ต้องขอเกริ่นก่อนว่า ทริปของเราฟ้าหม่นสมชื่อ T_T
คือ ก่อนเดินทางเราได้เช็คสภาพอากาศที่กัวลาลัมเปอร์กับปีนัง ปรากฏว่าฝนตก 80 - 100% ทุกวันเลยจ้าาา...กางร่มยาวๆกันไปเลยทริปนี้
บางคนอาจจะสงสัยว่า อะไรคือ "
มานี มานะ " หนังสือเรียนตอนประถมหรอ อะ...ก็ใช่แหละ แต่ก็ไม่ใช่ งงเดะ 5555
มันคือชื่อกลุ่มของพวกเราตอนเรียนวิชา GEN441 ของมหาลัยชื่อดังย่านบางมด หรือที่เรียกว่า " เจนท่องเที่ยว " ที่จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ไปหาประสบการณ์ท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ และก็มีให้ไป Backpack Trip พวกเราเลยเลือกไปที่มาเลฯ เพราะในกลุ่มไม่มีใครเคยไปเลย เลยเป็นโอกาสที่ดีในการไปเยือนประเทศนี้สักครั้ง ซึ่งจริง ๆ ชื่อเต็มของกลุ่มเรา คือ " มานี มานะ ปิติ ชูใจ ไอ้โต " แต่จะให้ใส่ชื่อเต็มลงกระทู้ก็คงจะยาวไป เลย มานี มานะ พอละกัน
พวกเราได้ วางแพลน กันคร่าว ๆ ว่า
วันที่ 1 วันแห่งการเดินทาง กรุงเทพฯ -
กัวลาลัมเปอร์ แล้วนั่งบัสต่อไป
ปีนัง
วันที่ 2 เที่ยวใน
ปีนังทั้งวัน
วันที่ 3 นั่งบัสกลับมา
กัวลาลัมเปอร์ แล้วเที่ยวในกัวลาฯ
วันที่ 4
ปุตราจายา แล้วเดินทางกลับ
ซึ่งแพลนละเอียดแต่ละที่ เราจะขอเจาะเป็นวัน ๆ เพราะมันเยอะมากกกก...
ปล. ต้องยอมรับว่าพวกเราได้วางแพลนกันผิดที่เลือกไปลงกัวลาลัมเปอร์ก่อน แล้วค่อยย้อนกลับขึ้นมาปีนัง ซึ่งทำให้เสียเวลาเดินทางไป 1 วันเต็ม ๆ เดี๋ยวจะบ่นให้ฟังพาร์ท " ข้อควรรู้ก่อนจะไปมาเลฯ " นะ
และแน่นอนตามธรรมเนียมของคนอยากเที่ยว ก็ต้องรู้ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ
สำหรับทริปเราก่อนไปเราคุยกันว่าจะแลกเงินคนละ 700 ริงกิต แล้วเก็บคนละ 300 ริงกิต (7.28 บาท = 1 ริงกิต) เป็นเงินกองกลาง
เรามี 6 คน = 1,800 ริงกิต แล้วแบ่งหน้าที่รับผิดชอบเป็น 3 คน คือ คนดูแลค่าอาหาร 1,000 ริงกิต, ดูแลค่าเข้าชมสถานที่ 400 ริงกิต, ดูแลค่าเดินทางอีก 400 ริงกิต ซึ่งแต่ละคนก็จะรับหน้าที่ในการจ่ายและเก็บเงิน รับเงินทอนของแต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบ
- ค่าใช้จ่าย -
ค่าตั๋วเครื่องบิน : 2,959 บาท / คน
ที่พัก 3 คืน : 1,300 บาท / คน
ค่าเดินทาง : 800 บาท / คน (ภายในเมือง และระหว่างเมือง)
ค่าอาหาร : 960 บาท / คน
ค่าเข้าชม : 540 บาท / คน
" ข้อควรรู้ก่อนจะไปมาเลฯ " เราตั้งพาร์ทนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะแบ่งปันสิ่งที่พบเจอนั่นเองจ้า
- จริง ๆ แล้วการเดินทางไปปีนังที่ง่าย และไม่อ้อมไปอ้อมมาแบบเรา คือ ไม่นั่งเครื่องไปลงที่ปีนังเลย ก็นั่งรถไฟจากหัวลำโพง - สถานีหาดใหญ่ แล้วจะต่อรถตู้หรือรถไฟไปปีนังได้เลย ซึ่งเราจองผิด ร่างแทบพัง T_T
