ไปเสพงานศิลป์กันดีกว่า วันนี้ผมขอพาท่านไปชมงานนิทรรศการศิลปะ Unpredictable “เหนือความคาดหมาย” ที่จัดแสดงผลงานภาพวาดของศิลปิน 3 ท่านที่ล้วนเติบโตมาจากแวดวงวรรณกรรม ก่อนที่จะผันตัวมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะตามแนวทางที่ตนเองรัก โดยที่ศิลปินทั้ง 3 ท่านนี้ไม่ได้ทอดทิ้งงานเขียนแต่อย่างใดเลย ศิลปินทั้ง 3 ท่านนี้ยังคงทำงานศิลปะควบคู่กับการทำงานเขียนไปด้วยตลอด ลองไปชมผลงานของพวกเขาและไปทำความรู้จักกับตัวตนของพวกเขากันดีกว่าครับ
สมพงษ์ ทวี’
สมพงษ์ ทวี’ เริ่มต้นจากการเขียนหนังสือก่อน เหมือนกับการทำงานศิลปะของศิลปินสามท่านที่ต่างเริ่มต้นมาจากการเขียนหนังสือ โดยสมพงษ์ ทวี’ รู้จักกับกานต์ ลิ่มสถาพร ตั้งแต่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งกานต์ ลิ่มสถาพรเริ่มเขียนเรื่องสั้นและบทกวีตั้งแต่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ส่วนชิตะวา มุนินโท เขียนหนังสือแนวขบขันและบทกวีมาก่อน ตัวสมพงษ์ ทวี’ เองก็เริ่มต้นจากการเขียนเรื่องสั้น นิยาย ความเรียง และบทวิจารณ์วรรณกรรมในชื่อนามปากกาว่า “ดอกไม้ดำ” เป็นคอลัมน์นิสต์เขียนบทวิจารณ์วรรณกรรมลงในสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
ในช่วงหลังสมพงษ์ ทวี’ เริ่มมาทุ่มเทให้กับการทำงานบทกวีเป็นหลัก ส่วนการทำงานด้านศิลปะนั้นทำมานานมากแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานศิลปะแนวเพอร์ฟอร์เป็นหลัก (ศิลปะแนวเพอร์ฟอร์ คือ Performance Art เพอร์ฟอร์แมนซ์ อาร์ต หรือศิลปะแสดงสด หรือศิลปะการแสดง) รวมทั้งทำงานศิลปะแนวจัดวางและการวาดรูปด้วย
สำหรับการทำงานศิลปะของสมพงษ์ ทวี’ นั้น เป็นการงานศิลปะตามความพึงพอใจ ส่วนตัวผลงานศิลปะเช่นภาพวาดนั้น ถ้ามาคนมาขอซื้อก็จะขาย แต่ถ้าไม่มีคนซื้อก็จะเก็บเอาไว้เอง เพราะไม่ได้ทำงานศิลปะเพื่อเป็นอาชีพโดยตรง และผลงานศิลปะที่ทำนั้นไม่ใช่งานศิลปะแบบที่ท้องตลาดต้องการ แต่เป็นการทำงานศิลปะตามใจที่ปรารถนาจะทำเท่านั้น ซึ่งผลงานส่วนใหญ่จะออกมาเป็นแนวแอบสแตรกต์ (Abstract Art) โดยผลงานที่จัดแสดงในงานฯ นี้ จะมีประมาณ 10 ชิ้น (มีผลงานของศิลปินท่านละ 10 ชิ้น)
