งั้นเรามาเริ่มกันเลยแล้วกันนะครับ..
ต้องบอกก่อนว่าการรีวิวในครั้งนี้เป็นผลพลอยได้จากการที่แฟนของผมร่ำร้องอยากจะไปเที่ยวและอยากทำบุญ(งอแง)นั่นเองนะครับ หลังจากที่ได้เจ้าSM150มาขี่แล้วสักระยะนึงผมก็ได้วางแพลนช่วงวันเสาร์ที่26ตุลา62-อาทิตย์ที่27ตุลา62ที่ผ่านมาแต่ไปๆมาเกิดติดลมบนเลยลางานเพิ่มอีกวันในวันจันทร์ที่28ตุลา62เพื่อใช้เป็นวันเดินทางกลับนั่นเอง SM150นี่มันแค่150Ccแล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าขี่ๆไปแล้วจะเกิดปัญหารึป่าวเนื่องจากมันเป็นรถใหม่ผมเพิ่งใช้ได้แค่80โลเท่านั้น จึงรีบออกเพื่อทำเวลา นี่ขอบอกก่อนเลยนะครับว่าส่วนตัวผมกับแฟนนี่เป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วก็เลยไม่ค่อยหวั่นเรื่องเดินทางกัน2คน ระยะการเดินทางแรกผมพักรถที่100กิโลแรก ก็จะเป็นระยะที่ผมตั้งไว้ด้วยตัวเองในทุกครั้งที่เดินทางนะครับ ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงใช้ระยะแบบผมเพื่อเป็นการพักรถ ก็จอดปกติครับพักกินน้ำเข้าห้องน้ำสัก20นาทีเห็นจะได้ไม่ได้ดูนาฬิกาครับตอนนั้นพอเสร็จก็ออกเดินทางต่อเลย
ก่อนเดินทางผมเติมน้ำมันมา250บาท(แก็สโซฮอล95)ก็เกือบๆเต็มถังนะครับ 9.40ลิตร ต้องบอกก่อนว่าผมขี่ยืนพื้นที่80-95กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดทางนะครับจะแช่ยาวที่90เป็นส่วนใหญ่ ผมจอดเติมน้ำมันครั้งที่2ของขาไปที่ระยะไมล์304 ระยะพักที่2นี้ผมแช่มาได้120กว่ากิโลโดยใช้ก๊อก2วิ่งก่อนจะเจอปั้มแล้วเจอพักเพื่มเติมน้ำมันและพักรถในครั้งที่2 เรื่องนี้ขอแนะนำนะครับสำหรับคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ที่เป็นมือใหม่ไม่ว่าจะเดินทางไกล้ไกลยังใงง่วงอย่าฝืนยังก็จอดนอนไปเลยแต่ดูสถานที่ที่ปลอดภัยหน่อย หลังจากที่ได้นอนพักกันไปแล้วก้ออกเดินทางต่อ ผมถึงจุดหมายเป็นวัดๆนึงในตัวเขาค้อ(ขอไม่เอ่ยนาม)ประมาณ10.15 น. โดยใช้เวลาในการทำบุญและพักทานข้าวกลางวันประมาณเที่ยงครึ่ง จึงออกเดินทางต่อไปยังที่พัก(แฟนจองไว้แล้ว)จากวัดไปถึงที่พักก็ไม่ไกลราวๆ30โลได้ (ที่พักราคาไม่แพงเงียบสงบดีครับ)หลังจากถึงที่พักเก็บของเสร็จก็นอนกันก่อนเลยครับ555+ ตื่นกันแต่เช้าและเดินทางมาทั้งวัน โดยแพลนของวันนี้คือตอนเย็นผมกับแฟนจะไปถ่ายรูปเล่นและดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ทุ่งกังหันลม พอตกเย็นมีฝนโปรยลงมานิดหน่อยทำให้อากาศค่อนข้างเย็น แต่ก็ถือว่าโอเคก็เลยได้ภาพบรรยากาศของทุ่งดอกไม้และพระอาทิตย์ตกกับเจ้าSM150มาฝากกันประมาณนี้ครับ
หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าที่พักกัน ในวันแรกนี้กิจกรรมจะไม่มีอะไรมากครับก็เหมือนคนมาพักผ่อนทั่วไป
