ภาคต่อค่ะ ต่อเนื่องจากที่กระทู้เก่าเราอยู่ๆ ก็บูม แถมออกทะเลนิด ๆ ไปหน่อยเนื่องจากมีเพจดังเอาทู้เราไปแชร์ ก็งง ๆ บางคนว่าเรา บางคนให้กำลังใจ แต่เราก็ยอมรับความจริงได้
อัพเดตต่อนะคะ ตอนนี้เรายังคงรักษาตัวพักฟื้นอยู่กับบ้าน ทำงานจากบ้านบางอย่าง ควบคุมงานบางอย่างที่พอทำได้
เพื่อที่วันที่เราไปทำงานได้ จะได้ไม่สะสมเป็นดินพอกหางหมูและต่องานได้แบบรู้เรื่องด้วยค่ะ ซึ้งใจหัวหน้าเรามากค่ะ
ที่เข้าใจเรามาก...
กับสิ่งที่เราเป็น workaholic ถ้าในมุมมองเรา เราสนุกกับการทำงานมากกว่า เราเปลี่ยนงานมาไม่กี่ที่ แต่กับที่นี่เราทำมาจะ 9 ปีแล้ว
ไม่แปลกที่เราอยู่ได้นาน หัวหน้าดี ทีมงานดี เพื่อน ๆ ดี สังคมดี เงินเดือนพอสมควร เนื้องานท้าทายความสามารถ
เราจึงสนุกกับงานมากกว่าอยู่ที่เก่า
แต่ถามว่าเรา work life balance ไหม จริง ๆ วันทำงาน จ-ศ เราทำงานเต็มที่ ทำโอทีกลับบ้าน ช่วงไหนงานน้อยหน่อยก็กลับบ้านได้
บ้านเราไกลที่ทำงาน มีรถบริษัทรับส่ง ก็อาศัยหลับในรถเอา ค่อนข้างชินแล้ว
ส่วนกับที่บ้านครอบครัว และลูก 3 ขวบ กลับมาก็ใช้เวลาส่วนตัวกัน วัน ส -อา ก็พักผ่อน ช็อปปิ้งกินข้าว ดูแลลูก สอนการบ้าน
ไม่ทำโอที อยู่กับบ้าน ไม่มีงานมากวน ไม่มีโทรตาม หัวหน้าเราดีและน่ารักมากค่ะ เหมือนถูกหวยล้านเลย ใครที่ได้หัวหน้าดีอะ แกสอนให้เราให้เวลากับสุขภาพและครอบครัวมาก่อน เวลาเราจะลาไปเที่ยวต่างประเทศยาว ๆ แกก็ให้นะ อย่างน้อยแค่บอกก่อนล่วงหน้า แกก็ไม่ว่าค่ะ เวลาไปเที่ยว มีถามงานบ้าง แต่น้อยมากจริงๆ
ดังนั้น มันไม่แปลกที่พอเราอยู่กับบ้าน จะมีความคิดถึงงาน เพราะงานสนุก ท้าทาย เวลาเราสนุกกับงาน ความเครียด ความกดดัน
มันน้อยมากนะคะ ความรู้สึกรักทีมงาน อยากช่วยหัวหน้ากับทีมงานแบ่งเบามันมีมากกว่าอะ
อย่างช่วงนี้ น้องที่เราสอน ๆ งานไว้ ก็ไลน์มาบ้าง เมลล์มาบ้าง มาถามงานเรื่อย ๆ เราก็ให้แจ้งเรากลับเสมอ น้อง ๆ ก็ทำงานแทนเราไปหนักเหมือนกัน น้องๆในทีมค่อนข้างน่ารักทุกคน โชคดีมากเรา
ก่อนที่เราจะเข้าเฝือกขา แล้วพักยาว 3 อาทิตย์กว่า ชีวิตการทำงานกำลังสนุกมาตลอดหลายปี ลูกชายกำลังเรียนรู้ ดื้อซน น่ารัก เป็นของขวัญที่ดีที่สุดของชีวิต การเดินทางท่องเที่ยวก็มีแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกปลายปีนี้ด้วย ขณะเดียวกัน เราก็เพิ่งได้คะแนน Toeic เพื่อสำหรับเพิ่มสวัสดิการที่ออฟฟิศให้เพิ่มด้วย ออฟฟิศเราให้ค่าภาษาเยอะมากนะ เรียกได้ว่าถ้าได้ 730 คะแนนต่อเดือนนี่ เงินสวัสดิการเพิ่มจากเงินเดือนอีกเดือนละ 10000 ได้เลย เราขาด 5 คะแนนอะ ยังเจ็บใจอยู่ ---เรียกได้ว่าชีวิตกำลังดีทุก ๆ ด้าน เรื่องสุขภาพ เราตรวจสุขภาพปีละครั้ง และเรากำลังรอลูกโตอีกนิด ว่าจะพาวิ่งค่ะ เอาเค้าไปวิ่งตอนนี้ สำหรับเรายังเห็นว่าเด็กไปนิดนึง---
