ทริปนี้เป็น EP2 หลังจากที่ใน EP1 เราพาไปเที่ยวพิษณุโลกและเขาค้อกันมาแล้วในกระทู้อันนี้ https://ppantip.com/topic/39364957

และใน EP2 นี้หลังจากลงจากเขาค้อกันมาแล้ว เราจะพาไปขึ้นภูกันต่อ นั่นก็คือ “ภูทับเบิกกับภูหินร่องกล้า” 

ซึ่งเป็นเส้นทางยอดฮิตของเหล่าสิงห์นักขับทั้งหลาย พร้อมแล้วตามมาเที่ยวกันได้เลย

.
.
.

พอลงจากเขาค้อปุ้ปเราเลือกใช้เส้นทางนครไทยเพื่อขึ้นภูทับเบิกและภูหินร่องกล้า ทางนครไทยมีโค้งคดเคี้ยวเยอะก็จริงแต่ทางไม่ค่อยชันเท่าทางหล่มเก่า ถนนหนทางของเส้นนครไทยขับสบายมากลาดยางตลอดจนถึงยอดภูทับเบิก พอขึ้นไปสูงสักนิดอากาศก็เริ่มเย็นและมีหมอกปกคลุมถนนกันแล้ว

สถานที่แรกที่เราจะแวะกันนั่นก็คือ “ลานหินแตก”  ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ลานหินแตกเป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวยาว คล้ายกับแผ่นดินแยก สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก

บางจุดที่เป็นรอยแยกใหญ่ๆลึกๆจะมีสะพานให้ข้ามกันแบบนี้

บริเวณนี้คล้ายๆลานหินปุ่มที่มีหินนูนขึ้นมา

เดินเข้าไปไม่ไกลมากนักเราก็มาถึงจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก แต่ตอนเราไปฝนใกล้จะตกเราเลยรีบถ่ายรูป แล้วเดินกลับเดี๋ยวหลบฝนกันไม่ทัน

นอกจากลานหินแตก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ายังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกคือลานหินปุ่มและผาชูธง แต่ระยะทางเดินเท้าจะไกลกว่าลานหินแตก เราเวลาน้อยเลยได้เดินกันเส้นทางเดียว แต่สำหรับที่เที่ยวอื่นๆในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเราจะลงมาเที่ยวกันต่อในวันพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้เราขอรีบมุ่งหน้าขึ้นสู่ ยอดภูทับเบิกกันก่อน หมอกเริ่มลงหนาแล้ว

ขึ้นมาถึงยอดภูทับเบิกเราก็เข้าที่พัก “ไร่กมลเทพ” เป็นที่พักที่วิวดีมาก ย้ำว่าดีมากจริงๆ

นี่คือที่พักของเราราคา 1,500 บาท เรียกได้ว่าหมอกเข้ามาปะทะหน้ากันถึงในห้องเลยทีเดียว

เส้นทางเข้าไร่กมลเทพจะเป็นถนนคอนกรีตตัดไร่กะหล่ำปลี มีโค้งหักศอก 1 จุด สูงชันเป็นบางช่วง

เราไปถึงหมอกก็ลงหนามากจนแทบจะมองไม่เห็นวิวอะไร ได้แต่นั่งแต่นอนชมหมอกกันไป

พอลมเริ่มพัดหมอกปลิว ก็จะเริ่มเห็นยอดเจดีย์ของวัดป่าภูทับเบิกกันแล้ว

มองลงไปเห็นหมู่บ้านภูทับเบิกอยู่ในหุบเขาท่ามกลางหมอก

เรามาช่วงต้นเดือนตุลาคมเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวหมอกแน่นมาก

บรรยากาศเทาๆสุดๆ

อีกสักรูปก่อนท้องฟ้าจะมืดลง

พอท้องฟ้ามืดก็ได้บรรยากาศสวยไปอีกแบบมีแสงไฟในเมืองจากด้านล่างที่คนเรียกกันว่า “ดาวบนดินที่ภูทับเบิก”

พอฟ้ามืดท้องก็ร้อง ได้เวลากินเมนูยอดฮิตที่คงหนีไม่พ้นหมูกระทะ ถ้าจำไม่ผิดชุดละ500บาทแต่ได้เยอะมากสั่งได้จากที่พักเลยนะ

กินอิ่มแล้ว ขอตัวไปนอนพร้อมลุยต่อในวันพรุ่งนี้ ก่อนเข้านอนถ่ายหมอกที่ปกคลุมหมู่บ้านกันในยามค่ำคืนสักหน่อยบรรยากาศโรแมนติกชะมัด ><