โดยส่วนตัวแล้ว สมพงษ์ ทวี’ ชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ชอบเขียนหนังสือ ชอบไปดูงานแสดงศิลปะต่างๆ ฯลฯ จนกระทั่งคิดว่าตัวเองก็สามารถทำงานศิลปะเช่นกัน จึงทดลองทำงานด้านศิลปะมาเรื่อยๆ โดยใช้วิธีดูเยอะ ทำเยอะ ศึกษาไปด้วย มีเพื่อนที่ทำงานศิลปะก็พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันไปด้วย เขาทำงานศิลปะโดยไม่สนใจคำวิจารณ์ เพราะถือว่าการทำงานศิลปะนั้นช่วยทำให้จิตใจของผู้ที่สร้างสรรค์นั้นงดงามขึ้นได้ และงานศิลปะนั้นก็ไม่มีขอบเขตที่กำหนดตายตัวเสมอ
โดย สมพงษ์ ทวี’ บอกว่า
“ผมทำงานศิลปะเพราะว่าผมรักมนุษย์ ผมรักโลกนี้ เมื่อผมทำงานศิลปะแล้วสิ่งที่ผลงานศิลปะของผมมันพูดนั้น มันพูดถึงชีวิต มันพูดถึงผู้คน เป็นงานแอบสแตรกต์ที่สะท้อนผ่านชีวิตของผมออกไป ศิลปะคือเสรีภาพทางความคิด มันไม่จำเป็นหรอกว่ามันจะต้องเหมือนหรือไม่เหมือน หรือจะต้องไปภาพวาดเหมือนเท่านั้นถึงจะเป็นศิลปินที่เก่ง ซึ่งผมไม่ได้มองอย่างนั้นเลย สำหรับเรื่องการเขียนรูปตามแนวทางของคำว่า เพ้นท์ติ้ง (Painting) นั้นมันมีหลากหลายมาก แล้วมันก็ผ่านกาลเวลามาเยอะมาก มันจึงมีอะไรต่ออะไรให้คนทำงานศิลปะได้ค้นคว้าเยอะขึ้นด้วย”
กานต์ ลิ่มสถาพร
กานต์ ลิ่มสถาพร เขียนหนังสือมาตั้งแต่เรียนมัธยม 30 กว่าปี ทำงานเขียนมาตลอด เขียนงานวรรณกรรมบ้าง เขียนงานบทความบ้าง ทำงานประจำบ้าง ทิ้งช่วงงานวรรณกรรมไปบ้าง แต่ช่วงหลังๆ 10 ปีหลังมาเขามีงานออกมาต่อเนื่องตลอด ซึ่งงานเขียนเป็นงานที่เขาตั้งใจจะทำอย่างต่อเนื่องไม่ให้ขาด
จนถึงวันหนึ่งที่มีครอบครัว มีลูก กานต์จึงจำเป็นต้องออกจากงานประจำมาทำงานอิสระ เพราะว่าอยากจะเลี้ยงลูกเองด้วย ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่มีเวลาเขาจึงทำสำนักพิมพ์เอง เขียนเอง พิมพ์เองขายเอง วันหนึ่งเมื่อลูกของเขาโตขึ้นเขาก็อยากจะให้ลูกมีอะไรติดตัวบ้าง กานต์จึงให้ลูกหัดวาดรูป ส่งเสริมให้ลูกวาดภาพ เขาจึงเอากระดาษเอาเฟรมมาตั้งเพื่อวาดรูปเป็นเพื่อนกับลูก วาดไปวาดมาเกิดติดลมเขาจึงวาดรูปต่อเนื่องไปประมาณ 100 กว่ารูป จนวันหนึ่งมีคนแนะนำว่าลองโพสขายรูปดู กานต์จึงวาดรูปแล้วโพสลงเฟซบุ๊กขาย ซึ่งเขาขายผลงานรูปวาดไปได้แล้วประมาณ 100 กว่าชิ้น
กานต์ ลิ่มสถาพร บอกว่า
“ผมเริ่มต้นจากการวาดภาพเป็นเพื่อนลูกก่อน ลูกบีบสีเหลือแล้วเราเสียดาย เราจึงสีมาถูๆ กับเฟรมเพื่อวาดเล่น จากวันที่เริ่มวาดเป็นเพื่อนลูกจนมาถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 1 ปีเต็มแล้ว มีคนบอกว่าผมมีพรสวรรค์อยู่ข้างใน แต่ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าสีไหนผสมกันเป็นสีไหน ผมวาดโดยมันออกมาจากข้างในตัวผม ถ้าสังเกตดูรูปที่ผมวาดจะเห็นว่าไม่มีการผสมสีเลย วาดด้วยสีใดก็สีนั้นเลย ผมวาดรูปโดยไม่กลัวเลยว่าทฤษฎีเขาจะว่าอย่างไร ผมวาดรูปตามความรู้สึกของผมจริงๆ”