ในแพลนของวันที่2วันอาทิตย์ คือผมตั้งใจว่าจะเป็นวันเดินทางกลับก็แพลนไว้ว่าจะไปไหว้พระที่วัดผาซ่อนแก้ว ในตอนเช้าเราจึงรีบตื่นกันมาตั้งแต่ตีด้วยความหวังจะไปดูทะเลหมอกกันที่จุดชมวิวเขาค้อ แต่ก็ต้องแห้วไปเพราะสภาพออากาศไม่เป็นใจไม่มีหมอกเลยครับ555+ ก็เลยได้ภาพของพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้ามาแทน
แล้วเราก็กลับเข้าที่พักกัน พอสายๆเราก็เก็บของเตรียมเดินทางพอเสร็จเราก็ออกเดินทางต่อไปยังวัดผาซ่อนแก้ว แต่ร้องโอโห กันเลยทีเดียวเมื่อรถและจำนวนคนที่ไปกันทั้งอากาค่อนข้างร้อนนะครับ ผมจึงตัดสินใจยืนไหว้พระด้านนอกและเก็บภาพจากทางเดินเข้ามาแทน แล้วก็ได้ภาพของวิวข้างทางระหว่างขึ้นวัดผาซ่อนแก้วมาให้ชมกัน
ก็อย่างที่รู้ครับทางขึ้นลงภูทับเบิกนั้นค่อนข้างอันตรายเราะเป็นทางลัดเลาะขึ้นเขาและเนินที่สูงชัน ที่ผมมาเขียนรีวิวในครั้งนี้ก็เนื่องจากการขี่รถในครั้งนี้แหละครับ กลับมาพุดถึงเจ้าสตาเลียนSM150ของผมคันนี้กันต่อ อย่างที่รู้ครับผมเพิ่งได้รถมาและเป็นรถใหม่ก็ยังหวั่นๆอยู่ว่าจะขึ้นไหวมั้ยจาการที่ผมเคยขึ้นเมื่อปีก่อนผมใช้รถที่ใหญ่กว่านี้ขึ้นก็ยังโอเค แต่เจ้านี่มัน150CCที่เครื่องมันค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับตัวรถ ผม2คนกับแฟนพร้อมสัมภาระบรรทุกก็ต้องวัดใจกันหน่อยงานนี้ ข้อดีของเจ้าSM150ตัวนี้ในการขึ้นเนินสูงชันคือสเตอร์หลังที่ติดมากับรถค่อนข้างใหญ่(45)จึงทำให้รอบมาค่อนข้างดีในการขึ้นที่สูง แต่ด้วยที่ว่าแล้วน้ำหนักบรรทุกผมค่อนข้างเยอะและกำลังเครื่องมันอาจจะน้อยไปนิดนึงจึงทำให้บางเนิน ผมต้องใช้สโลวเกีย1ขึ้นใช้ความเร็วสโลวที่10รอบไกล้ตัดพ้นเนินผมจึงตบเกียบ2 และอาจจะด้วยสาเหตุนี้ปัญหาที่ผมเจออย่างแรกเลยคือไฟหน้าไฟต่ำขาด ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับการที่เราบิดเร่งรอบเพื่มขึ้นเนินมากเกินไปมั้ย อันนี้มารู้ตอนหลังนะครับ แต่อย่างที่2นี้รู้ได้ทันทีเลย คือเบรกหลังติด ติดในที่นี้ไม่ได้แบบว่าติดหนึบล้อตายนะครับ แค่มันคือการติดหนืด ทำให้กินกำลังรถไป สังเกตุได้จากการบิดใช้กำลังรอบที่เพิ่มมากขึ้นแล้วรถไปได้ช้าลง ผมจึงตัดติดใจจอดเพื่มเช็คให้แน่ใจ สรุปเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆครับ เบรกมันติดหนืด ไม่รุ้ว่าจาการขี่ของผมด้วยรึป่าวที่ใช้เบรคหลังแช่เป็นเวลานาน(ชะลอเวลาลงเนิน)ผมจะใช้เบรคหลังเป็นหลักยังไม่กล้าใช้เอ็นจิ้นเครื่องยนต์มากเพราะว่ารถเรายังใหม่อยู่ก้ออาจจะเป็นสาเหตุนี้รึป่าวหรือว่าการตั้งเบรคจากโรงงานอาจจะชิดเกินไปก็ไม่ไม่แน่ใจ
ในรูปจะสังเกตเห็นสีของจานดิสเบรกหลังสีจะออกไหม้ๆหน่อย
แต่ด้วยที่ว่ามันไม่ได้ติดหนึบจนล้อตายผมก้เลยฝืนขี่มันมาสักระยะนึงมันก็หายไปเอง
(ไม่แนะนำนะครับ)ส่วนตัวก็โล่งใจ ความเร็วที่ใช้ขึ้นก็ไม่มากอยู่แล้ว
