กระทู้นี้เราอยากแชร์ให้น้องๆม.ปลายนะเป็นประสบการณ์ตรงของเราเองว่าการที่เหมือนตัวคนเดียวในโรงเรียนมันทรมาณขนาดไหน
แล้วการพยายามยัดเยียดตัวเองไปในทุกสถานการณ์มันอึดอัดยังไง
เริ่มเรื่องเลยคือเราจะเป็นคนไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆไว้ใจคนยากจะไม่ชอบคนที่เข้าหาเราครั้งแรกโดยการเอาคนอื่นมาด่าให้ฟัง(แต่ถ้าสนิทกันแล้วก็ยอมรับว่ามีแอบเม้าท์คนอื่นในกรุ๊ปตัวเองบ้างนิดหน่อย) พูดง่ายๆคือเราไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่นนั่นเองเราเป็นคนด้านๆรู้สึกอย่างไงก็แสดงออกไปแบบนั้นเป็นคนแสดงออกทางการชักสีหน้าเก่งหน้าเหวี่ยงไม่ชอบเข้าหาใครก่อนเลยถ้าคนอื่นไม่ทักเราแทบจะไม่มีทางไปทักคนอื่นก่อนเลยแม้แต่คนเดียว(อันนี้มันเป็นเองไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีสีหน้าแบบนั้นแต่คนอื่นมักจะทักแบบนี้) ในความคิดคนอื่น99%เค้ามองว่าเราหยิ่งแต่ในใจเราเองเป็นคนคิดเยอะน่ะเกรงใจไปหมดชอบคิดไปถึงว่าถ้าเราทักเค้าไปเค้าจะตอบโต้เรามั้ยถ้าเราเข้าหาเค้าก่อนแต่ถ้าเค้าไม่ยอมรับเรามันจะยิ่งเป็นการทำให้เราเสียความรู้สึกจนปิดกั้นตัวเองยิ่งกว่าเดิมมั้ยด้วยความที่เป็นคนแบบนี้เลยทำให้มีเพื่อนน้อยจริงๆคิดว่าถ้าตัวเองเฟลนลี่กว่านี้นิดนึงก็มีเพื่อนเยอะขึ้นมานิดนึงแหละแต่นี่ไม่เลยเราแทบไม่มีส่วนไหนที่เข้าข่ายคำว่าเฟลนลี่เลยมันลำบากตอนมัธยมปลายนี่แหละอาการเริ่มออกตอนนั้นเราได้อยู่คนละห้องกับเพื่อนที่สนิทและรักมากๆตอนนั้นน่ะร้องไห้เลยนะมันทำใจไม่ได้คือสนิทกันมากๆจนไม่คิดว่าชาตินี้จะแยกจากกันได้แต่พอเป็นแบบนี้มันก็ต้องยอมรับแหละเนอะแยกก็แยก
ชีวิตม.ปลายมันทำให้เราต้องเจอกับความอึดอัดหลายอย่างคือบอกตรงๆเลยเราไม่ได้อยากจะอยู่ในสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่แต่เมื่อมันต้องอยู่ก็ต้องปรับตัว เพื่อนใหม่ตอนม.ปลายที่ได้มาคือเราฝืนตัวเองสุดๆเพื่อนไม่อินอะไรที่เป็นเรื่องเดียวกับเราเลยสักนิดเลยแต่ก็อยู่ร่วมกันมาได้แบบฝืนๆทั้งเค้าและเรา
