"หลายคนอาจจะสงสัยว่า
เรื่องธรณีสูบเกิดขึ้นจริงไหม และคนที่ประพฤติเช่นใดที่ต้องเผชิญยถากรรมแบบนี้
ซึ่งหากไปย้อนดูสมัยโบราณจะเห็นจุดร่วมสำคัญว่า
ผู้นั้นจะต้องทำบาปหนัก จนไม่อาจให้อภัยได้ เพราะให้อภัยให้แล้วแต่ยังก่อกรรมที่หนักขึ้นอีก เป็นผู้มีจิตใจต่ำทราม แม้แต่ธรณียังไม่อาจรับน้ำหนักของบาปกรรมไหว จนต้องสูบลงสู่ห้วงนรกอเวจี ไม่ได้เกิดชั่วกัปชั่วกัลป์
ซึ่งตามประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา มีผู้ที่ถูกธรณีสูบมากถึง 5 ชีวิตเลยทีเดียว (พระเทวทัต, พระเจ้าสุปปพุทธะ, นันทมานพ, นางจิญจมาณวิกา และนันทยักษ์ (
ไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ท้ายบทความ)
อย่างไรก็ตาม นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ตำนานที่ไม่ใครกล้ายืนยัน แต่ถ้าถามว่า โอกาสที่ธรณีสูบจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ตอบได้เลยว่า
'เป็นไปได้' และ 'เป็นไปแล้ว'
ดร.พีรนันท์ โตวชิราภรณ์ หัวหน้าแผนกวิเคราะห์ความเสี่ยงภัยพิบัติ องค์กรเตรียมภัยพิบัติแห่งเอเชีย อธิบายว่า ธรณีสูบตามหลักธรณีวิทยา แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือการที่
พื้นดินยุบลงไป กับการเลื่อนของพื้นดิน
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยและกลไกหลายอย่าง ตรงนั้นอาจจะเคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน หรือฝนตกหนักมาก ทำให้เกิดช่องว่างลงในชั้นพื้นดิน ตามเนินเขาต่างๆ ก็เช่นกัน โดยเฉพาะที่เป็นดินร่วนหรือดินเหนียว หากมีความชื้นหรือความอิ่มตัวของน้ำมากเกินไปก็มีสิทธิ์เลื่อนตัวได้
"หลุมพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่เป็นการสะสมมาเรื่อยๆ เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นตอนแรกที่ชั้นดิน แต่เกิดในจุดที่ลึกกว่านั้น โดยจะมาในรูปของช่องว่างหรือช่องอากาศที่เกิดขึ้นใต้ดิน หรือไม่ก็เกิดจากการไหลเลื่อนของดินทรายที่อยู่ในชั้นใต้ดิน จากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง และหากเกิดแรงสั่นสะเทือนหรือมีน้ำเข้ามามากๆ แล้วทำให้ชั้นดินรับน้ำหนักไม่ไหว ก็จะเกิดการยุบตัวเป็นหลุมในที่สุด ซึ่งบางประเทศยุบได้เป็นสิบๆ เมตรเลย"
ตัวอย่างที่โด่งดังสุด ก็คือกรุงกัวเตมาลา ประเทศกัวเตมาลา ที่เกิดธรณีสูบถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2550 ซึ่งจู่ๆ ก็มีหลุมขนาดยักษ์ถึง 100 เมตร มีผู้เสียชีวิตถึง 3 คน อีกครั้งในปี 2553 คราวนี้ลึก 60 เมตร กว้าง 20 เมตร กลืนกินสี่แยกและตึก 3 ชั้น แถมคร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายมากถึง 15 ราย
ส่วนประเทศไทย ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะรู้ก่อนว่าตรงนี้จะเกิดธรณีสูบหรือไม่นั้น ก็ยากไม่ใช่เล่น เพราะต้องมีการตรวจใต้ชั้นดิน ซึ่งจะทำเฉพาะเวลาสร้างอาคารสูง หรือทำอุโมงค์ใต้ดินเท่านั้น แต่อย่างดีที่เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ
"ประเทศที่มีโอกาสเสี่ยงก็คือ ประเทศที่มีแผ่นดินไหวเยอะ อย่างญี่ปุ่น ผมเคยเห็นว่าช่วงแผ่นดินไหว บ้านเขายุบตัวลงไป ในดินเพราะดินมันสูญเสียกำลังจะรับน้ำหนักแล้ว" ดร.พีรนันท์กล่าวทิ้งท้าย"
ข้อมูลและภาพจาก: http://www.kunkroo.com/catalog.php?idp=76
แถม "ว่าด้วยเรื่องการตายของอุทธิ"
...ถ้าลองคิดว่าไฟฟ้าในบ่อนเกิดลัดวงจร แล้วเกิดระเบิดขึ้นมาล่ะ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ระทึก เพลิงนรกเผาบ่อนกาสิโนปอยเปตตอนดึก พนักงานและนักพนันนับร้อยหนีตายอลหม่าน พบต้นเพลิงเกิดจากบริเวณลิฟต์ชั้น 5 ก่อนลุกลามไปตามช่องลิฟต์ลงมาชั้นล่างและขึ้นไปถึงชั้น 18 เปลวไฟลุผกโชนอย่างรุนแรง ส่งผลให้พนักงานบาดเจ็บ 6 คน เจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชาต้องระดมรถดับเพลิงกว่า 10 คันเข้าฉีดน้ำดับไฟเกือบ 1 ชม. ส่วนสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร
เหตุการณ์ไฟไหม้บ่อนกาสิโนปอยเปตหนีตายโกลาหล เปิดเผยเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 7 ม.ค.เกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อนเกนติ้งกาสิโน ฝั่งปอยเปต อ.โอวโจวโรว จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา อยู่ห่างจากด่านชายแดนบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ประมาณ 150 เมตร จุดเกิดเหตุเป็นอาคารใหม่สูง 18 ชั้นตั้งอยู่หลังบ่อนคราวน์กาสิโน เปลวไฟลุกไหม้บริเวณลิฟต์ชั้นล่าง ก่อนลุกลามขึ้นไปตามปล่องช่องลิฟต์อย่างรุนแรง ส่งผลให้พนักงานบ่อนและนักพนันที่เข้าไปเสี่ยงดวงนับร้อยคนพากันแตกตื่นหนีตายกันอลหม่าน
สอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า บ่อนกาสิโนแห่งนี้มีนักธุรกิจชาวจีนเป็นผู้บริหาร ส่วนเจ้าของเก่าเป็นเศรษฐีชาวกัมพูชา ภายในอาคารแบ่งเป็นส่วนของบ่อนกาสิโน และเปิดเป็นโรงแรมให้นักท่องเที่ยวกับนักเสี่ยงโชคส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวจีน ขณะที่พนักงานที่ทำงานอยู่ในบ่อนมีทั้งชาวจีนและกัมพูชา ก่อนเกิดเหตุมีคนเห็นควันไฟลุกไหม้บริเวณลิฟต์ชั้น 4 หรือ 5 ก่อนลุกลามตามช่องลิฟต์ชั้นล่างชั้นบนอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุรถดับเพลิงทางการกัมพูชาและของบ่อนกาสิโนกว่า 10 คัน มาฉีดน้ำสกัดเปลวไฟ และมีรายงานผู้บาดเจ็บเกือบ 10 คนทั้งหมดถูกนำส่ง รพ.ปอยเปต
ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุ นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.สระแก้ว มอบหมายให้ นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา นายอำเภออรัญประเทศ ติดตามความเคลื่อนไหวเหตุไฟไหม้บ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต ก่อนประสานความร่วมมือกับเทศบาลเมืองอรัญประเทศ และมูลนิธิกู้ภัยอรัญประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมรถดับเพลิง รถน้ำและรถกู้ชีพบริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ หากทางการของกัมพูชาขอความช่วยเหลือมาก็ให้ส่งไปช่วยทันที อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าหลังเกิดเหตุราว 40 กว่านาที รถดับเพลิงของกัมพูชาสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
ต่อมาเวลา 08.30 น.วันที่ 8 ม.ค. พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จ.สระแก้ว สั่งการให้ พ.ต.ต.จิรเดช พุฒินาทพัฒน์ สว.ตม.จ.สระแก้ว ประสาน ร.อ.เตชทัต เฉลิมจิตต์ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201 (ผบ.ร้อย ทพ.1201) ร่วมกันติดตามความคืบหน้าเหตุไฟไหม้ดังกล่าวจากนายซาน เซียนโฮ ผู้ว่าราชการกรุงปอยเปต ของกัมพูชา พบว่าบ่อนกาสิโนที่ถูกเพลิงไหม้ครั้งนี้เดิมเป็นของนายก๊ก อาน เศรษฐีใหญ่ชาวกัมพูชาและเป็นที่ปรึกษาของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่ให้นักธุรกิจชาวจีนเช่าเหมาตึกเพื่อทำบ่อนมากว่า 2 ปีแล้ว และมีการดึงนักธุรกิจจีนร่วมทำบ่อนกาสิโนออนไลน์อีกนับร้อยราย พนักงานบ่อนส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชาและชาวจีน ไม่มีคนไทย
สาเหตุเพลิงไหม้ตำรวจกัมพูชาร่วมกับเจ้าหน้าที่สห.กัมพูชา เข้าไปสำรวจพบว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณลิฟต์ชั้น 5 แล้วลุกลามในช่องลิฟต์ชั้นต่างๆ ทำให้เปลวเพลิงกระจายออกมาด้านนอกตามปล่อง ลิฟต์จนเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟแค่ 40 นาทีเท่านั้น เนื่องจากความเสียหายไม่มากนัก เพลิงไหม้เฉพาะลิฟต์เท่านั้น ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 6 คน เป็นพนักงานบ่อนชาวกัมพูชา 5 คน และพนักงานชาวจีน 1 คน ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บ ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่แค่สำลักควันไฟ มีเพียงชาวจีนที่ขาหักจากกระโดดหนีไฟชั้น 4