เราตื่นกันตั้งแต่ตี 5 เพื่อรอพระอาทิตย์ขึ้น 

พอ 6 โมงท้องฟ้าก็เริ่มจะสว่างแล้ว

ยอดเจดีย์วัดป่าภูทับเบิกที่มองเห็นได้จากไร่กมลเทพ

ไร่กมลเทพเป็นอีก 1 สถานที่ที่เราคิดว่าเป็นโลเคชันที่ดีมากสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นเพราะด้านหน้าของที่พักเป็นช่องว่างระหว่างภูเขา ซึ่งพระอาทิตย์จะขึ้นตรงนั้นพอดี และที่สำคัญเราไม่ต้องไปแย่งถ่ายรูปกับใครตามจุดชมวิวต่างๆอีกด้วย เพราะมีแต่แขกที่เข้าพักเท่านั้นที่จะได้เห็นวิวตรงจุดนี้

พระอาทิตย์มานู้นแล้ว โชคดีที่วันนั้นไม่มีหมอกมาบังพระอาทิตย์

นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบไม่ต้องแย่งกับใครเลย จ่ายค่าที่พักหลักพันแต่ได้วิวหลักล้าน

จากเมื่อวานที่เรานั่งกันตรงนี้แต่มองไม่เห็นอะไรเลยเพราะหมอกลงจัด วันนี้ฟ้าเปิดเราก็ได้เห็นวิวกันแล้ว

ท้องฟ้าที่ภูทับเบิกสวยมากๆ

ไร่กมลเทพถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด

บรรยากาศไร่กะกล่ำปลียามเช้าภายในไร่กมลเทพ

ถ่ายรูปเล่นในไร่กมลเทพจนหนำใจแล้ว ก่อนจะ Check out ทางไร่กมลเทพก็มี Breakfast เป็นข้าวต้มให้ได้ทานกันอีกด้วย

เบอร์โทรไร่กมลเทพ : 080-0284659

Location “ไร่กมลเทพ”

ออกจากไร่กมลเทพเราก็ไปต่อกันที่ “ตลาดชาวบ้านภูทับเบิก”

ในตลาดมีผักผลไม้เมืองหนาวขาย ราคาไม่แพง 

เป็นอีกจุดที่ใครมาภูทับเบิกจะต้องแวะช้อปปิ้งซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันไป และเชื่อว่ามีตลาดไม่กี่แห่งที่เราจะได้เดินซื้อของกันท่ามกลางหมอกแบบนี้

เด็กๆกลุ่มนี้ขายของเราเสร็จก็รีบวิ่งไปเล่นกันต่อน่ารักมากๆ

ช้อปปิ้งกันเสร็จแล้วเราก็ไปต่อกันที่ “ผาหัวสิงห์” แลนด์มาร์คอีกแห่งบนยอดภูทับเบิก

แต่ตอนเราไปหมอกหนามากหนาจนมองอะไรไม่เห็น ทุกอย่างเป็นสีขาวโผลนไปหมด จนทำให้มองไม่เห็นวิวอะไรเลย นอกจากความขาวของหมอก ทำให้เราได้มาเพียงแค่ 2 รูปเท่านั้นบนผาหัวสิงห์

เดินท่ามกลางหมอกกันไปเลย

ดอกไม้20บาทที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อกี้ เอามาประกอบฉากเพิ่มสีสันสักหน่อย

Location “ผาหัวสิงห์”

บ้ายบายน้องหมอกแล้วขับรถย้อนกลับมาทางเส้นนครไทยเพราะเราจะเดินทางไปเที่ยวจ.เลยกันต่อโดยใช้เส้นทางนี้ เราเลยแวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากันที่เราเที่ยวค้างไว้จากเมื่อวาน เพื่อเที่ยวยังสถานที่ต่อไปของเรา นั่นก็คือ  “โรงเรียนการเมืองการทหาร”

ในอดีตที่นี่เคยเป็นสถานที่สำหรับให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในบริเวณโรงเรียนการเมืองการทหาร จะประกอบไปด้วยบ้านฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ ฝ่ายสื่อสาร และสถานพยาบาล ส่วนเหล่านี้มีทั้งหมด 31 หลัง เป็นบ้านหลังเล็กๆ กระจายอยู่อย่างเป็นระเบียบและในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนมกราคม จะมีใบเมเปิ้ลหล่นลงหลังคาบ้านพักเป็นสีแดงสวยงามอีกด้วย

มุมฮิตของการถ่ายรูปที่นี่คงจะเป็นการเล่นกับแสงที่พาดผ่านต้นไม้เป็นลำแสงให้เราได้ถ่ายรูปเท่ๆกัน

Location “โรงเรียนการเมืองการทหาร”

เดี๋ยวมาต่อกันที่เม้นด้านล่างเลย

.

.

.