ส่วนอัพเดตสำหรับขาที่เข่าเข้าเฝือกอยู่ หมอบอกว่าอาทิตย์หน้าใส่ support ต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ วันจันทร์ที่ 18 พย ไปทำงานได้แล้ว แต่อย่าเพิ่งเดินบ่อย ค่อย ๆ ปรับเครื่องมือไปทีละสัปดาห์ (เหมือนปรับลวดจัดฟันอะ พูดยาก) หมอบอกรวมๆ ตั้งแต่รักษาครั้งแรกจนถึงวันถอดชุดเฝือก support เป็น 6 สัปดาห์ จนประมาณ 5-10 ธค จะใส่ support อ่อนซึ่งจะคล่องขึ้น และเราไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ แต่ให้ระวังถ้าต้องเดินบ่อย ๆ ค่ะ
วันที่เราไปหาหมอล่าสุดวันพฤหัส คุยกับหมอร่วมครึ่งช.ม.แน่ะ สงสัยกังวล กลัวเดินไม่ได้ กลัวใช้ชีวิตไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ หมอรับปากว่าเดินได้แน่ ๆ แต่หมอบอกว่า ถ้าหากเกิดเหตุการณ์นี้อีกครั้งหมอขอให้ผ่าตัด เราได้เคยอ่าน ๆ มาบ้าง แต่ก็ค่อนข้างกังวลกว่าค่ะ ช่วงนี้หมอบอกว่าให้ร่างกายเยียวยาฟื้นฟูรักษาตัวเองให้แข็งแรง หมอหวังว่าเอ็นร่างกายที่เข่าจะแข็งแรงเองด้วยการใส่เฝือกและรักษาตลอด 6 สัปดาห์ค่ะ
ช่วงนี้เราก็นั่งดูหนังฝรั่งไป เพื่อฝึกทักษะภาษาอังกฤษ จะได้คว้าสวัสดิการ 10000 บาทมาเลี้ยงครอบครัวค่ะ
(ภาคต่อ) เมื่อเราเป็น Workaholic แบบ Perfectionist เกิดอุบัติเหตุต้องหยุดงานเกือบเดือน รู้สึกแย่กับตัวเอง
อัพเดตต่อนะคะ ตอนนี้เรายังคงรักษาตัวพักฟื้นอยู่กับบ้าน ทำงานจากบ้านบางอย่าง ควบคุมงานบางอย่างที่พอทำได้
เพื่อที่วันที่เราไปทำงานได้ จะได้ไม่สะสมเป็นดินพอกหางหมูและต่องานได้แบบรู้เรื่องด้วยค่ะ ซึ้งใจหัวหน้าเรามากค่ะ
ที่เข้าใจเรามาก...
กับสิ่งที่เราเป็น workaholic ถ้าในมุมมองเรา เราสนุกกับการทำงานมากกว่า เราเปลี่ยนงานมาไม่กี่ที่ แต่กับที่นี่เราทำมาจะ 9 ปีแล้ว
ไม่แปลกที่เราอยู่ได้นาน หัวหน้าดี ทีมงานดี เพื่อน ๆ ดี สังคมดี เงินเดือนพอสมควร เนื้องานท้าทายความสามารถ
เราจึงสนุกกับงานมากกว่าอยู่ที่เก่า
แต่ถามว่าเรา work life balance ไหม จริง ๆ วันทำงาน จ-ศ เราทำงานเต็มที่ ทำโอทีกลับบ้าน ช่วงไหนงานน้อยหน่อยก็กลับบ้านได้
บ้านเราไกลที่ทำงาน มีรถบริษัทรับส่ง ก็อาศัยหลับในรถเอา ค่อนข้างชินแล้ว
ส่วนกับที่บ้านครอบครัว และลูก 3 ขวบ กลับมาก็ใช้เวลาส่วนตัวกัน วัน ส -อา ก็พักผ่อน ช็อปปิ้งกินข้าว ดูแลลูก สอนการบ้าน