นะครับ แต่ช่วงเนินที่ไม่ชันมากใช้เกีย2-3ได้อยู่กำลังดีพอขึ้นมาได้สักระยะนึงก็เริ่มเห็นวิวครับ
ตรงไหนวิวสวยก็จอดถ่ายรูปกันเป็นระยะๆ
ตรงไหนวิวดีๆจอดหมดปีก่อนที่มาไม่ได้จอดถ่ายขนาดนี้เพราะมากับกลุ่มพักพวก ปีนี้มา2คนกับแฟนเลยจัดซะหน่อย
วิวผาหัวสิงค์
แยกขึ้นภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า
ในที่สุดเราก็ขึ้นถึงยอดภูทับเบิกและวนหาที่พักกันอยุ่พักนึงจนได้ที่กางเต้น ณ ไร่ริมผา
อากาศข้างบนเย็นนะครับแต่ไม่หนาวมันเย็นเพราะสภาวะที่อยู่สูงและเป็นเขา ไม่รู้ว่าช่วงพฤศจิกา-ธันวา จะหนาวมั้ย
อาหารของนักเดินทางแบบง่ายๆก็จะประมาณนี้ครับ
มาม่าแน่นอน 555+
เก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นมาฝากกันครับ
พอตื่นเช้ามาก็ไม่ต้องคิดสภาพรถนะครับ เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้างยังกะเปียกฝนมาเลย แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับเจ้ารถ สตาเลียนSM150มากขึ้นไปอีกคือ ผมไปกดสตาทเครื่อง กดทีเดียวติดเลยไม่ดับด้วยเครื่องเย็นๆขนาดนั้นก็นึกว่าจะต้องมี3-4ทีแต่เจ้านี่มันทีเดียวติดเดินเครื่องนิ่มๆเลย 1,200 รอบเห็นจะได้ (ไม่รุ้เพราะมันยังใหม่อยู่รึป่าว)หลังจากล้างหน้าแปลงฟันเสร็จ(น้ำไม่ต้องถามนะไม่อาบเย็นมาก555+)เราก็เก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับกัน โดยกะว่าจะหาข้าวกันกันตามข้างทาง เลยได้ไปเจอร้านนึงอยู่ทางขึ้นลงภูทับเบิกนั่นแหละ ไหนๆจะกลับกันละก็เลยจัดเต็มกันซักหน่อย
ระหว่างทางลงนี่ก็อย่างที่รุ้กันนะครับ ภุทับเบิกมีหลายโค้งหลายเนินที่ค่อนข้างสูงชันและอันตราย ผมจึงใช้วิธีลงด้วยกันใช้เอ็นจิ้นเครื่องและเบรกช่วยสลับกันไปเรื่องของเอ็นจิ้นเคื่องเจ้าSM150 นี่หนืดใช้ได้เลยนะครับเวลาลงเนินค่อนข้างโอเคเลยช่วยเซฟได้เยอะ
สุดท้ายนี้ผมขอสรุปเรื่องของตัวรถและสิ่งต่างๆที่ผมได้สัมผัสจากการใช้งานจริงๆเลยก่อนนะครับ และภาพสวยๆแวะไหว้พระระหว่างทางจะลงให้ท้ายๆ เพราะเอาจริงก็กลัวคนอ่านเบื่อกัน ผมเขียนตามที่ผมได้สัมผัสและใช้ชีววิตมาทั้งหมด3วัน2คืนนะครับ ยังใงก้ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยหากอ่านดูแล้วรู้สึกแปลกๆขากลับผมใช้คสามเร็วเฉลี่ยเท่าเดิมครับ80-95กิโลเมตรต่อ ช.ม.ส่วนใหญ่จะอยู่ที่90 ก็ไม่ถือว่าช้านะครับเร็วพอสมควรและเป้นความเร็วที่ผมสามารถควบคุมรถได้ในกรณีฉุกเฉิน อัตตราเร่งสุงสุดได้100ครับ แต่อย่าลืมนะครับผมซ้อน2 มีสัมภาระพ่วงท้ายแต่พอบิดเพลินๆถึง100ก้ต้องยกครับ ไม่อยากให้เครื่องทำงานหนักมากไปเพราะผมแช่90ไม่ต่ำกว่า100กิโลนะครับกว่าจะจอดพักในแต่ละครั้งอัตตราเร่งดีมากช่วงเกีย3-4เกีย4ผมลากไปที่8,500รอบความเร็วขึ้นที่85แต่เกีย5จะเหี่ยวหน่อยไม่รู้ว่าเกี่ยวกับสเตอร์หลังใหญ่และน้ำหนักบันทุกมั้ย