- ที่พักควรเลือกที่เดินทางสะดวก ราคาที่พักมาเลไม่แพง พอ ๆ กับไทยเลย เราจองผ่าน Booking.com จะมีให้เลือกแค่ Hotel กับ Hostel (ที่พักปีนัง) กับจองผ่าน airbnb (ที่ KL) ถ้าช่วงที่จะไปแอพไหนมีส่วนลดเยอะ ก็เลือกตามใจชอบได้เลย
- ซิมโทรศัพท์ถ้าซื้อที่ Minimart จะถูกกว่า ที่สนามบินเกือบเท่าตัว (ซื้อที่สนามบินจะมีค่า VAT ของสนามบินเพิ่มมา ราคาจะประมาณ 25 – 36 RM แล้วแต่โปรฯ) แต่ถ้ารีบใช้ก็ซื้อที่สนามบินก็ได้ ส่วนเราซื้อที่สนามบินเพราะต้องใช้ Grab จ้า
- ทริปนี้ต้องขอบคุณ Grab เพราะถ้าไม่มี Grab คงไม่มีเราในวันนี้ ซึ่งเป็นแอพที่ต้องโหลดติดเครื่องไว้เลย ได้ใช้ตลอดทริปแน่นอน บางทีไป Grab หาร ๆ กันถูกกว่าขนส่งสาธารณะอีก แถมประหยัดเวลาเดินทางได้เป็นกอง
- มาเลเซียมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม อาหารจะเป็นเมนู ไก่ เป็ด เนื้อ ทะเล ไม่ค่อยมีน้องหมูนะฮะ "เข้าเมืองตาหลิ่ว หลิ่วตาตามเน้อ"
- ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญของทริปนี้ ไม่ต้อง Grammar เป๊ะก็ได้ แค่สื่อสารได้ก็เพียงพอ ป้ายของสถานที่ต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ยกเว้นที่ปีนังอาจจะมีคนที่พูดไทยได้อยู่บ้างหรือโชคดีเหมือนเราที่ไปเจอพี่คนมอญทำงานอยู่ที่ KL จ้า
- วันศุกร์ เป็นวันละหมาดใหญ่ของพี่น้องชาวมุสลิม ร้านอาหาร รถ จะน้อยกว่าวันอื่น ๆ ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีนะ
- ห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่ จะเป็นโถส้วมนั่งยอง ๆ แต่ไม่ต้องห่วง มีที่ฉีดก้นทุกที่ แต่ก็ควรเตรียมทิชชูไปนะ ไม่ค่อยมีให้
- มาเลเซียมีแค่ฤดูร้อนกับฝน ควรเช็คสภาพอากาศให้ดีก่อนออกเดินทาง พกร่มไปด้วยก็ได้
- เงินสกุลริงกิตของมาเล ควรแลกที่ไทยก่อนไป เพราะจะได้ราคาถูกกว่า เช่นสมมุติ ที่ไทย 1 ริงกิต = 7 บาท ถ้าแลกที่มาเล 1 ริงกิต = 11 บาท
- เหรียญที่เป็นเงินริงกิตควรใช้ให้หมดที่มาเลฯ เพราะนำกลับมาแลกที่ไทยไม่ได้ แลกคืนได้แค่ธนบัตร
- รถไฟมาเลฯ ตรงเวลามาก ควรไปให้ถึงชานชาลาก่อนรถไฟมา 5-10 นาที เพราะถ้าไม่ทันต้องซื้อตั๋วใหม่จ้า ไปถึงก่อนก็ไปรออุ่นใจดีกว่าเนอะ
- ด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเลฯ ค่อนข้างเข้ม ทั้งขาเข้า - ขาออก ที่สำคัญคือถ้านักท่องเที่ยวช่วงนั้นเยอะ จะช้ามาก ควรเผื่อเวลาให้เยอะ (ขากลับเราเกือบตกเครื่องมาแล้ว T_T)
- สนามบินที่กัวลาลัมเปอร์ (KLIA) มี 2 Terminal คือ KLIA (การบินไทย, บางกอกแอร์เวย์, Japan Airlines ฯลฯ) และ KLIA2 ( AirAsia, Tiger Air, Jet Asia ฯลฯ) เพราะฉะนั้นตอนกลับเช็คดี ๆ นะว่าเราต้องขึ้น Terminal ไหน เดี๋ยวไปผิด Terminal มีได้ออกกำลังกายก่อนกลับแน่