ช่วงสายวันเดียวกัน นายซาน เซียน โฮ ผู้ว่าราชการกรุงปอยเปต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สห.ของกัมพูชา เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อนเกนติ้งกาสิโน จากนั้นเปิดเผยว่า สาเหตุเพลิงไหม้มาจากไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณลิฟต์ชั้น 5 ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนผู้บาดเจ็บมีเพียง 6 คนเท่านั้น
ข้อมูลและภาพจาก: https://www.thairath.co.th/news/foreign/1465058
ว่าด้วยเรื่อง "ธรณีสูบ" (การตายของรวี)
ซึ่งหากไปย้อนดูสมัยโบราณจะเห็นจุดร่วมสำคัญว่า ผู้นั้นจะต้องทำบาปหนัก จนไม่อาจให้อภัยได้ เพราะให้อภัยให้แล้วแต่ยังก่อกรรมที่หนักขึ้นอีก เป็นผู้มีจิตใจต่ำทราม แม้แต่ธรณียังไม่อาจรับน้ำหนักของบาปกรรมไหว จนต้องสูบลงสู่ห้วงนรกอเวจี ไม่ได้เกิดชั่วกัปชั่วกัลป์
ซึ่งตามประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา มีผู้ที่ถูกธรณีสูบมากถึง 5 ชีวิตเลยทีเดียว (พระเทวทัต, พระเจ้าสุปปพุทธะ, นันทมานพ, นางจิญจมาณวิกา และนันทยักษ์ (ไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ท้ายบทความ)
อย่างไรก็ตาม นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ตำนานที่ไม่ใครกล้ายืนยัน แต่ถ้าถามว่า โอกาสที่ธรณีสูบจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ตอบได้เลยว่า 'เป็นไปได้' และ 'เป็นไปแล้ว'
ดร.พีรนันท์ โตวชิราภรณ์ หัวหน้าแผนกวิเคราะห์ความเสี่ยงภัยพิบัติ องค์กรเตรียมภัยพิบัติแห่งเอเชีย อธิบายว่า ธรณีสูบตามหลักธรณีวิทยา แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือการที่พื้นดินยุบลงไป กับการเลื่อนของพื้นดิน
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยและกลไกหลายอย่าง ตรงนั้นอาจจะเคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน หรือฝนตกหนักมาก ทำให้เกิดช่องว่างลงในชั้นพื้นดิน ตามเนินเขาต่างๆ ก็เช่นกัน โดยเฉพาะที่เป็นดินร่วนหรือดินเหนียว หากมีความชื้นหรือความอิ่มตัวของน้ำมากเกินไปก็มีสิทธิ์เลื่อนตัวได้
"หลุมพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่เป็นการสะสมมาเรื่อยๆ เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นตอนแรกที่ชั้นดิน แต่เกิดในจุดที่ลึกกว่านั้น โดยจะมาในรูปของช่องว่างหรือช่องอากาศที่เกิดขึ้นใต้ดิน หรือไม่ก็เกิดจากการไหลเลื่อนของดินทรายที่อยู่ในชั้นใต้ดิน จากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง และหากเกิดแรงสั่นสะเทือนหรือมีน้ำเข้ามามากๆ แล้วทำให้ชั้นดินรับน้ำหนักไม่ไหว ก็จะเกิดการยุบตัวเป็นหลุมในที่สุด ซึ่งบางประเทศยุบได้เป็นสิบๆ เมตรเลย"
ตัวอย่างที่โด่งดังสุด ก็คือกรุงกัวเตมาลา ประเทศกัวเตมาลา ที่เกิดธรณีสูบถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2550 ซึ่งจู่ๆ ก็มีหลุมขนาดยักษ์ถึง 100 เมตร มีผู้เสียชีวิตถึง 3 คน อีกครั้งในปี 2553 คราวนี้ลึก 60 เมตร กว้าง 20 เมตร กลืนกินสี่แยกและตึก 3 ชั้น แถมคร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายมากถึง 15 ราย
ส่วนประเทศไทย ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ใหญ่ๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะรู้ก่อนว่าตรงนี้จะเกิดธรณีสูบหรือไม่นั้น ก็ยากไม่ใช่เล่น เพราะต้องมีการตรวจใต้ชั้นดิน ซึ่งจะทำเฉพาะเวลาสร้างอาคารสูง หรือทำอุโมงค์ใต้ดินเท่านั้น แต่อย่างดีที่เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ
"ประเทศที่มีโอกาสเสี่ยงก็คือ ประเทศที่มีแผ่นดินไหวเยอะ อย่างญี่ปุ่น ผมเคยเห็นว่าช่วงแผ่นดินไหว บ้านเขายุบตัวลงไป ในดินเพราะดินมันสูญเสียกำลังจะรับน้ำหนักแล้ว" ดร.พีรนันท์กล่าวทิ้งท้าย"
ข้อมูลและภาพจาก: http://www.kunkroo.com/catalog.php?idp=76
แถม "ว่าด้วยเรื่องการตายของอุทธิ"
...ถ้าลองคิดว่าไฟฟ้าในบ่อนเกิดลัดวงจร แล้วเกิดระเบิดขึ้นมาล่ะ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้