ใช้เวลานิดหน่อยลากเกีย5ขึ้นถึง90-95 แต่พอรอบเครื่องลอยตัวที่7,500-8,000รอบแล้วก้ไหลดีครับแต่มีบางจังหวะที่ความเร็วอยู่ประมาณ90แล้วเจอหลุมใหญ่หรือเนินซึ่งไม่สามารถหักหลบได้ก็ต้องรุดไปเลยก็หนักหน่วงพอสมควรเพราะโช๊คหลังค่อนข้างยาว มีบางจังหวะที่ล้อถึงกับขึ้นมากระแทกกับซุ้มล้อเลยก็มี ถ้าเนินหรือหลุมนั้นใหญ่จริงๆ แต่รวมๆถือว่าเคมากๆ กับราคาของตัวรถที่ม่สูง
#เครื่อง
เวลาเครื่องร้อนจอดรอบเครื่องอยู่ราวๆ1,900รอบ
มีเสียงดังแก็กๆคาดว่าน่าจะเป็นเสียงของวาล์วหรือโว่ราวลิ้นแต่พอจอดไว้เครื่องเย็นเช้ามาก็ไม่ได้ยินนะครับ น่าจะเป็นเฉพาะเวลาเครื่องร้อน
อัตตราการกินน้ำมันค่อนข้างกินพอสมควรเลย ไม่รู้เป็นเพราะผมขับแช่ตลอดและขึ้นเขาเยอะด้วยรึป่าว
สรุประยะกิโลไปกลับถึงที่หมาย 879กิโล ผมเติมน้ำมันแก็สโซฮอล95 ไป965บาท โดยอัตราเฉลี่ยแต่ละปั้มประมาณ 27บาท ต่อลิตร
เฉลี่ย อัตตราการกินน้ำมัน 25กิโล/ลิตร(กิโลละบาทกว่าๆ)ก็ถือว่ากินมากเลยกับรถคลาส150CC แต่อย่างที่บอกนะครับ น้ำหนักบรรทุกกับขนาดยางและเสตอร์น่าจะมีส่วนมาก แต่จะลดสเตอร์ก็คงไม่ได้เพราะยางมันใหญ่กลัวขี่ไม่ไป แต่ถ้าขี่ใช้งานปกติไม่น่าจะกินขนาดนี้ในส่วนของการบังคับค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับสายตาทีแรกนึกว่าคอจะแข็งเพราะยางใหญ่แต่กับเบาใช้ได้เลยคันเร่งนิ่มนิ่มบิดง่ายมาก ไม่เหนื่อยครัช(ไม่รู้ว่าเป็นบางคันป่าว)คันผมตื้นไปนิดปล่อยทีจะพุ่งถ้าคนที่ไม่เคยรถ
#ไฟหน้า
ไฟต่ำสว่างใช้ได้
ไฟสูงอย่างไกลใช้ดีมากเวลาถนนมืด ถึงกับเวลาเวลารถยนต์สวนมาแล้วเราลืมรถไฟเจอพวกต๊อปไฟสวนกลับทันที555+ แต่ไฟ่ต่ำมันขาดง่ายไปหน่อยไม่รุ้เป็นเพราะอะไร
#เบาะติดรถ
อันนี้ต้องพูดตรงๆว่า โอ้ววววววว แม้งโคตรแข็งเลยครับตูดแทบช้ำ ต้องคอยขยับตัวตลอดเวลา เวลาที่ขี่ไปนานๆ
#ระบบเบรค
เบรกหน้าโอเคเลยครับ
แต่เบรกหลังให้70พอเพราะที่บอกว่ามีติดหนืดๆอยู่พักนึง แต่ก็พอใช้ได้ครับ
โดยรวมๆผมก็ว่ารถมันโอเคมากนะครับ 100 ผมให้ 85 ผมอาจจะเขียนบรรยาได้ไม่ดีนักยังใงก้ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย อีกครั้งเพราะเพิ่งเคยเขียนรีวิวเป้นครั้งแรก ส่วนใหญ่ก้จะเน้นฟิวในการเที่ยวเป้นวะส่วนใหญ่
แต่ใครที่กำลังมองรถของสตาเลียนรุ่นนี้อยู่ผมบอกเลยจากประสปการณ์ส่วนตัวนี้ว่า ไม่ผิดหวังครับ ราคาที่สามารถจับต้องได้ กับตัวรถ และสรรถนะของมัน
ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุรที่รับฟัง มีข้อสงสัยอะไรคอมเม้นไว้ได้เลยนะครับ
ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยครับ ถ้ามีโอกาสเที่ยวอีกจะมารีวิวในครั้งต่อไป
ขอบคุณครับ
[CR] รีวิว Stallions sM150 พาแฟนเที่ยว3วัน2คืนกับรถใหม่ซิงๆ150Cc กทม.เขาค้อ-ภูทับเบิก 879 กิโล