- น้ำหนักกระเป๋าสัมภาระขาออกที่ KLIA2 ตรวจเข้มมาก น้ำหนักกระเป๋าไม่ควรเกินที่สายการบินกำหนด (เราสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องเกิน 8.4 kg. ต้องเฉลี่ยไปกระเป๋าเพื่อน)
- สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยของการเดินทางคือ “Passport” แล้วควรเช็คก่อนเลยว่ายังมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน ถ้าไม่ถึงควรไปต่ออายุ Passport ก่อนไป ไม่งั้นจะมีปัญหาทั้งตอนขาเข้า - ขาออก มาเลฯ ตม.ตรวจเข้มมาก ๆ (เพื่อนเราเกือบไม่ได้เข้าแล้ว เพราะ เหลือแค่ 5 เดือน แต่เขาเห็นว่ามีข้อมูล แพลนทริปที่พักชัดเจนเลยอนุโลมกันไป
วันที่ 1 (18/10/2019) : กัวลาลัมเปอร์ - ปีนัง
ทริปนี้เราเดินทางกันทั้งหมด 6 คน เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ด้วยสายการบิน AirAsia เที่ยวบินที่ AK891 เวลาประมาณ 08.35 น.
เราขอแนะนำที่ทานข้าวในดอนเมือง “
Magic Garden ” ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาหารมีทั้งข้าวมันไก่ อาหารตามสั่ง ฯลฯ ราคาก็ไม่ได้แพงกว่าข้างนอกมากนัก
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วตอนนั้นเวลาประมาณ 08.00 น. เราจึงไป Check in ที่เคาน์เตอร์แอร์เอเชีย โดยโหลดกระเป๋าเพียงแค่ 1 ใบ ที่เหลือถือขึ้นเครื่อง
ตอนเครื่องกำลังขึ้น ตาก็เหลือบไปนอกหน้าต่าง เห็นโค้งแม่น้ำพอดี เลยขอแฉ๊ะรูปสักหน่อย
เมื่อเดินทางถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประมาณ 11.50 น. หลังจากออกจาก ตม. เราก็เจอกับร้านเครือข่ายมือถือมากมายให้เลือกใช้ เราเลือกใช้เครือข่าย CELCOM (8 Gb 25 RM) อันนี้เลือกตามความติดโทรศัพท์ของแต่ละคนได้เลย
หลังจากซื้อซิมเสร็จความหิวก็หยุดอะไรคุณไม่ได้ เราก็เลยทานข้าวมื้อแรกที่มาเลฯที่คุ้นเคยกันที่ KFC ที่สนามบิน เพราะหิวมากๆ เห็นปุ๊ปร้านนี้แหละ ไม่ต้องเลือก! ราคาถือว่าถูกกว่าที่ไทย และไก่ทอดก็อร่อยกว่าไทย (ไม่รู้หิวแล้วคิดไปเองรึป่าว แต่เอาเป็นว่าอร่อย)
จากนั้นเราใช้บริการ Grab เดินทางไป TBS KL เพื่อไปขึ้นรถทัวร์เดินทางต่อไปยังปีนัง (112.80 RM รวมค่าทางด่วน) อาจจะดูว่าแพง แต่เราเป็น Grab XL บวกกับระยะทางที่ไกลพอสมควร น่าจะไกลกว่าสุวรรณภูมิเราด้วยซ้ำ เราคิดว่าราคาไม่ได้ต่างกับแท็กซี่ไทยมากนัก
เรามา TBS KL ก่อนเวลา 1 ชั่วโมง บัสออกเวลา 16.30 น. เลยเข้าห้องน้ำ (แนะนำให้เข้าในนี้เลย เพราะ บนบัสไม่มีห้องน้ำนะจ๊ะ) แวะซื้อขนม น้ำ ขึ้นไปกินกันบนรถ แล้วก็นั่งรอ อารมณ์เหมือนสนามบินผสมกับสายใต้บ้านเราเลย มีป้ายดิจิตอลบอกเวลารถเข้า-ออกอย่างชัดเจน มีแบ่งเป็น Gate ต้องสแกนตั๋วก่อนถึงจะเข้า Gate ได้ พอถึงเวลาก็เริ่มออกเดินทาง...
สภาพบนรถอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ให้คะแนน 7/10 หักตรงเก่าไปนิด แถมระหว่างทางคนขับไปรับใครไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าเป็นผู้โดยสาร หรืออะไรขึ้นมานั่งหน้าสุดตรงที่เหมือนที่นั่งไกด์คุยกันเสียงดัง เรานั่งแถวหน้าๆได้ยินชัดเจน แต่ฟังไม่รู้เรื่อง! เบาะนั่งกว้างขวาง อาจจะเพราะเราจองแบบ VIP ไป (45 RM/คน) เราแนะนำให้จองล่วงหน้าไปก่อน เพราะตั๋วบางทีจะหมดก่อน 1 - 2 ชั่วโมง เราจองผ่านเว็บนี้ จองไม่ยากเลย แนะนำๆ
https://12go.asia/en/travel/kuala-lumpur/penang
ตามกำหนดการแล้วจะต้องถึงปีนังตอน 21.30 น. ก็จะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการเดินทาง
ระหว่างทางจะมีจุดจอดให้แวะเข้าห้องน้ำ 1 จุด ตอนประมาณ 19.00 ที่ปั๊มน้ำมันที่เมือง Batang Padang
เรามาถึงปีนังช้ากว่ากำหนดประมาณ 1 ชั่วโมง อาจจะเพราะระหว่างทางฝนตกหนักยิ่งในตอนกลางคืน ทำให้รถไม่สามารถใช้ความเร็วได้
รถมาจอดที่ Sungai Nibong บนเกาะปีนังเลย เราเลยนั่ง Grab เข้าโรงแรม
คืนนี้กับพรุ่งนี้เราจะพักที่
Urban H Hotel จองผ่าน booking.com จ้า
โรงแรมถือว่าถูกมากกับราคา 2,898 บาท/คืน ได้ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น แถมยังอยู่กลางเมือง Georgetown ให้
10/10 เลย แต่ที่นี่ไม่มี Breakfast ให้ แต่เราก็ไม่แคร์ เพราะ วันพรุ่งนี้เราจะไปกินแบบชาวปีนังกิสกัน นอนละบรัยย
" มานี มานะ ไป มาเลฯ " 4 วัน 3 คืน กัวลาลัมเปอร์ - ปีนัง กับวันฟ้าหม่น
คือ ก่อนเดินทางเราได้เช็คสภาพอากาศที่กัวลาลัมเปอร์กับปีนัง ปรากฏว่าฝนตก 80 - 100% ทุกวันเลยจ้าาา...กางร่มยาวๆกันไปเลยทริปนี้
บางคนอาจจะสงสัยว่า อะไรคือ " มานี มานะ " หนังสือเรียนตอนประถมหรอ อะ...ก็ใช่แหละ แต่ก็ไม่ใช่ งงเดะ 5555
มันคือชื่อกลุ่มของพวกเราตอนเรียนวิชา GEN441 ของมหาลัยชื่อดังย่านบางมด หรือที่เรียกว่า " เจนท่องเที่ยว " ที่จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ไปหาประสบการณ์ท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ และก็มีให้ไป Backpack Trip พวกเราเลยเลือกไปที่มาเลฯ เพราะในกลุ่มไม่มีใครเคยไปเลย เลยเป็นโอกาสที่ดีในการไปเยือนประเทศนี้สักครั้ง ซึ่งจริง ๆ ชื่อเต็มของกลุ่มเรา คือ " มานี มานะ ปิติ ชูใจ ไอ้โต " แต่จะให้ใส่ชื่อเต็มลงกระทู้ก็คงจะยาวไป เลย มานี มานะ พอละกัน
พวกเราได้ วางแพลน กันคร่าว ๆ ว่า
วันที่ 1 วันแห่งการเดินทาง กรุงเทพฯ - กัวลาลัมเปอร์ แล้วนั่งบัสต่อไปปีนัง
วันที่ 2 เที่ยวในปีนังทั้งวัน
วันที่ 3 นั่งบัสกลับมากัวลาลัมเปอร์ แล้วเที่ยวในกัวลาฯ
วันที่ 4 ปุตราจายา แล้วเดินทางกลับ
ซึ่งแพลนละเอียดแต่ละที่ เราจะขอเจาะเป็นวัน ๆ เพราะมันเยอะมากกกก...
