทะเลที่สวยสุดแล้ว ไว้มีโอกาสให้ลองไปทางนู้นนะ
หลังจากใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงลุงก็พามาส่งที่สถานีค่ะ ซึ่งใครจะมาที่ Tojinbo เนี่ย ทางเดินเข้าไปมีอาหารทะเลน่ากินมากเปิดขายไปตลอดทางนะคะ ถ้ามีเวลาก็อยากจะลองกินปูที่นี่เหมือนกันค่ะ เขาว่าขึ้นชื่อ น่าเสียดาย
หลังจากมาถึงสถานีเราก็เข้าไปที่ Tourist information อีกครั้งค่ะ แต่คราวนี้เราเปลี่ยนไปวัด Eiheiji กันค่ะ ซึ่งคุณป้าก็ได้บอกเราว่า
"วัด Eiheiji มีตั๋วรถบัสไปกลับค่ะ ราคา 1,500 Yen รถรอบต่อไปออก 12.55 ค่ะ" แล้วคุณป้าก็เหลือบไปมองนาฬิกา
ตอนนี้......12.50 น.
"เอามั้ยคะ?" ป้าหันมาถามอีกรอบ
"เอาค่ะ" ในใจคิดว่าถ้าไปไม่ทันก็ไปรอบ 13.50 ก็ได้วะ
ป้าไม่รอช้าค่ะ หันกลับไปบอกเคาท์เตอร์ขายตั๋ว น่าจะประมาณว่า ขอตั๋วไปกลับ Eiheiji ใบนึง พร้อมกับรับเงินจากเรา จากนั้น.....
วิ่งจ้าาาาา คุณป้าพาวิ่งไปส่งที่ท่ารถเด้อ สรุป ทันค่ะ 12.55!!!!!
ท่ารถเนี่ยต้องออกทางประตู JR station East exit ท่ารถที่ 1 นะคะ
คุณป้ายืนหอบ โบกมือยิ้มแย้ม แล้วบอกเราว่า "Have a nice day" นี่รู้สึกผิดกับคุณป้าเลยค่ะ
นั่งรถมาครึ่งชั่วโมง ก็ถึงค่ะ วัด Eiheiji
วัดนี้เป็นวัดที่มีการใช้อยู่ค่ะ มีพระ เป็นศูนย์ใหญ่ศูนย์หนึ่งของนิกาย Zen ค่ะ วันอาทิตย์จะมีคนเข้ามาสวดมนต์ นั่งสมาธิ ข้างในตอนที่ไปก็มีการทำวัตรใหญ่อยู่ค่ะ
ค่าเข้าอยู่ที่ 500 Yen ค่ะ
เข้าไปจะเป็นอาคารใหญ่ก่อนค่ะตรงนี้เหมือนไม่เก่ามากค่ะลักษณะเป็นตึกเลยค่ะ
ข้างในเป็น Hall ที่ไม่แน่ใจว่าไว้ทำพิธีอะไรหรือเปล่าค่ะ
เข้ามาก็จะเป็นอาคารเล็กๆสเป็นชั้นๆบนเนินเขาค่ะ ต้องปีนบันไดนิดนึง ระหว่างกลางเป็นสวน สวยค่ะ
สรุปทริป 2 วัน 1 คืนนะคะ Fukui เป็นเมืองสวย สงบค่ะ มีทั้งทะเล มีเนินเขา มีวัดสวย มีพิพิธภัณฑ์ที่เยี่ยมยอด ประทับใจมากๆค่ะ ผู้คนไม่พลุกพล่านค่ะ
แต่จะมาต้องเตรียมใจว่าที่เที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างไกลจากกันค่ะ เช่ารถน่าจะดีที่สุด การเดินทางสาธารณะมีความซับซ้อนอยู่หน่อยแต่ก็ยังสะดวกใช้ได้อยู่ค่ะ
ที่นี่ยังใช้ภาษาอังกฤษน้อยค่ะ นอกจาก Tourist information แล้วกับที่เที่ยวใหญ่ๆแล้ว ที่เหลือป้ายต่างๆไม่มีอังกฤษเลยเจ้าค่ะ แต่คนญี่ปุ่นก็ยังพร้อมจะช่วย
เต็มที่จริงๆค่ะ ประทับใจ ไว้มีโอกาสจะมาอีกแน่นอนค่ะ
Fukui in November (Part2) : Eiheiji temple & Tojinbo cliff
กลับมาต่อพาร์ทสองค่ะ หลังจากกลับมาจาก Dinosaur museum ในกระทู้ที่แล้วค่ะ
Fukui in November (Part 1) : ไปดูไดโนเสาร์กันค่า
ก็กลับมาตั้งต้นที่สถานี Fukui เหมือนเดิมค่ะ เพื่อที่จะไป Echizen guesthouse Tamada ที่จองไว้ คือก่อนหน้านั้น จขกท ได้ถามคุณพี่ที่ Tourist information ไปบ้างแล้วค่ะว่าที่พักที่จองไว้อยู่ตรงไหน คุณพี่ก็บอกว่า