ต้องบอกก่อนว่าการรีวิวในครั้งนี้เป็นผลพลอยได้จากการที่แฟนของผมร่ำร้องอยากจะไปเที่ยวและอยากทำบุญ(งอแง)นั่นเองนะครับ หลังจากที่ได้เจ้าSM150มาขี่แล้วสักระยะนึงผมก็ได้วางแพลนช่วงวันเสาร์ที่26ตุลา62-อาทิตย์ที่27ตุลา62ที่ผ่านมาแต่ไปๆมาเกิดติดลมบนเลยลางานเพิ่มอีกวันในวันจันทร์ที่28ตุลา62เพื่อใช้เป็นวันเดินทางกลับนั่นเอง SM150นี่มันแค่150Ccแล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าขี่ๆไปแล้วจะเกิดปัญหารึป่าวเนื่องจากมันเป็นรถใหม่ผมเพิ่งใช้ได้แค่80โลเท่านั้น จึงรีบออกเพื่อทำเวลา นี่ขอบอกก่อนเลยนะครับว่าส่วนตัวผมกับแฟนนี่เป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วก็เลยไม่ค่อยหวั่นเรื่องเดินทางกัน2คน ระยะการเดินทางแรกผมพักรถที่100กิโลแรก ก็จะเป็นระยะที่ผมตั้งไว้ด้วยตัวเองในทุกครั้งที่เดินทางนะครับ ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงใช้ระยะแบบผมเพื่อเป็นการพักรถ ก็จอดปกติครับพักกินน้ำเข้าห้องน้ำสัก20นาทีเห็นจะได้ไม่ได้ดูนาฬิกาครับตอนนั้นพอเสร็จก็ออกเดินทางต่อเลย
ก่อนเดินทางผมเติมน้ำมันมา250บาท(แก็สโซฮอล95)ก็เกือบๆเต็มถังนะครับ 9.40ลิตร ต้องบอกก่อนว่าผมขี่ยืนพื้นที่80-95กิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดทางนะครับจะแช่ยาวที่90เป็นส่วนใหญ่ ผมจอดเติมน้ำมันครั้งที่2ของขาไปที่ระยะไมล์304 ระยะพักที่2นี้ผมแช่มาได้120กว่ากิโลโดยใช้ก๊อก2วิ่งก่อนจะเจอปั้มแล้วเจอพักเพื่มเติมน้ำมันและพักรถในครั้งที่2 เรื่องนี้ขอแนะนำนะครับสำหรับคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ที่เป็นมือใหม่ไม่ว่าจะเดินทางไกล้ไกลยังใงง่วงอย่าฝืนยังก็จอดนอนไปเลยแต่ดูสถานที่ที่ปลอดภัยหน่อย หลังจากที่ได้นอนพักกันไปแล้วก้ออกเดินทางต่อ ผมถึงจุดหมายเป็นวัดๆนึงในตัวเขาค้อ(ขอไม่เอ่ยนาม)ประมาณ10.15 น. โดยใช้เวลาในการทำบุญและพักทานข้าวกลางวันประมาณเที่ยงครึ่ง จึงออกเดินทางต่อไปยังที่พัก(แฟนจองไว้แล้ว)จากวัดไปถึงที่พักก็ไม่ไกลราวๆ30โลได้ (ที่พักราคาไม่แพงเงียบสงบดีครับ)หลังจากถึงที่พักเก็บของเสร็จก็นอนกันก่อนเลยครับ555+ ตื่นกันแต่เช้าและเดินทางมาทั้งวัน โดยแพลนของวันนี้คือตอนเย็นผมกับแฟนจะไปถ่ายรูปเล่นและดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่ทุ่งกังหันลม พอตกเย็นมีฝนโปรยลงมานิดหน่อยทำให้อากาศค่อนข้างเย็น แต่ก็ถือว่าโอเคก็เลยได้ภาพบรรยากาศของทุ่งดอกไม้และพระอาทิตย์ตกกับเจ้าSM150มาฝากกันประมาณนี้ครับ
หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าที่พักกัน ในวันแรกนี้กิจกรรมจะไม่มีอะไรมากครับก็เหมือนคนมาพักผ่อนทั่วไป