ปล. ต้องยอมรับว่าพวกเราได้วางแพลนกันผิดที่เลือกไปลงกัวลาลัมเปอร์ก่อน แล้วค่อยย้อนกลับขึ้นมาปีนัง ซึ่งทำให้เสียเวลาเดินทางไป 1 วันเต็ม ๆ เดี๋ยวจะบ่นให้ฟังพาร์ท " ข้อควรรู้ก่อนจะไปมาเลฯ " นะ
และแน่นอนตามธรรมเนียมของคนอยากเที่ยว ก็ต้องรู้ค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ
สำหรับทริปเราก่อนไปเราคุยกันว่าจะแลกเงินคนละ 700 ริงกิต แล้วเก็บคนละ 300 ริงกิต (7.28 บาท = 1 ริงกิต) เป็นเงินกองกลาง
เรามี 6 คน = 1,800 ริงกิต แล้วแบ่งหน้าที่รับผิดชอบเป็น 3 คน คือ คนดูแลค่าอาหาร 1,000 ริงกิต, ดูแลค่าเข้าชมสถานที่ 400 ริงกิต, ดูแลค่าเดินทางอีก 400 ริงกิต ซึ่งแต่ละคนก็จะรับหน้าที่ในการจ่ายและเก็บเงิน รับเงินทอนของแต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบ
- ค่าใช้จ่าย -
ค่าตั๋วเครื่องบิน : 2,959 บาท / คน
ที่พัก 3 คืน : 1,300 บาท / คน
ค่าเดินทาง : 800 บาท / คน (ภายในเมือง และระหว่างเมือง)
ค่าอาหาร : 960 บาท / คน
ค่าเข้าชม : 540 บาท / คน
- ที่พักควรเลือกที่เดินทางสะดวก ราคาที่พักมาเลไม่แพง พอ ๆ กับไทยเลย เราจองผ่าน Booking.com จะมีให้เลือกแค่ Hotel กับ Hostel (ที่พักปีนัง) กับจองผ่าน airbnb (ที่ KL) ถ้าช่วงที่จะไปแอพไหนมีส่วนลดเยอะ ก็เลือกตามใจชอบได้เลย
- ซิมโทรศัพท์ถ้าซื้อที่ Minimart จะถูกกว่า ที่สนามบินเกือบเท่าตัว (ซื้อที่สนามบินจะมีค่า VAT ของสนามบินเพิ่มมา ราคาจะประมาณ 25 – 36 RM แล้วแต่โปรฯ) แต่ถ้ารีบใช้ก็ซื้อที่สนามบินก็ได้ ส่วนเราซื้อที่สนามบินเพราะต้องใช้ Grab จ้า
- ทริปนี้ต้องขอบคุณ Grab เพราะถ้าไม่มี Grab คงไม่มีเราในวันนี้ ซึ่งเป็นแอพที่ต้องโหลดติดเครื่องไว้เลย ได้ใช้ตลอดทริปแน่นอน บางทีไป Grab หาร ๆ กันถูกกว่าขนส่งสาธารณะอีก แถมประหยัดเวลาเดินทางได้เป็นกอง
- มาเลเซียมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม อาหารจะเป็นเมนู ไก่ เป็ด เนื้อ ทะเล ไม่ค่อยมีน้องหมูนะฮะ "เข้าเมืองตาหลิ่ว หลิ่วตาตามเน้อ"
- ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญของทริปนี้ ไม่ต้อง Grammar เป๊ะก็ได้ แค่สื่อสารได้ก็เพียงพอ ป้ายของสถานที่ต่าง ๆ เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ยกเว้นที่ปีนังอาจจะมีคนที่พูดไทยได้อยู่บ้างหรือโชคดีเหมือนเราที่ไปเจอพี่คนมอญทำงานอยู่ที่ KL จ้า
