ยินดีต้อนรับสู่กระทู้เที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน แบบจุกจุกไปเลยจ้า ด้วยงบ 3000 บาท รวมค่าเดินทางไปกลับ – กลับ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ พร้อมสัมภาระและผู้รวมชะตากรรมรวมเบ็จเสร็จแล้ว 6 ชีวิตจ้า
เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง 
1.ที่พัก :
พวกเราจองโรงแรมผ่านแอพ traveloka ได้ส่วนลดในคืนแรกเหลือ 500 บาทต่อห้อง จากเดิม 600 บาท ชื่อโรงแรม “ ภูศิริ เพลส เชียงใหม่ ” โรงแรมอยู่ไม่ไกลจากสถานีขนส่งเชียงใหม่ ตกคนละ 167 บาท
2.ตั๋วรถทัวร์นครชัยแอร์ : เหตุผลที่เลือกเดินทางโดยรถทัวร์ เพราะว่า...........................................................................................................
: เราจะไปเชียงใหม่กันยังไงอ่ะ ?
: นั่งเครื่องไปมั้ย ? ช่วงนี้ตั๋วถูก 
: ก็ดีนะ จะได้ไม่เหนื่อยกับการเดินทาง ไปถึงก็เที่ยวเลย
: อยากไปรถไฟอ่ะ นั่งชิวๆ ชมวิวไป
: ไม่อยากไปรถไฟอ่ะ เมื่อยยยยยยยยยยยยยยย!
: ราคาตัวรถไฟถูกมากเลย
: งั้นจองเลย
: เต็มแล้วครับ
10 นาที ผ่านไป
: งั้นไปจองเครื่องเหอะ
: ตอนนี้ราคาตั๋วเพิ่มขึ้นแล้วครับ (เพิ่มขึ้นเท่าตัว)
: โอเค นครชัยแอร์เลยจ้า
ขาไป กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ รถออก เวลา 23.30 – 08.10 น. ราคา 617 บาท/คน
ขากลับ เชียงใหม่ – กรุงเทพฯ รถออก เวลา 20.45 – 06.30 น. ราคา 617 บาท/คน
Day 1 ถึงเชียงใหม่ เวลา 08.10 น.
เมื่อถึงสถานีขนส่งเชียงใหม่ทำการเช่ารถยนต์ที่อาเขต ข้างๆสถานีส่ง ในราคา 1100 บาท ต่อวัน ค่ามัดจำ 3000 บาท น้ำมันเต็มถัง เหตุผลที่ตัดสินใจเช่ารถยนต์ในวันแรก เพราะสะดวกแก่การเดินทางเนื่องจากสถานที่ที่เราจะไป คือ อำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งรถโดยสารประจำทางหรือรถแดงไม่สามารถเข้าถึงในสถานที่ที่เราจะไปได้ และดอยสะเก็ดมีเส้นทางที่ไม่ชันมาก จึงทำให้สามารภขับรถไปเองได้
สถานที่ที่ 1 สะพานเชื่อมใจเขื่อนแม่กวง
                ตอนเดินทางไปถึงประตูทางเข้าเขื่อนปิด GPS เลยพาเราอ้อมจนเราหลงทาง แต่เราได้ไปเจอคุณลุงใจดีขี่รถนำทางเราไปจนถึงทางเข้าสะพานเชื่อมใจเขื่อนแม่กวง ที่นั้นอากาศดีมากและมีทิวทัศน์คล้ายฉากหนึ่งใน Harry potter ลมเย็นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 
หลังจากนั้นเราก็ขับรถย้อนกลับมาเพื่อกินข้าวกลางวัน เจอร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งดึงดูดพวกเราให้เข้าไปกินร้านนั้น ชื่อร้านว่า “ มหามิตร MYFRIEND “