ในแพลนของวันที่2วันอาทิตย์ คือผมตั้งใจว่าจะเป็นวันเดินทางกลับก็แพลนไว้ว่าจะไปไหว้พระที่วัดผาซ่อนแก้ว ในตอนเช้าเราจึงรีบตื่นกันมาตั้งแต่ตีด้วยความหวังจะไปดูทะเลหมอกกันที่จุดชมวิวเขาค้อ แต่ก็ต้องแห้วไปเพราะสภาพออากาศไม่เป็นใจไม่มีหมอกเลยครับ555+ ก็เลยได้ภาพของพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้ามาแทน
แล้วเราก็กลับเข้าที่พักกัน พอสายๆเราก็เก็บของเตรียมเดินทางพอเสร็จเราก็ออกเดินทางต่อไปยังวัดผาซ่อนแก้ว แต่ร้องโอโห กันเลยทีเดียวเมื่อรถและจำนวนคนที่ไปกันทั้งอากาค่อนข้างร้อนนะครับ ผมจึงตัดสินใจยืนไหว้พระด้านนอกและเก็บภาพจากทางเดินเข้ามาแทน แล้วก็ได้ภาพของวิวข้างทางระหว่างขึ้นวัดผาซ่อนแก้วมาให้ชมกัน
ก็อย่างที่รู้ครับทางขึ้นลงภูทับเบิกนั้นค่อนข้างอันตรายเราะเป็นทางลัดเลาะขึ้นเขาและเนินที่สูงชัน ที่ผมมาเขียนรีวิวในครั้งนี้ก็เนื่องจากการขี่รถในครั้งนี้แหละครับ กลับมาพุดถึงเจ้าสตาเลียนSM150ของผมคันนี้กันต่อ อย่างที่รู้ครับผมเพิ่งได้รถมาและเป็นรถใหม่ก็ยังหวั่นๆอยู่ว่าจะขึ้นไหวมั้ยจาการที่ผมเคยขึ้นเมื่อปีก่อนผมใช้รถที่ใหญ่กว่านี้ขึ้นก็ยังโอเค แต่เจ้านี่มัน150CCที่เครื่องมันค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับตัวรถ ผม2คนกับแฟนพร้อมสัมภาระบรรทุกก็ต้องวัดใจกันหน่อยงานนี้ ข้อดีของเจ้าSM150ตัวนี้ในการขึ้นเนินสูงชันคือสเตอร์หลังที่ติดมากับรถค่อนข้างใหญ่(45)จึงทำให้รอบมาค่อนข้างดีในการขึ้นที่สูง แต่ด้วยที่ว่าแล้วน้ำหนักบรรทุกผมค่อนข้างเยอะและกำลังเครื่องมันอาจจะน้อยไปนิดนึงจึงทำให้บางเนิน ผมต้องใช้สโลวเกีย1ขึ้นใช้ความเร็วสโลวที่10รอบไกล้ตัดพ้นเนินผมจึงตบเกียบ2 และอาจจะด้วยสาเหตุนี้ปัญหาที่ผมเจออย่างแรกเลยคือไฟหน้าไฟต่ำขาด ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับการที่เราบิดเร่งรอบเพื่มขึ้นเนินมากเกินไปมั้ย อันนี้มารู้ตอนหลังนะครับ แต่อย่างที่2นี้รู้ได้ทันทีเลย คือเบรกหลังติด ติดในที่นี้ไม่ได้แบบว่าติดหนึบล้อตายนะครับ แค่มันคือการติดหนืด ทำให้กินกำลังรถไป สังเกตุได้จากการบิดใช้กำลังรอบที่เพิ่มมากขึ้นแล้วรถไปได้ช้าลง ผมจึงตัดติดใจจอดเพื่มเช็คให้แน่ใจ สรุปเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆครับ เบรกมันติดหนืด ไม่รุ้ว่าจาการขี่ของผมด้วยรึป่าวที่ใช้เบรคหลังแช่เป็นเวลานาน(ชะลอเวลาลงเนิน)ผมจะใช้เบรคหลังเป็นหลักยังไม่กล้าใช้เอ็นจิ้นเครื่องยนต์มากเพราะว่ารถเรายังใหม่อยู่ก้ออาจจะเป็นสาเหตุนี้รึป่าวหรือว่าการตั้งเบรคจากโรงงานอาจจะชิดเกินไปก็ไม่ไม่แน่ใจ
ในรูปจะสังเกตเห็นสีของจานดิสเบรกหลังสีจะออกไหม้ๆหน่อย
แต่ด้วยที่ว่ามันไม่ได้ติดหนึบจนล้อตายผมก้เลยฝืนขี่มันมาสักระยะนึงมันก็หายไปเอง
(ไม่แนะนำนะครับ)ส่วนตัวก็โล่งใจ ความเร็วที่ใช้ขึ้นก็ไม่มากอยู่แล้ว