- วันศุกร์ เป็นวันละหมาดใหญ่ของพี่น้องชาวมุสลิม ร้านอาหาร รถ จะน้อยกว่าวันอื่น ๆ ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีนะ
- ห้องน้ำสาธารณะส่วนใหญ่ จะเป็นโถส้วมนั่งยอง ๆ แต่ไม่ต้องห่วง มีที่ฉีดก้นทุกที่ แต่ก็ควรเตรียมทิชชูไปนะ ไม่ค่อยมีให้
- มาเลเซียมีแค่ฤดูร้อนกับฝน ควรเช็คสภาพอากาศให้ดีก่อนออกเดินทาง พกร่มไปด้วยก็ได้
- เงินสกุลริงกิตของมาเล ควรแลกที่ไทยก่อนไป เพราะจะได้ราคาถูกกว่า เช่นสมมุติ ที่ไทย 1 ริงกิต = 7 บาท ถ้าแลกที่มาเล 1 ริงกิต = 11 บาท
- เหรียญที่เป็นเงินริงกิตควรใช้ให้หมดที่มาเลฯ เพราะนำกลับมาแลกที่ไทยไม่ได้ แลกคืนได้แค่ธนบัตร
- รถไฟมาเลฯ ตรงเวลามาก ควรไปให้ถึงชานชาลาก่อนรถไฟมา 5-10 นาที เพราะถ้าไม่ทันต้องซื้อตั๋วใหม่จ้า ไปถึงก่อนก็ไปรออุ่นใจดีกว่าเนอะ
- ด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเลฯ ค่อนข้างเข้ม ทั้งขาเข้า - ขาออก ที่สำคัญคือถ้านักท่องเที่ยวช่วงนั้นเยอะ จะช้ามาก ควรเผื่อเวลาให้เยอะ (ขากลับเราเกือบตกเครื่องมาแล้ว T_T)
- สนามบินที่กัวลาลัมเปอร์ (KLIA) มี 2 Terminal คือ KLIA (การบินไทย, บางกอกแอร์เวย์, Japan Airlines ฯลฯ) และ KLIA2 ( AirAsia, Tiger Air, Jet Asia ฯลฯ) เพราะฉะนั้นตอนกลับเช็คดี ๆ นะว่าเราต้องขึ้น Terminal ไหน เดี๋ยวไปผิด Terminal มีได้ออกกำลังกายก่อนกลับแน่
- น้ำหนักกระเป๋าสัมภาระขาออกที่ KLIA2 ตรวจเข้มมาก น้ำหนักกระเป๋าไม่ควรเกินที่สายการบินกำหนด (เราสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องเกิน 8.4 kg. ต้องเฉลี่ยไปกระเป๋าเพื่อน)
- สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยของการเดินทางคือ “Passport” แล้วควรเช็คก่อนเลยว่ายังมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน ถ้าไม่ถึงควรไปต่ออายุ Passport ก่อนไป ไม่งั้นจะมีปัญหาทั้งตอนขาเข้า - ขาออก มาเลฯ ตม.ตรวจเข้มมาก ๆ (เพื่อนเราเกือบไม่ได้เข้าแล้ว เพราะ เหลือแค่ 5 เดือน แต่เขาเห็นว่ามีข้อมูล แพลนทริปที่พักชัดเจนเลยอนุโลมกันไป
เราขอแนะนำที่ทานข้าวในดอนเมือง “ Magic Garden ” ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาหารมีทั้งข้าวมันไก่ อาหารตามสั่ง ฯลฯ ราคาก็ไม่ได้แพงกว่าข้างนอกมากนัก
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วตอนนั้นเวลาประมาณ 08.00 น. เราจึงไป Check in ที่เคาน์เตอร์แอร์เอเชีย โดยโหลดกระเป๋าเพียงแค่ 1 ใบ ที่เหลือถือขึ้นเครื่อง