ไม่ทำโอที อยู่กับบ้าน ไม่มีงานมากวน ไม่มีโทรตาม หัวหน้าเราดีและน่ารักมากค่ะ เหมือนถูกหวยล้านเลย ใครที่ได้หัวหน้าดีอะ แกสอนให้เราให้เวลากับสุขภาพและครอบครัวมาก่อน เวลาเราจะลาไปเที่ยวต่างประเทศยาว ๆ แกก็ให้นะ อย่างน้อยแค่บอกก่อนล่วงหน้า แกก็ไม่ว่าค่ะ เวลาไปเที่ยว มีถามงานบ้าง แต่น้อยมากจริงๆ
ดังนั้น มันไม่แปลกที่พอเราอยู่กับบ้าน จะมีความคิดถึงงาน เพราะงานสนุก ท้าทาย เวลาเราสนุกกับงาน ความเครียด ความกดดัน
มันน้อยมากนะคะ ความรู้สึกรักทีมงาน อยากช่วยหัวหน้ากับทีมงานแบ่งเบามันมีมากกว่าอะ
อย่างช่วงนี้ น้องที่เราสอน ๆ งานไว้ ก็ไลน์มาบ้าง เมลล์มาบ้าง มาถามงานเรื่อย ๆ เราก็ให้แจ้งเรากลับเสมอ น้อง ๆ ก็ทำงานแทนเราไปหนักเหมือนกัน น้องๆในทีมค่อนข้างน่ารักทุกคน โชคดีมากเรา
ก่อนที่เราจะเข้าเฝือกขา แล้วพักยาว 3 อาทิตย์กว่า ชีวิตการทำงานกำลังสนุกมาตลอดหลายปี ลูกชายกำลังเรียนรู้ ดื้อซน น่ารัก เป็นของขวัญที่ดีที่สุดของชีวิต การเดินทางท่องเที่ยวก็มีแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกปลายปีนี้ด้วย ขณะเดียวกัน เราก็เพิ่งได้คะแนน Toeic เพื่อสำหรับเพิ่มสวัสดิการที่ออฟฟิศให้เพิ่มด้วย ออฟฟิศเราให้ค่าภาษาเยอะมากนะ เรียกได้ว่าถ้าได้ 730 คะแนนต่อเดือนนี่ เงินสวัสดิการเพิ่มจากเงินเดือนอีกเดือนละ 10000 ได้เลย เราขาด 5 คะแนนอะ ยังเจ็บใจอยู่ ---เรียกได้ว่าชีวิตกำลังดีทุก ๆ ด้าน เรื่องสุขภาพ เราตรวจสุขภาพปีละครั้ง และเรากำลังรอลูกโตอีกนิด ว่าจะพาวิ่งค่ะ เอาเค้าไปวิ่งตอนนี้ สำหรับเรายังเห็นว่าเด็กไปนิดนึง---
ส่วนอัพเดตสำหรับขาที่เข่าเข้าเฝือกอยู่ หมอบอกว่าอาทิตย์หน้าใส่ support ต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ วันจันทร์ที่ 18 พย ไปทำงานได้แล้ว แต่อย่าเพิ่งเดินบ่อย ค่อย ๆ ปรับเครื่องมือไปทีละสัปดาห์ (เหมือนปรับลวดจัดฟันอะ พูดยาก) หมอบอกรวมๆ ตั้งแต่รักษาครั้งแรกจนถึงวันถอดชุดเฝือก support เป็น 6 สัปดาห์ จนประมาณ 5-10 ธค จะใส่ support อ่อนซึ่งจะคล่องขึ้น และเราไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ แต่ให้ระวังถ้าต้องเดินบ่อย ๆ ค่ะ
วันที่เราไปหาหมอล่าสุดวันพฤหัส คุยกับหมอร่วมครึ่งช.ม.แน่ะ สงสัยกังวล กลัวเดินไม่ได้ กลัวใช้ชีวิตไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ หมอรับปากว่าเดินได้แน่ ๆ แต่หมอบอกว่า ถ้าหากเกิดเหตุการณ์นี้อีกครั้งหมอขอให้ผ่าตัด เราได้เคยอ่าน ๆ มาบ้าง แต่ก็ค่อนข้างกังวลกว่าค่ะ ช่วงนี้หมอบอกว่าให้ร่างกายเยียวยาฟื้นฟูรักษาตัวเองให้แข็งแรง หมอหวังว่าเอ็นร่างกายที่เข่าจะแข็งแรงเองด้วยการใส่เฝือกและรักษาตลอด 6 สัปดาห์ค่ะ
ช่วงนี้เราก็นั่งดูหนังฝรั่งไป เพื่อฝึกทักษะภาษาอังกฤษ จะได้คว้าสวัสดิการ 10000 บาทมาเลี้ยงครอบครัวค่ะ