นะครับ แต่ช่วงเนินที่ไม่ชันมากใช้เกีย2-3ได้อยู่กำลังดีพอขึ้นมาได้สักระยะนึงก็เริ่มเห็นวิวครับ
ตรงไหนวิวสวยก็จอดถ่ายรูปกันเป็นระยะๆ
ตรงไหนวิวดีๆจอดหมดปีก่อนที่มาไม่ได้จอดถ่ายขนาดนี้เพราะมากับกลุ่มพักพวก ปีนี้มา2คนกับแฟนเลยจัดซะหน่อย
วิวผาหัวสิงค์
แยกขึ้นภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า
ในที่สุดเราก็ขึ้นถึงยอดภูทับเบิกและวนหาที่พักกันอยุ่พักนึงจนได้ที่กางเต้น ณ ไร่ริมผา
อากาศข้างบนเย็นนะครับแต่ไม่หนาวมันเย็นเพราะสภาวะที่อยู่สูงและเป็นเขา ไม่รู้ว่าช่วงพฤศจิกา-ธันวา จะหนาวมั้ย
อาหารของนักเดินทางแบบง่ายๆก็จะประมาณนี้ครับ
มาม่าแน่นอน 555+
เก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นมาฝากกันครับ
พอตื่นเช้ามาก็ไม่ต้องคิดสภาพรถนะครับ เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้างยังกะเปียกฝนมาเลย แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกดีกับเจ้ารถ สตาเลียนSM150มากขึ้นไปอีกคือ ผมไปกดสตาทเครื่อง กดทีเดียวติดเลยไม่ดับด้วยเครื่องเย็นๆขนาดนั้นก็นึกว่าจะต้องมี3-4ทีแต่เจ้านี่มันทีเดียวติดเดินเครื่องนิ่มๆเลย 1,200 รอบเห็นจะได้ (ไม่รุ้เพราะมันยังใหม่อยู่รึป่าว)หลังจากล้างหน้าแปลงฟันเสร็จ(น้ำไม่ต้องถามนะไม่อาบเย็นมาก555+)เราก็เก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับกัน โดยกะว่าจะหาข้าวกันกันตามข้างทาง เลยได้ไปเจอร้านนึงอยู่ทางขึ้นลงภูทับเบิกนั่นแหละ ไหนๆจะกลับกันละก็เลยจัดเต็มกันซักหน่อย
ระหว่างทางลงนี่ก็อย่างที่รุ้กันนะครับ ภุทับเบิกมีหลายโค้งหลายเนินที่ค่อนข้างสูงชันและอันตราย ผมจึงใช้วิธีลงด้วยกันใช้เอ็นจิ้นเครื่องและเบรกช่วยสลับกันไปเรื่องของเอ็นจิ้นเคื่องเจ้าSM150 นี่หนืดใช้ได้เลยนะครับเวลาลงเนินค่อนข้างโอเคเลยช่วยเซฟได้เยอะ
สุดท้ายนี้ผมขอสรุปเรื่องของตัวรถและสิ่งต่างๆที่ผมได้สัมผัสจากการใช้งานจริงๆเลยก่อนนะครับ และภาพสวยๆแวะไหว้พระระหว่างทางจะลงให้ท้ายๆ เพราะเอาจริงก็กลัวคนอ่านเบื่อกัน ผมเขียนตามที่ผมได้สัมผัสและใช้ชีววิตมาทั้งหมด3วัน2คืนนะครับ ยังใงก้ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยหากอ่านดูแล้วรู้สึกแปลกๆขากลับผมใช้คสามเร็วเฉลี่ยเท่าเดิมครับ80-95กิโลเมตรต่อ ช.ม.ส่วนใหญ่จะอยู่ที่90 ก็ไม่ถือว่าช้านะครับเร็วพอสมควรและเป้นความเร็วที่ผมสามารถควบคุมรถได้ในกรณีฉุกเฉิน อัตตราเร่งสุงสุดได้100ครับ แต่อย่าลืมนะครับผมซ้อน2 มีสัมภาระพ่วงท้ายแต่พอบิดเพลินๆถึง100ก้ต้องยกครับ ไม่อยากให้เครื่องทำงานหนักมากไปเพราะผมแช่90ไม่ต่ำกว่า100กิโลนะครับกว่าจะจอดพักในแต่ละครั้งอัตตราเร่งดีมากช่วงเกีย3-4เกีย4ผมลากไปที่8,500รอบความเร็วขึ้นที่85แต่เกีย5จะเหี่ยวหน่อยไม่รู้ว่าเกี่ยวกับสเตอร์หลังใหญ่และน้ำหนักบันทุกมั้ย