     เมื่อไปถึงภายในมีการตกแต่งสวยงาม เจ้าของร้านใจดีมากกกกกก และยังเป็นชาวบ้านในพื้นที่ อาการเป็นอาหารพื้นเมืองของภาคเหนือ ซึ่งพวกเราได้สั่ง ต้มแซ่บ ส้มตำ คอหมูย่าง ลาบคั่ว ข้าวผัดปู อย่างละ 2-3 จาน ซศึ่งรสชาติของอาหารคืออร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก โดยเฉพาะลาบคั่ว แถมราคายังถูกมาก โดยเฉลี่ยจ่ายไปคนละ 50 บาทเองจ้า
ภายในร้านเราสามารถเปิดเพลง หรือคาราโอเกะได้ตามใจชอบ แต่ต้องขออนุญาติคุณลุงคุณป้าก่อนนะจ๊ะ

สถานที่ที่ 2 อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้
                ระหว่างเดินทางเป็นอุปสรรคกับเรามากกกกกกก เพราะว่าถนนเส้นที่เราไปมีการทำถนนตลอดเส้นทาง บวกกับฝนตกปรอยๆ จึงทำให้เจอทั้งฝุ่น ทั้งโคลน ทั้งฝน และสภาพรถที่ไม่ค่อยอำนวยต่อเราสักเท่าไหร่ แต่เมื่อไปถึงเราก็กับสายน้ำที่พร้อมกับดินแดง ทำให้น้ำไม่ใส เพราะเกิดจากการปรับปรุงอุทยาน แต่บรรยากาศภายในดีมาก
สถานที่ที่ 3 วัดพระธาตุดอยสะเก็ด
                เราขับรถขึ้นไปข้างบนยอดดอยของวัด ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทและพระธาตุดอยสะเก็ด ข้างหน้าพระธาตุมีหมูป่าฝูงหนึ่งวิ่งไล่ พวกเราจึงไม่ได้เข้าไปข้างในพระธาตุ 
     หลังจากที่เราไปวัดพระธาตุดอยสะเก็ดเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้ทำการเช็คอินเข้าโรงแรม ที่พวกเราไม่เช็คอินเข้าโงแรมในตอนเช้า เพราะทางโรงแรมแจ้งมาว่าต้องเช็คอินในเวลา 14.00 น. เลยทำให้พวกเราต้องออกไปเที่ยวก่อนค่อยกลับมาเช็คอินและพักผ่อนตามอัธยาศัย

     เมื่อเราทำธุระส่วนเสร็จกันเรียบร้อยเราก็ทำการตามหาของกินในมื้อเย็น โดยร้านที่เราไปกินจะอยู่ด้านหลัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชื่อว่าร้าน “ ฮ้านถึงเจียงใหม่ ” เราสั่งแบบไม่คิดชีวิตเลย เพราะหิวมากกกกกกกกก เมนูอาหารตามรูปภาพเลยจ้า ในมื้อนี้เฉลี่ยนเสียเงินไปคนละ 80 บาท เท่านั้นเอง

     หลังจากอิ่มท้องแล้ว พวกเราก็ต้องนำรถที่เช่ามาไปคืน โดยตอนแรกที่เราไปเช่าจะมีน้ำมันให้เราเต็มถัง แต่เวลาไปคืน เราก็ต้องเติมคืนให้เขาเต็มถังเช่นกันนะจ๊ะ โดยเราเสียค่าน้ำมันทั้งวันที่ขับรถหลงไปหลงมาแล้ว แค่ 300 บาทเท่านั้นเอง และทำการเดินกลับโรงแรมพักผ่อนเพื่อวันถัดไป
Day 2 เพื่อนนัด 07.45 น.
                เวลา 06.45 น. ไปเคาะประตูห้องเพื่อน เพื่อนเปิดประตูมาพร้อมกับความง่วงและงง “ ผมนัดพวกคุณ 07.45 น. นี่ เช้าขนาดนี้ผมพึ่งตื่น ” 
............................นั่งโง่ ๆ รอเพื่อนหน้าโรงแรม 1 ชั่วโมง จากนั้นพวกเราก็ทำการเช่าโรงแรมต่ออีกคืน โดยครั้งนี้ไม่มีส่วนลดแล้ว จึงเสียไปคนละ 200 บาท โดยรถจะออก 08.45 น.