ไปไหนมาไหนก็ชวนกันปกตินะแต่เพื่อนก็จะสนิทกับอีกคนมากกว่าเราก็เข้าใจแหละแต่บางทีกลายเป็นเราที่รู้สึกด้อยค่าไปเลยเหมือนต้องพยายามดันตัวเองให้มีตัวตนอยู่ในบทสนทนาเสมอมีอยู่ครั้งนึงที่ทะเลาะกันเกิดจากความขี้ระแวงของเราเองคือเค้าสองคนคุยอะไรกันไม่รู้แล้วเราคิดว่าเค้าต้องนินทาเราแน่ๆก็เลยพลั้งปากไปด่าลงแอคลับในทวิตเตอร์ที่มีเค้าสองคนฟอลโล่อยู่จากนั้นมาเราก็ไม่สนิทกันเหมือนเดิมอีกเลยกลายเป็นว่าทำอะไรก็ระแวงกันเองไปหมดหลายครั้งเค้าพยายามแสดงออกว่าไม่ต้องการเราแล้วแต่ก็เป็นเราเองที่พยายามยัดเยียดตัวเองเข้าไปทุกครั้งอย่างเช่นไปกินข้าวเค้าก็ถามแต่อีกคนว่าไปกินที่ไหนดีไม่เคยถามเราเลยเราก็ต้องพยายามแสดงความคิดเห็นว่าที่นี่ดีมั้ยที่นั่นดีมั้ยตลอดพอพยายามเรื่อยทุกครั้งมันก็เสียใจแหละทำไมเค้าไม่เห็นค่าเราเลยนะเราก็เป็นเพื่อนเค้านี่ตอนนั้นเราหน้าบางไปเองแหละที่ไม่ยอมถอยออกมาเพราะกลัวว่าถ้าออกจากกลุ่มนี้ไปอยู่อีกกลุ่มที่คิดว่าอยู่ได้แล้วน่าจะสนิทกันมากกว่าเรากลัวเพื่อนจะสงสัยว่าเอ๊ะกลุ่มนี้มันทะเลาะอะไรกันกลัวคนในห้องอยากรู้แล้วมันจะเป็นเรื่องใหญ่ก็เลยพยายามรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ให้เรายังคงเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วก็อยู่กันมาได้จนจบม.6ตอนนั้นรู้สึกโล่งใจมากที่ได้ออกจากวังวนนี้สักที3ปีที่อึดอัดกับการที่มีเพื่อนแต่เหมือนไม่มี3ปีที่ต้องฝืนใจตัวเองทุกวันต้องทนอยู่กับการเดินกับเพื่อนแต่เหมือนเดินคนเดียวในโรงเรียนตลอดแต่ใน3ปีนั้นเราได้ประสบการณ์จากเพื่อนกลุ่มนี้เยอะมากเพื่อนกลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่เที่ยวด้วยกันสนุกปลอบใจเราได้แต่ไม่ใช่เพื่อนที่เราไว้ใจไม่ใช่เพื่อนที่เราจะคุยทุกเรื่องได้ถึงจะเป็น3ปีที่อึดอัดแต่พอลองคิดย้อนกลับไปมันก็มีมิตรภาพดีๆอยู่บ้างหลายๆเรื่องเราก็ผ่านมาได้เพราะเค้านะไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยังคิดว่าเราเป็นเพื่อนอยู่มั้ยแต่เรายังมองเค้าเป็นเพื่อนอยู่เสมอเลยอย่างน้อยเพื่อนกลุ่มนี้ก็คบกันมาจนจบม.6
แต่เรื่องแย่ๆมันดันวนกลับมาตอกย้ำเราตรงได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันดับเพื่อนกลุ่มเดิมนี่แหละกลายเป็นว่าเพื่อนดันไปสนิทกับคนที่เคยด่าไว้กับเราซะแบบนั้น
เค้าดูสนิทกันมากมากกว่าที่สนิทกับเราที่บอกว่าสนิทกันซะอีกในใจมันก็มีรู้สึกว่าเอ๊ะนี่ไม่เกลียดกันแล้วหรอแต่อีกความรู้สึกมันก็แวบขึ้นมาว่าช่างเถอะไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรท่องไว้ๆวันนั้นด่ากันจะตายวันนี้ก็สนิทกันจะตายได้เหมือนกันเหมือนทุกวันนี้เราโดนทำร้ายซ้ำๆด้วยภาพที่เค้าสนิทกันมากเห็นเค้าสนิทกันทีไรก็นึกถึงคำนี้ทุกที“เกลียดมันว่ะ” แล้วเค้าก็ทำร้ายเราด้วยการโชว์ว่าสนิทกันมากแค่ไหนโห่มันเจ็บแบบพูดกับใครไม่ได้เลยคิดไปเยอะหมดว่าทำไมนะทำไมเค้ารักกันแล้วหรือที่พูดกับเราเค้าแค่หลอกเรานะตกลงเค้าพูดอะไรกับเราจริงบ้างหรือทั้งหมดคิอเค้าสร้างเรื่องมาหลอกเราว่าเกลียดกันเพื่อจะหังว่าเราด่าอีดคนให้ฟังว่ายังไงบ้าง
