ทริปนี้เราเดินทางท่องเที่ยวกันทั้งหมด 3 จังหวัดด้วยกัน คือ จ.พิษณุโลก จ.เพชรบูรณ์ และ
จ.เลย จะแบ่งเป็น 3 EP และใน EPแรกนี้ จุดมุ่งหมายของเราก็คือ “เขาค้อ” สถานที่ท่องเที่ยวที่สุดแสนจะฮิตในตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก เรียกได้ว่าขับรถมาเพียง 5 ชม.ก็จะได้มาเจอกับความเขียวชอุ่มของธรรมชาติและยังได้มาล่าน้องหมอกกันอีกด้วย
.
.
.
เราออกเดินทางจากกทม.กันตั้งแต่ตี3.30 โดยขับรถไปเอง ขับไปแบบง่วงก็จอดนอน หิวก็จอดกิน กะว่าให้ไปถึงในช่วงเช้าสัก 7.30 เพื่อที่จะได้ไปวัดไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยก่อนการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้
สถานที่แรกท่องเที่ยวแรกของเราในทริปนี้ คือ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก”
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ หรือ วัดพระศรี วัดใหญ่นับเป็นพระอารามหลวงที่สำคัญของจังหวัด พระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐาน ในวิหารคือ “พระพุทธชินราช”
พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทย
ภายในวิหาร
หลักจากได้ไหว้พระพุทธชินราชเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว เราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของเราได้วันนี้
Location “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก”
ระหว่างทางไปเขาค้อ เราได้แวะถ่ายรูปเล่นกันที่ “น้ำตกแก่งซอง”
น้ำตกแก่งซอง ตั้งอยู่ที่ริมถนนหมายเลข12 ถนนหลักที่เราใช้เดินทางไปเขาค้อ อยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่45
Location “น้ำตกแก่งซอง”
ขับรถเลยน้ำตกแก่งซองไปอีกประมาณ 30 กม. เราก็แวะอีกสักน้ำตกก่อนจะถึงเขาค้อ นั่นก็คือ “น้ำตกแก่งโสภา”
น้ำตกแห่งนี้ บางคนก็เรียกกันว่า ไนแองการ่า เมืองไทย ด้วยความสูงกว่า 40เมตรและน้ำที่ไหลแรงในช่วงฤดูฝนทำให้เป็นที่มาของฉายานี้ บริเวณรอบน้ำตกแห่งนี้มีต้นไม้น้อยใหญ่ร่มรื่นมากเหมาะแก่การมาพักผ่อนสุดๆ
ในช่วงฤดูฝนจะมีป้ายเตือนห้ามลงด้านล่างของตัวน้ำตกเด็ดขาดเพราะกระแสน้ำเกรี้ยวกราดมาก
ตั้งมือถือถ่าย Time Lapse กันสักหน่อย
Location “น้ำตกแก่งโสภา”
ถ่ายรูปเล่นกันจนหนำใจ ได้พักทั้งคนพักทั้งรถแล้ว เราออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไปของเรากันเลย คือ “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว”
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วแห่งนี้ เรียกได้ว่าใครที่มาเที่ยวเพชรบูรณ์จะต้องมาแวะกันทุกคน เพราะเป็นวัดที่มีความงดงามเป็นอย่างมากตั้งอยู่ในโลเคชันที่สวยงาม โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ ซึ่งบนยอดเขานั้นมีถ้ำอยู่ และมีตำนานเล่ากันมาว่ามีชาวบ้านแถวนั้นเห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้าและหายเข้าไปในถ้ำบนยอดเขา ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา ด้วยสาเหตุนี้ วัดแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว”
พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ แลนด์มาร์คของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว นั่งซ้อนกันอยู่บนฐานดอกบัว มีความสูง 26 เมตร เห็นเด่นเป็นสง่ามาตั้งแต่ไกล
ข้ามถนนมาอีกฝั่งจะเป็นเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชธรรมนฤมิตร จุดเด่นอีกจุดของวัดนี้ ตัวเจดีย์ประดับประดาด้วยกระจกหลากสีสัน เพชร พลอย กระเบื้องต่างๆ รวมถึงถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์ ทำให้เจดีย์แห่งนี้เป็นอีกจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปกัน
