สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ลูกสองคน ไม่ส่งเรียนพิเศษอะไรเลย สอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐได้
คนโตจบวิศวะ ทำงานเป็น IT manager
คนรองหญิงจบบัญชีเกียรตินิยม 2 ทำงานเป็น accountant manager
ทั้งสองคนอายุยังไม่ถึง 40 เงินเดือนเกือบแสนแล้ว
ผมเองมาจากบ้านจน เดินไป รร 12 ปี ไม่มีเงินค่ารถเมล์ ไม่มีเงินกินขนม บ้านไม่มีวิทยุพัดลม แค่อาศัยห้องสมุดกับเรียนในห้องเรียน ก็สามารถสอบชิงทุนไปเรียนตรีที่ออสเตรเลียได้เมื่อ 50 ปีก่อน
ถ้าเรียนพิเศษมันจำเป็นเพื่อความสำเร็จในชิวิต ชาตินี้ผมก็คงเป็นกรรมกรเหมือนพ่อแม่ เพราะเป็นลูกคนจนข้นแค้น ไม่มีเงินค่ารถเมย์ ไม่มีเงินกินขนม น้ำอัดลมเป็นของวิเศษ ได้กินเมื่อโอกาสสำคัญปีหนึ่งแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น
คิดดูดีๆ คิดนานๆ มันอยู่ที่เรียนพิเศษหรืออยู่ที่ตัวนักเรียนเอง
คนโตจบวิศวะ ทำงานเป็น IT manager
คนรองหญิงจบบัญชีเกียรตินิยม 2 ทำงานเป็น accountant manager
ทั้งสองคนอายุยังไม่ถึง 40 เงินเดือนเกือบแสนแล้ว
ผมเองมาจากบ้านจน เดินไป รร 12 ปี ไม่มีเงินค่ารถเมล์ ไม่มีเงินกินขนม บ้านไม่มีวิทยุพัดลม แค่อาศัยห้องสมุดกับเรียนในห้องเรียน ก็สามารถสอบชิงทุนไปเรียนตรีที่ออสเตรเลียได้เมื่อ 50 ปีก่อน
ถ้าเรียนพิเศษมันจำเป็นเพื่อความสำเร็จในชิวิต ชาตินี้ผมก็คงเป็นกรรมกรเหมือนพ่อแม่ เพราะเป็นลูกคนจนข้นแค้น ไม่มีเงินค่ารถเมย์ ไม่มีเงินกินขนม น้ำอัดลมเป็นของวิเศษ ได้กินเมื่อโอกาสสำคัญปีหนึ่งแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น
คิดดูดีๆ คิดนานๆ มันอยู่ที่เรียนพิเศษหรืออยู่ที่ตัวนักเรียนเอง
แสดงความคิดเห็น
ถ้ามีลูกแล้วไม่ส่งเรียนพิเศษอะไรเลย จะเป็นอะไรไหมครับ
ที่ผมจะทำก็คือ
ให้เขาเข้าเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน หรือเดินทางที่สะดวกสุด เพื่อให้เขาได้มีเวลาพักผ่อนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
จากเหตุผลข้อเมื่อกี้ แน่นอน วันเสาร์อาทิตย์ ก็คงไม่ส่งเขาไปเรียนที่ไหน ให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่
รวมถึงวันธรรมดา หลังเลิกเรียนก็จะไม่มีเรียนพิเศษ ทั้งในและนอกโรงเรียนเช่นกัน
คิดว่าสมัยนี้การทำแบบนี้จะเวิร์คหรือไม่ครับ
บางคนอาจจะคิดว่าผมงกอะไรหรือเปล่า ก็อาจจะมีส่วน แต่ส่วนที่ใหญ่กว่า ก็เพื่ออยากให้เขาได้เกิดมา Relax มากกว่าจะเกิดมาเพื่ออยู่ในห้องเรียนมากเกินไปครับ
แต่ถ้าหากเขาเดินมาบอกผมเองว่าอยากเรียนอะไร ก็จะให้เขาเรียนทันทีครับ
เพื่อนๆคิดอย่างไรบ้าง หรือมีใครที่ทำแบบผมอยู่แล้วบ้าง อยากให้ช่วยแชร์ให้ฟังหน่อยครับ ว่าเวิร์คหรือไม่
ขอบคุณครับ