"ยูไปรอรถสาย 10 นะ ไม่ก็สาย 15 ตรง Bus stop ที่ 3 พอขึ้นไปเนี่ยยูนั่งยาวๆเลยประมาณ 1 ชั่วโมง"
(คิดในใจอยู่ว่า ลำบากแท้ ไกลแท้)
"แล้วยูตั้งใจฟังเลยนะ ป้ายที่ยูต้องลงชื่อ Mendori" พูดเสร็จคุณพี่ก็เขียนใส่กระดาษให้พร้อม
ชักเริ่มกังวลนิดๆ
"ค่ารถยูประมาณ 700 Yen นะ พอป้ายมันแตะถึง 700 Yen เมื่อไรยูตั้งใจฟังเลยว่า Mendori ย้ำ Mendori"
พี่ย้ำจนหนูกังวลละ ก็ได้แต่ขอบคุณเขาไปค่ะ
ก็ไปรอรถ แล้วนั่งไปอีก 1 ชั่วโมงค่ะ สรุปที่พักอยู่คนละฝั่งกับ Museum เลยค่ะ เป็นฝั่งที่ติดทะเลค่ะ มาถึงค่ะ ป้าย Mendori ป้ายเล็กๆ
มืดมากกกกกกกกกกกกกก
เอาไงดี...ยังดีที่ Google map หาเจอค่ะ เหมือนเป็นโซนที่อยู่อาศัยค่ะ ไม่ใช่โซนท่องเที่ยว เอาจริงตอนนั้นก็กลัวนิดๆอยู่นะคะ เพราะลืมนึกไปว่าช่วงนี้ฟ้ามืดเร็ว แนะนำนะคะ ถ้าไม่ได้ขับรถมาเอง รีบมาเข้าที่พักช่วงบ่ายๆเถอะค่ะ
และแล้วก็มาถึง....
อันนี้ถ่ายตอนเช้าค่ะ สภาพเมืองแถวนั้นก็จะเงียบๆ ประมาณนี้ค่ะ
ไม่มีรถ ไม่มีมินิมาร์ท อะไรทั้งนั้น เพราะงั้นกินก่อนเข้ามานะคะ
ไปถึงก็เจอลุงเจ้าของเกสเฮ้าส์ค่ะ ซึ่งลุงพูดอังกฤษได้น้อยมาก ใช้ google translate เอาค่ะบวกกับเจอน้องชาวสิงคโปร์คนหนึ่งที่พักที่เดียวกันเขาพูดอังกฤษได้นิดหน่อยมาช่วยด้วย ได้เพื่อนใหม่แถมซะงั้นเลย ดีไปอีก
ลุงก็ถามเลยค่ะว่า "พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหน"
"อ๋อ..ไปผา Tojinbo ค่ะ"
"อ๋อ......แต่ไม่มีรถบัสผ่านนะ"
ซวยแล้ว งานเข้า!!!!
"จริงเหรอคะ"
"มันก็มีแหละ แต่มีแค่วันละสองเที่ยว" ลุงบอกแล้วก็จิ้มๆป้ายรถประจำทางให้ดู
"เอางี้มั้ย อีกคนหนึ่ง(หมายถึงน้องสิงคโปร์) ก็ไป Tojinbo เหมือนกัน เดี๋ยวลุงขับรถให้ เสร็จแล้วจะไปส่งที่สถานีให้"
"เอาค่ะ" รีบตกลงไวมาก
สรุป ลุงจะพาเที่ยวแถบชายฝั่งค่ะ ลุงคิดค่ารถไปหน้าผาคนละ 500 Yen (เดินทางครึ่งชั่วโมง) แล้วคิดไปสถานีคนละ 700 Yen (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง) ถูกกว่าค่ารถบัสอีกค่ะ
คืนนั้นเลยหลับได้อย่างสบายใจ
ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน นัดลุงไว้เก้าโมง เราก็ตื่นมาเดินเล่นชายหาดก่อน จากเกสเฮ้าส์เดินลัดเนินเขามานิดเดียวเองค่ะ ชื่อหาด Takasu
อากาศดีค่ะ พอมาอยู่ชายหาดมันไม่หนาวมาก ชายหาดไม่ขาวสวยเหมือนบ้านเราค่ะ แต่ก็เป็นอีกอารมณ์ยืนดูทะเลหนาวๆ น้ำทะเลสีเข้มฟองสีขาวตัดกันเพลินๆ ฟ้าก็ใส ที่สำคัญคือบ้านเขาสะอาดค่ะ เห็นแนวกันคลื่นที่บ้านเราไม่มี เป็นญี่ปุ่นดีค่ะ
หลังจากเดินเล่นสักพักก็กลับมาเช็คเอาท์ค่ะแล้วลุงก็พอเที่ยว คือลุงแถมลัดเลาะชายฝั่งอีกด้านด้วยค่ะลุงบอกว่าสวยกว่า เป็นฝั่งที่ไปทาง Tsuruga ค่ะ
ลุงหยุดที่ผาเล็กๆไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร แต่ลุงบอกว่าเป็น Mini Tojibo ค่ะ