มุมนี้เป็นมุมยอดฮิตของเหล่าตากล้อง
ด้านหลังของเจดีย์มีจุดชมวิวด้วยนะ เดี๋ยวเราจะใช้ถนนเส้นที่เราเห็นกันนี้เดินทางสู่ Pino Latte Café ถนนเส้นที่เราเห็นจะผ่าผ่านวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วไปเลย
Location “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว”
ไหว้พระกันเสร็จแล้ว ไปดื่มกาแฟกันต่อที่ “Pino Latte Café” กันเลย
การเดินทางมาร้านนี้ ก็ขับรถเลยหลังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วมาเพียง 1 กม.แต่จะมีช่วงที่ชันมากก่อนจะถึงร้านยาวประมาณ 400 เมตร จะไม่ใช้คำว่าควรใช้เกียร์ต่ำนะ แต่จะใช้คำว่า ต้องใช้เกียร์ต่ำ! เลยแหละ
บรรยากาศร้าน คือวิวภูเขาเดียวกับวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นบรรยากาศที่ถ้ามองจากภาพคงคิดว่าอากาศจะหนาว แต่จริงๆแล้วร้อนสุดๆไปเลยจ้า เล่นซะเหงื่อไหลไคลย้อยกันเลยทีเดียว
รสชาติกาแฟอร่อย แต่ราคานี้แพงพอๆกับเงือกเขียวเลย อย่างว่าแหละขายวิวอ่ะเนอะ
มุมยอดฮิตติดตาของร้านนี้ จะเป็นมุมไหนไปไม่ได้เลยนอกจากมุมนี้
อีกสักรูปก่อนจะกลับ ถ่ายเยื้องๆให้เห็นวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วสักหน่อย
Location “Pino Latte Café”
ถึงเวลาเลี้ยวเข้าเขาค้อกันแล้ว หลังลงมาจาก Pino Latte เราก็ขับรถมาถึงยังแยกแคมป์สนเพื่อที่จะเลี้ยวซ้ายสู่ตัวอำเภอเขาค้อ และไปยังสถานที่เที่ยวต่อไป ก็คือ “ทุ่งกังหันลมเขาค้อ”
กังหันลมใหญ่ยักษ์เหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าจากลม และคาดว่าจะจ่ายกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการของครัวเรือนประมาณ 36,000 ครัวเรือน ในภาคเหนือของประเทศไทยได้
กังหันลมเขาค้อถือว่าเป็นแลนมาร์คอันใหญ่ยักษ์ของอ.เขาค้อเลยก็ว่า ด้วยความที่ใหญ่มากและตั้งตระหง่านอยู่บนเขาทำให้สามารถมองเห็นมาได้ตั้งแต่ไกล ใครที่มาเขาค้อต้องห้ามพลาดมาจุดนี้เด็ดขาด ได้รูปสวยๆกลับไปแน่นอน
การเดินทางมาทุ่งกังหันลมจากแยกแคมป์สนมายังทุ่งกังหันลม ให้ใช้เส้นทางหมายเลข 2196 เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 14 จะมีป้ายบอกทางขับขึ้นลงเนินเขาไปอีกประมาณ 5 กม. ชันบ้างไม่ชันบ้างสลับกันไปแต่ทางค่อนข้างสบายไม่เป็นหลุมไม่เป็นบ่อ เมื่อมาถึงเสียค่าจอดรถ 20 บาท สามารถจอดไว้แล้วเดินเที่ยวได้ทั้งทุ่งกังหันลมและไร่ GB ภายในทุ่งกังหันลมไม่สามารถขับรถเข้าไปเที่ยวเองได้แต่มีรถบริการนำเที่ยวอยู่
Location “ทุ่งกังหันลมเขาค้อ”
ถ่ายรูปกับกังหันเสร็จ เราก็เดินไปยัง “ไร่GB” ไร่ที่มีดอกไม้ม่วงๆที่คนนิยมไปถ่ายรูปกันในเวลานี้
ระหว่างกังหันและไร่ GB ก็มีต้นไม้ใหญ่ฟิลลิ่งคล้ายสวนสนกั้นอยู่ตรงกลางให้ถ่ายรูปกันด้วยนะ
เมื่อมาถึงไร่ GB จะเสียค่าเข้า 10 บาท เมื่อเข้าไปก็จะพบกับทุ่งดอกเวอร์บีน่า สีม่วงสดใสเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีทุ่งดอกเสี้ยนฝรั่งสีชมพู ที่ปลูกอยู่ใกล้ๆกันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุ่งดอกไม้ที่ดอกไม้บานสะพรั่งกันอย่างมากมายแล้วก็ยังไม่เยอะเท่ากับคนที่มาท่องเที่ยวที่นี่ ด้วยความที่วิวสวยมากและค่าเข้าถูกทำให้คนจะเยอะเป็นพิเศษแนะนำให้มาช่วงวันธรรมดาและควรหลีกเลี่ยงช่วงเสาร์อาทิตย์และช่วงเทศกาล เพราะคนจะเยอะแบบสุดๆ
ภายในพื้นที่ของไร่ GB นอกจากมีทุ่งดอกไม้แล้ว ยังมีระเบียงชมวิว และ ร้านกาแฟ Mongker ที่วิวดีมากๆอีกด้วย
เดี๋ยวมาต่อกันที่คอมเม้นด้านล่างเลยนะ
[CR] เขาไม่ง้อ แต่ "เขาค้อ" นะ
.
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้