“งานศิลปะมันจรรโลงความเป็นมนุษย์ ถ้าเราเข้าใจในจุดนี้ได้เราจะทำงานศิลปะได้อย่างมีความสุข ตัวผมเพิ่งจะมีเริ่มวาดรูปเมื่ออายุใกล้จะ 60 ปี เพราะฉะนั้นความดุดันอะไรต่างๆ มันหมดไปแล้ว ความเข้าใจในเรื่องชีวิตต่างๆ มันผ่านมาหมดแล้ว คนอื่นเขาอาจจะวาดรูปเดียวใช้เวลา 7 วันกว่าจะเสร็จ แต่ผมวาดรูปหนึ่งต้องให้เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้นพลังของผมหมดไปแล้ว ถึงทุกวันนี้ชีวิตผมประกาศไว้แล้ววาจะทำอยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือเขียนหนังสือ กับสองคือวาดรูป”
ชิตะวา มุนินโท
ชิตะวา มุนินโทเริ่มต้นจากการเขียนหนังสือมาตั้งแต่เรียนอยู่ในมัธยมเช่นกัน ไม่ได้เรียนจบสายตรงทางด้านศิลปะมาโดยตรง แต่ด้วยความที่มีใจรักในศิลปะ จึงสร้างสรรค์ผลงานศิลปะนำมาผสมผสานกับผลงานวรรณกรรมที่เป็นบทกวี แล้วนำเสนอออกมาเป็นงานศิลปะในแนวเพอร์ฟอร์ โดยส่วนใหญ่จะจับคู่แสดงร่วมกับสมพงษ์ ทวี’ เป็นหลัก
จริงๆ แล้ว ชิตะวา มุนินโท เป็นนักเขียนมือรางวัลที่มีผลงานยอดเยี่ยมคนหนึ่ง โดยส่วนใหญ่งานเขียนของเขาจะเป็นแนวขบขันในนามปากกาว่า “นายบุญชิด” และเขียนวรรณกรรมเยาวชนในนามปากกา “พิชิตะ” เขียนวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง “ผมมีความลับครับแม่” ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัลเซเว่นบุ๊คอะวอร์ด ครั้งที่ 4 ประจำปี 2550 นอกจากนี้ ชิตะวา มุนินโท ยังเขียนเรื่องสั้นได้รับรางวัลชนะเลิศ มติชนอวอร์ด ในเรื่องสั้นชื่อ “ตายแล้วตายอีก” และมีผลงานเขียนในนามปากกาต่างๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 เล่ม
เพราะชอบศิลปะจึงอยากเดินตามแนวทางของการสร้างสรรค์งานศิลปะ ปัจจุบันนี้ชื่อของ ชิตะวา มุนินโท จะเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงวรรณกรรมว่าเป็นนักเขียนบทกวีและเรื่องสั้นฝีมือเยี่ยม และในแวดวงศิลปะรู้จักกันดีว่า ชิตะวา มุนินโท เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะแนวแสดงสดที่โดดเด่นคนหนึ่งเลย
สำหรับผลงานศิลปะของ ชิตะวา มุนินโท ที่นำมาจัดเสนอในงานฯ นี้มีอยู่ 10 ชิ้น โดยเป็นผลงานวาดภาพแนวเซอร์เรียวเหนือจริงที่ใช้เทคนิคสื่อผสมต่างๆ เช่นวาดด้วยสีผสมกับกากเพชร เป็นต้น