                เมื่อทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันเรียบร้อย เราจึงเดินไปหน้าซอยและโบกรถแดงไปตลาดวโรรสตกคนละ 20 บาท เพื่อขึ้นรถตู้ไปแม่กำปองจ้า แต่รถตู้ไปแม่กำปองต้องจองล่วงหน้าก่อนวันเดินทางนะจ๊ะ ไม่งั้นรถเต็มและจะไม่มีรถไปเลยจ้า โดยราคา ไป- กลับ รวมคนละ 300 บาท แต่เราไม่ได้นอนพักำที่แม่กำปอง เราเลยไปเช้าเย็นกลับ แต่หากใครที่ต้องการกินบรรยากาศเช้าๆ แนะนำให้ไปนอนพักที่แม่กำปองเลยจ้า
สถานที่ที่ 4 แม่กำปอง
                เมื่อถึงแม่กำปองเราก็ไปกินอาหารเช้าที่ร้าน แม่นิ่ม เป็นร้านที่ดังและบรรยากาศดีมากกกกกกกกกกก ค่าเสียหายกับการรับประทานอาหารคนละ 86 บาท
สถานที่ที่ 5 บ้านป่าเมี้ยง จังหวัดลำปาง
     บังเอิญคนขับรถตู้แนะนำเราว่ามีหมู่บ้านที่ยังคงอนุรักษ์ธรรมชาติมากกว่าแม่กำปองอยู่อีกหนึ่งหมูบ้านแต่เราต้องข้ามดอยไปจังหวัดลำปาง ค่ารถไป – กลับ ตกคนละ 200 บาท ทางไปหมู่บ้านมีความชันและแคบมาก มีความแอดเวนเจอร์มาก เรียกได้ว่าหูอื้อประมาณล้านรอบ
เมื่อไปถึงภายในหมู่บ้านมีวัดป่าเมี้ยง มีธารน้ำตัดผ่านถนน มีน้ำตกเล็ก มีธรรมชาติที่ยังถูกเก็บไว้ โดยที่เราไปถึงเราได้เจอคุณลุงใจดี ที่พาเราเดินเล่น แวะชิมต้นต่างๆที่สามารถกินได้ตลอดทาง และเป็นไกด์นำทางพาเราเดินเที่ยวรอบ ๆ หมู่บ้าน
สถานที่ที่ 6 กิ่วฝิ่น
                เมื่อเรากลับจากหมู่บ้านป่าเมี้ยง คนชับรถจะพาเราแวะชมวิวที่กิ่วฝิ่น โดยเราจะเดินขึ้นจาก จังหวัดลำปาง และลงมาทางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งข้างบนกิ่วฝิ่นอากาศดีมากกกกกกกกกกกกกกก วิวภูเขาสวยมากจ้าาาาาาาาาา
สถานที่ที่ 7 น้ำตกแม่กำปอง
                เมื่อเราแวะที่กิ่วฝิ่นเสร็จแล้ว คนขับก็จะพาแวะที่น้ำตกแม่กำปองอีก บอกเลย 200 บาทคุ้มมากจ้า เมื่อเดินขึ้นไปบนน้ำตกแล้วจะพบว่าเราเหนื่อยมากจ้า 5555 แต่ความเหนื่อยของเราจะไม่เสียเปล่าเพราะข้างบนจะมีน้ำตกที่ไหลลงมาจากเขามีความสวยงามมาก ( แอบเสียดายที่เขาเปิดให้ขึ้นแค่ไม่ดี่ชั้น มันมีทางขึ้นต่อแต่เขาได้ปิดไม่ให้เดินขึ้นไปแล้ว )
                หลังจากที่เราเที่ยวได้ครบแล้วเราก็ลงมายังหมู่บ้านแม่กำปองอีกครั้ง เพื่อรอเวลากลับ 16.30 น. ระหว่างนั้นเราก็เดินเล่นชมวิว หาของกินและของฝากกันจนมีรถกลับไปส่งที่โรงแรม
                เมื่อถึงโรงแรมเราก็ทำการพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้เที่ยวในยามราตรีอีกครั้งงงงงงงง
สถานที่ที่ 8 ถนนคนเดินประตูท่าแพ
                เราได้เรียกแกร็บจากโรงแรม ลืมบอกไป ต้องแร็บรถแดงนะ เสียไปคนละ 30 บาท ไปถนนคนเดินประตูท่าแพ ถนนคนเดินประตูท่าแพจะมีในคืนวันอาทิตย์ และเราก็ไปตรงวันนั้นพอดี จึงทำให้เราได้เดินเที่ยว ถนนคนเดินมีความยาวที่ยาวมวาก มากแบบเดินไม่ไหวแล้ว เดินเท่าไหร่ก็ไม่สุดสักที นี่ขนาดยังไม่เดินเข้าตามซอกตามซอย ที่เราไปถนนคนเดินเพราะอยากไปเที่ยวนั้นแหละ 5555 ไปหาของกินและของฝากตามประสานักท่องเที่ยว กว่าจะเดินเสร็จเล่นเอาหอบเหมือนกันเด้อ
                หลังจากนั้นพวกเราก็ทำการเดินทางกลับโดยใช้รถแดงตามเดิม แต่เราบอกคนของขับรถไปเลยว่าให้ไปส่งที่โรงแรมภูศิริ จึงทำให้เราไปต้องเสียแรงเดินทางหน้าซอย