หลังจากซื้อซิมเสร็จความหิวก็หยุดอะไรคุณไม่ได้ เราก็เลยทานข้าวมื้อแรกที่มาเลฯที่คุ้นเคยกันที่ KFC ที่สนามบิน เพราะหิวมากๆ เห็นปุ๊ปร้านนี้แหละ ไม่ต้องเลือก! ราคาถือว่าถูกกว่าที่ไทย และไก่ทอดก็อร่อยกว่าไทย (ไม่รู้หิวแล้วคิดไปเองรึป่าว แต่เอาเป็นว่าอร่อย)
จากนั้นเราใช้บริการ Grab เดินทางไป TBS KL เพื่อไปขึ้นรถทัวร์เดินทางต่อไปยังปีนัง (112.80 RM รวมค่าทางด่วน) อาจจะดูว่าแพง แต่เราเป็น Grab XL บวกกับระยะทางที่ไกลพอสมควร น่าจะไกลกว่าสุวรรณภูมิเราด้วยซ้ำ เราคิดว่าราคาไม่ได้ต่างกับแท็กซี่ไทยมากนัก
เรามา TBS KL ก่อนเวลา 1 ชั่วโมง บัสออกเวลา 16.30 น. เลยเข้าห้องน้ำ (แนะนำให้เข้าในนี้เลย เพราะ บนบัสไม่มีห้องน้ำนะจ๊ะ) แวะซื้อขนม น้ำ ขึ้นไปกินกันบนรถ แล้วก็นั่งรอ อารมณ์เหมือนสนามบินผสมกับสายใต้บ้านเราเลย มีป้ายดิจิตอลบอกเวลารถเข้า-ออกอย่างชัดเจน มีแบ่งเป็น Gate ต้องสแกนตั๋วก่อนถึงจะเข้า Gate ได้ พอถึงเวลาก็เริ่มออกเดินทาง...
สภาพบนรถอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ให้คะแนน 7/10 หักตรงเก่าไปนิด แถมระหว่างทางคนขับไปรับใครไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าเป็นผู้โดยสาร หรืออะไรขึ้นมานั่งหน้าสุดตรงที่เหมือนที่นั่งไกด์คุยกันเสียงดัง เรานั่งแถวหน้าๆได้ยินชัดเจน แต่ฟังไม่รู้เรื่อง! เบาะนั่งกว้างขวาง อาจจะเพราะเราจองแบบ VIP ไป (45 RM/คน) เราแนะนำให้จองล่วงหน้าไปก่อน เพราะตั๋วบางทีจะหมดก่อน 1 - 2 ชั่วโมง เราจองผ่านเว็บนี้ จองไม่ยากเลย แนะนำๆ https://12go.asia/en/travel/kuala-lumpur/penang
ตามกำหนดการแล้วจะต้องถึงปีนังตอน 21.30 น. ก็จะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงในการเดินทาง
ระหว่างทางจะมีจุดจอดให้แวะเข้าห้องน้ำ 1 จุด ตอนประมาณ 19.00 ที่ปั๊มน้ำมันที่เมือง Batang Padang
เรามาถึงปีนังช้ากว่ากำหนดประมาณ 1 ชั่วโมง อาจจะเพราะระหว่างทางฝนตกหนักยิ่งในตอนกลางคืน ทำให้รถไม่สามารถใช้ความเร็วได้
รถมาจอดที่ Sungai Nibong บนเกาะปีนังเลย เราเลยนั่ง Grab เข้าโรงแรม
คืนนี้กับพรุ่งนี้เราจะพักที่ Urban H Hotel จองผ่าน booking.com จ้า
โรงแรมถือว่าถูกมากกับราคา 2,898 บาท/คืน ได้ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น แถมยังอยู่กลางเมือง Georgetown ให้ 10/10 เลย แต่ที่นี่ไม่มี Breakfast ให้ แต่เราก็ไม่แคร์ เพราะ วันพรุ่งนี้เราจะไปกินแบบชาวปีนังกิสกัน นอนละบรัยย