@@@@@@@@@@
ศิลปินทั้ง 3 เชิญชมนิทรรศการศิลปะ Unpredictable "เหนือความคาดหมาย"
@@@@@@@@@@
ภาพบรรยากาศภายในงานฯ
งานนิทรรศการศิลปะ Unpredictable “เหนือความคาดหมาย”
ในช่วงหลังสมพงษ์ ทวี’ เริ่มมาทุ่มเทให้กับการทำงานบทกวีเป็นหลัก ส่วนการทำงานด้านศิลปะนั้นทำมานานมากแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นการทำงานศิลปะแนวเพอร์ฟอร์เป็นหลัก (ศิลปะแนวเพอร์ฟอร์ คือ Performance Art เพอร์ฟอร์แมนซ์ อาร์ต หรือศิลปะแสดงสด หรือศิลปะการแสดง) รวมทั้งทำงานศิลปะแนวจัดวางและการวาดรูปด้วย
สำหรับการทำงานศิลปะของสมพงษ์ ทวี’ นั้น เป็นการงานศิลปะตามความพึงพอใจ ส่วนตัวผลงานศิลปะเช่นภาพวาดนั้น ถ้ามาคนมาขอซื้อก็จะขาย แต่ถ้าไม่มีคนซื้อก็จะเก็บเอาไว้เอง เพราะไม่ได้ทำงานศิลปะเพื่อเป็นอาชีพโดยตรง และผลงานศิลปะที่ทำนั้นไม่ใช่งานศิลปะแบบที่ท้องตลาดต้องการ แต่เป็นการทำงานศิลปะตามใจที่ปรารถนาจะทำเท่านั้น ซึ่งผลงานส่วนใหญ่จะออกมาเป็นแนวแอบสแตรกต์ (Abstract Art) โดยผลงานที่จัดแสดงในงานฯ นี้ จะมีประมาณ 10 ชิ้น (มีผลงานของศิลปินท่านละ 10 ชิ้น)
โดยส่วนตัวแล้ว สมพงษ์ ทวี’ ชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ชอบเขียนหนังสือ ชอบไปดูงานแสดงศิลปะต่างๆ ฯลฯ จนกระทั่งคิดว่าตัวเองก็สามารถทำงานศิลปะเช่นกัน จึงทดลองทำงานด้านศิลปะมาเรื่อยๆ โดยใช้วิธีดูเยอะ ทำเยอะ ศึกษาไปด้วย มีเพื่อนที่ทำงานศิลปะก็พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันไปด้วย เขาทำงานศิลปะโดยไม่สนใจคำวิจารณ์ เพราะถือว่าการทำงานศิลปะนั้นช่วยทำให้จิตใจของผู้ที่สร้างสรรค์นั้นงดงามขึ้นได้ และงานศิลปะนั้นก็ไม่มีขอบเขตที่กำหนดตายตัวเสมอ
โดย สมพงษ์ ทวี’ บอกว่า
“ผมทำงานศิลปะเพราะว่าผมรักมนุษย์ ผมรักโลกนี้ เมื่อผมทำงานศิลปะแล้วสิ่งที่ผลงานศิลปะของผมมันพูดนั้น มันพูดถึงชีวิต มันพูดถึงผู้คน เป็นงานแอบสแตรกต์ที่สะท้อนผ่านชีวิตของผมออกไป ศิลปะคือเสรีภาพทางความคิด มันไม่จำเป็นหรอกว่ามันจะต้องเหมือนหรือไม่เหมือน หรือจะต้องไปภาพวาดเหมือนเท่านั้นถึงจะเป็นศิลปินที่เก่ง ซึ่งผมไม่ได้มองอย่างนั้นเลย สำหรับเรื่องการเขียนรูปตามแนวทางของคำว่า เพ้นท์ติ้ง (Painting) นั้นมันมีหลากหลายมาก แล้วมันก็ผ่านกาลเวลามาเยอะมาก มันจึงมีอะไรต่ออะไรให้คนทำงานศิลปะได้ค้นคว้าเยอะขึ้นด้วย”