ขึ้นมาบนสุดก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันค่ะ
จากนั้นลุงก็แวะจุดชมวิวไปเรื่อยๆค่ะ
สุดท้ายลุงก็ไปถึง Tojinbo ค่ะ
โดย Tojinbo เนี่ยเป็นผาที่ถูกเซาะค่ะ เป็นอีก Landmark ของที่ Fukui เลย
แต่เอาจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าฝั่งที่คุณลุงพาขับรถไปทางไป Tsuruga สวยกว่าค่ะ ลุงบอกว่าฝั่งนั้นเป็นวิวริมทะเลที่สวยสุดแล้ว ไว้มีโอกาสให้ลองไปทางนู้นนะ
หลังจากใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงลุงก็พามาส่งที่สถานีค่ะ ซึ่งใครจะมาที่ Tojinbo เนี่ย ทางเดินเข้าไปมีอาหารทะเลน่ากินมากเปิดขายไปตลอดทางนะคะ ถ้ามีเวลาก็อยากจะลองกินปูที่นี่เหมือนกันค่ะ เขาว่าขึ้นชื่อ น่าเสียดาย
หลังจากมาถึงสถานีเราก็เข้าไปที่ Tourist information อีกครั้งค่ะ แต่คราวนี้เราเปลี่ยนไปวัด Eiheiji กันค่ะ ซึ่งคุณป้าก็ได้บอกเราว่า
"วัด Eiheiji มีตั๋วรถบัสไปกลับค่ะ ราคา 1,500 Yen รถรอบต่อไปออก 12.55 ค่ะ" แล้วคุณป้าก็เหลือบไปมองนาฬิกา
ตอนนี้......12.50 น.
"เอามั้ยคะ?" ป้าหันมาถามอีกรอบ
"เอาค่ะ" ในใจคิดว่าถ้าไปไม่ทันก็ไปรอบ 13.50 ก็ได้วะ
ป้าไม่รอช้าค่ะ หันกลับไปบอกเคาท์เตอร์ขายตั๋ว น่าจะประมาณว่า ขอตั๋วไปกลับ Eiheiji ใบนึง พร้อมกับรับเงินจากเรา จากนั้น.....
วิ่งจ้าาาาา คุณป้าพาวิ่งไปส่งที่ท่ารถเด้อ สรุป ทันค่ะ 12.55!!!!!
ท่ารถเนี่ยต้องออกทางประตู JR station East exit ท่ารถที่ 1 นะคะ
คุณป้ายืนหอบ โบกมือยิ้มแย้ม แล้วบอกเราว่า "Have a nice day" นี่รู้สึกผิดกับคุณป้าเลยค่ะ
นั่งรถมาครึ่งชั่วโมง ก็ถึงค่ะ วัด Eiheiji
วัดนี้เป็นวัดที่มีการใช้อยู่ค่ะ มีพระ เป็นศูนย์ใหญ่ศูนย์หนึ่งของนิกาย Zen ค่ะ วันอาทิตย์จะมีคนเข้ามาสวดมนต์ นั่งสมาธิ ข้างในตอนที่ไปก็มีการทำวัตรใหญ่อยู่ค่ะ
ค่าเข้าอยู่ที่ 500 Yen ค่ะ
เข้าไปจะเป็นอาคารใหญ่ก่อนค่ะตรงนี้เหมือนไม่เก่ามากค่ะลักษณะเป็นตึกเลยค่ะ
ข้างในเป็น Hall ที่ไม่แน่ใจว่าไว้ทำพิธีอะไรหรือเปล่าค่ะ
เข้ามาก็จะเป็นอาคารเล็กๆสเป็นชั้นๆบนเนินเขาค่ะ ต้องปีนบันไดนิดนึง ระหว่างกลางเป็นสวน สวยค่ะ
สรุปทริป 2 วัน 1 คืนนะคะ Fukui เป็นเมืองสวย สงบค่ะ มีทั้งทะเล มีเนินเขา มีวัดสวย มีพิพิธภัณฑ์ที่เยี่ยมยอด ประทับใจมากๆค่ะ ผู้คนไม่พลุกพล่านค่ะ
แต่จะมาต้องเตรียมใจว่าที่เที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างไกลจากกันค่ะ เช่ารถน่าจะดีที่สุด การเดินทางสาธารณะมีความซับซ้อนอยู่หน่อยแต่ก็ยังสะดวกใช้ได้อยู่ค่ะ
ที่นี่ยังใช้ภาษาอังกฤษน้อยค่ะ นอกจาก Tourist information แล้วกับที่เที่ยวใหญ่ๆแล้ว ที่เหลือป้ายต่างๆไม่มีอังกฤษเลยเจ้าค่ะ แต่คนญี่ปุ่นก็ยังพร้อมจะช่วย
เต็มที่จริงๆค่ะ ประทับใจ ไว้มีโอกาสจะมาอีกแน่นอนค่ะ