ใช้เวลานิดหน่อยลากเกีย5ขึ้นถึง90-95 แต่พอรอบเครื่องลอยตัวที่7,500-8,000รอบแล้วก้ไหลดีครับแต่มีบางจังหวะที่ความเร็วอยู่ประมาณ90แล้วเจอหลุมใหญ่หรือเนินซึ่งไม่สามารถหักหลบได้ก็ต้องรุดไปเลยก็หนักหน่วงพอสมควรเพราะโช๊คหลังค่อนข้างยาว มีบางจังหวะที่ล้อถึงกับขึ้นมากระแทกกับซุ้มล้อเลยก็มี ถ้าเนินหรือหลุมนั้นใหญ่จริงๆ แต่รวมๆถือว่าเคมากๆ กับราคาของตัวรถที่ม่สูง
#เครื่อง
เวลาเครื่องร้อนจอดรอบเครื่องอยู่ราวๆ1,900รอบ
มีเสียงดังแก็กๆคาดว่าน่าจะเป็นเสียงของวาล์วหรือโว่ราวลิ้นแต่พอจอดไว้เครื่องเย็นเช้ามาก็ไม่ได้ยินนะครับ น่าจะเป็นเฉพาะเวลาเครื่องร้อน
อัตตราการกินน้ำมันค่อนข้างกินพอสมควรเลย ไม่รู้เป็นเพราะผมขับแช่ตลอดและขึ้นเขาเยอะด้วยรึป่าว
สรุประยะกิโลไปกลับถึงที่หมาย 879กิโล ผมเติมน้ำมันแก็สโซฮอล95 ไป965บาท โดยอัตราเฉลี่ยแต่ละปั้มประมาณ 27บาท ต่อลิตร
เฉลี่ย อัตตราการกินน้ำมัน 25กิโล/ลิตร(กิโลละบาทกว่าๆ)ก็ถือว่ากินมากเลยกับรถคลาส150CC แต่อย่างที่บอกนะครับ น้ำหนักบรรทุกกับขนาดยางและเสตอร์น่าจะมีส่วนมาก แต่จะลดสเตอร์ก็คงไม่ได้เพราะยางมันใหญ่กลัวขี่ไม่ไป แต่ถ้าขี่ใช้งานปกติไม่น่าจะกินขนาดนี้ในส่วนของการบังคับค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับสายตาทีแรกนึกว่าคอจะแข็งเพราะยางใหญ่แต่กับเบาใช้ได้เลยคันเร่งนิ่มนิ่มบิดง่ายมาก ไม่เหนื่อยครัช(ไม่รู้ว่าเป็นบางคันป่าว)คันผมตื้นไปนิดปล่อยทีจะพุ่งถ้าคนที่ไม่เคยรถ
#ไฟหน้า
ไฟต่ำสว่างใช้ได้
ไฟสูงอย่างไกลใช้ดีมากเวลาถนนมืด ถึงกับเวลาเวลารถยนต์สวนมาแล้วเราลืมรถไฟเจอพวกต๊อปไฟสวนกลับทันที555+ แต่ไฟ่ต่ำมันขาดง่ายไปหน่อยไม่รุ้เป็นเพราะอะไร
#เบาะติดรถ
อันนี้ต้องพูดตรงๆว่า โอ้ววววววว แม้งโคตรแข็งเลยครับตูดแทบช้ำ ต้องคอยขยับตัวตลอดเวลา เวลาที่ขี่ไปนานๆ
#ระบบเบรค
เบรกหน้าโอเคเลยครับ
แต่เบรกหลังให้70พอเพราะที่บอกว่ามีติดหนืดๆอยู่พักนึง แต่ก็พอใช้ได้ครับ
โดยรวมๆผมก็ว่ารถมันโอเคมากนะครับ 100 ผมให้ 85 ผมอาจจะเขียนบรรยาได้ไม่ดีนักยังใงก้ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย อีกครั้งเพราะเพิ่งเคยเขียนรีวิวเป้นครั้งแรก ส่วนใหญ่ก้จะเน้นฟิวในการเที่ยวเป้นวะส่วนใหญ่
แต่ใครที่กำลังมองรถของสตาเลียนรุ่นนี้อยู่ผมบอกเลยจากประสปการณ์ส่วนตัวนี้ว่า ไม่ผิดหวังครับ ราคาที่สามารถจับต้องได้ กับตัวรถ และสรรถนะของมัน
ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุรที่รับฟัง มีข้อสงสัยอะไรคอมเม้นไว้ได้เลยนะครับ
ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยครับ ถ้ามีโอกาสเที่ยวอีกจะมารีวิวในครั้งต่อไป
ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้