จนถึงวันหนึ่งที่มีครอบครัว มีลูก กานต์จึงจำเป็นต้องออกจากงานประจำมาทำงานอิสระ เพราะว่าอยากจะเลี้ยงลูกเองด้วย ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่มีเวลาเขาจึงทำสำนักพิมพ์เอง เขียนเอง พิมพ์เองขายเอง วันหนึ่งเมื่อลูกของเขาโตขึ้นเขาก็อยากจะให้ลูกมีอะไรติดตัวบ้าง กานต์จึงให้ลูกหัดวาดรูป ส่งเสริมให้ลูกวาดภาพ เขาจึงเอากระดาษเอาเฟรมมาตั้งเพื่อวาดรูปเป็นเพื่อนกับลูก วาดไปวาดมาเกิดติดลมเขาจึงวาดรูปต่อเนื่องไปประมาณ 100 กว่ารูป จนวันหนึ่งมีคนแนะนำว่าลองโพสขายรูปดู กานต์จึงวาดรูปแล้วโพสลงเฟซบุ๊กขาย ซึ่งเขาขายผลงานรูปวาดไปได้แล้วประมาณ 100 กว่าชิ้น
กานต์ ลิ่มสถาพร บอกว่า
“ผมเริ่มต้นจากการวาดภาพเป็นเพื่อนลูกก่อน ลูกบีบสีเหลือแล้วเราเสียดาย เราจึงสีมาถูๆ กับเฟรมเพื่อวาดเล่น จากวันที่เริ่มวาดเป็นเพื่อนลูกจนมาถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 1 ปีเต็มแล้ว มีคนบอกว่าผมมีพรสวรรค์อยู่ข้างใน แต่ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าสีไหนผสมกันเป็นสีไหน ผมวาดโดยมันออกมาจากข้างในตัวผม ถ้าสังเกตดูรูปที่ผมวาดจะเห็นว่าไม่มีการผสมสีเลย วาดด้วยสีใดก็สีนั้นเลย ผมวาดรูปโดยไม่กลัวเลยว่าทฤษฎีเขาจะว่าอย่างไร ผมวาดรูปตามความรู้สึกของผมจริงๆ”
“งานศิลปะมันจรรโลงความเป็นมนุษย์ ถ้าเราเข้าใจในจุดนี้ได้เราจะทำงานศิลปะได้อย่างมีความสุข ตัวผมเพิ่งจะมีเริ่มวาดรูปเมื่ออายุใกล้จะ 60 ปี เพราะฉะนั้นความดุดันอะไรต่างๆ มันหมดไปแล้ว ความเข้าใจในเรื่องชีวิตต่างๆ มันผ่านมาหมดแล้ว คนอื่นเขาอาจจะวาดรูปเดียวใช้เวลา 7 วันกว่าจะเสร็จ แต่ผมวาดรูปหนึ่งต้องให้เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านั้นพลังของผมหมดไปแล้ว ถึงทุกวันนี้ชีวิตผมประกาศไว้แล้ววาจะทำอยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือเขียนหนังสือ กับสองคือวาดรูป”
เพราะชอบศิลปะจึงอยากเดินตามแนวทางของการสร้างสรรค์งานศิลปะ ปัจจุบันนี้ชื่อของ ชิตะวา มุนินโท จะเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงวรรณกรรมว่าเป็นนักเขียนบทกวีและเรื่องสั้นฝีมือเยี่ยม และในแวดวงศิลปะรู้จักกันดีว่า ชิตะวา มุนินโท เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะแนวแสดงสดที่โดดเด่นคนหนึ่งเลย
สำหรับผลงานศิลปะของ ชิตะวา มุนินโท ที่นำมาจัดเสนอในงานฯ นี้มีอยู่ 10 ชิ้น โดยเป็นผลงานวาดภาพแนวเซอร์เรียวเหนือจริงที่ใช้เทคนิคสื่อผสมต่างๆ เช่นวาดด้วยสีผสมกับกากเพชร เป็นต้น