เราอยากบอกว่าถ้ากำลังอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับเราตอนม.ปลายก็ก้าวออกมาเถอะอย่าหน้าบางแบบเราตอนนั้นเลยออกมาปรับตัวอยู่กับคนที่เราไม่ต้องยัดเยียดตัวเองเข้าไปในบทสนทนาบ่อยๆอยู่กับเพื่อนที่ทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยในการไปโรงเรียนทุกวันจะดีกว่าถ้าทนถ้าฝืนก็อาจจะจบแบบเราทุกวันนี้ยังนึกเสียดายที่ว่าทำไมนะทำไมตอนนั้นไม่ถอยออกมาทนอยู่ทำไมตั้งนานถ้าทะเลาะกันแล้วกลับไปคืนดีแบบเดิมไม่ได้จริงๆเราก็ก้าวออกมาเถอะถ้าอยู่ไปมันไม่มีอะไรดีขึ้นอย่าไปคิดว่าแล้วคนอื่นจะมองยังไงให้ปล่อยมันไปเลยคิดซะว่าถ้าเราออกมาแล้วเสียเพื่อนตรงนั้นแต่มาได้เพื่อนที่สะบายใจกว่าตรงนี้มันก็ดีกว่าเราอยู่แบบฝืนๆล่ะนะคือเราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะก็ได้แต่เรายังต้องมีเพื่อนอยู่ล่ะนะ
ม.ปลายที่กำลังมีปัญหากับเพื่อนอยู่เข้ามาอ่านได้นะ
แล้วการพยายามยัดเยียดตัวเองไปในทุกสถานการณ์มันอึดอัดยังไง
เริ่มเรื่องเลยคือเราจะเป็นคนไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆไว้ใจคนยากจะไม่ชอบคนที่เข้าหาเราครั้งแรกโดยการเอาคนอื่นมาด่าให้ฟัง(แต่ถ้าสนิทกันแล้วก็ยอมรับว่ามีแอบเม้าท์คนอื่นในกรุ๊ปตัวเองบ้างนิดหน่อย) พูดง่ายๆคือเราไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่นนั่นเองเราเป็นคนด้านๆรู้สึกอย่างไงก็แสดงออกไปแบบนั้นเป็นคนแสดงออกทางการชักสีหน้าเก่งหน้าเหวี่ยงไม่ชอบเข้าหาใครก่อนเลยถ้าคนอื่นไม่ทักเราแทบจะไม่มีทางไปทักคนอื่นก่อนเลยแม้แต่คนเดียว(อันนี้มันเป็นเองไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีสีหน้าแบบนั้นแต่คนอื่นมักจะทักแบบนี้) ในความคิดคนอื่น99%เค้ามองว่าเราหยิ่งแต่ในใจเราเองเป็นคนคิดเยอะน่ะเกรงใจไปหมดชอบคิดไปถึงว่าถ้าเราทักเค้าไปเค้าจะตอบโต้เรามั้ยถ้าเราเข้าหาเค้าก่อนแต่ถ้าเค้าไม่ยอมรับเรามันจะยิ่งเป็นการทำให้เราเสียความรู้สึกจนปิดกั้นตัวเองยิ่งกว่าเดิมมั้ยด้วยความที่เป็นคนแบบนี้เลยทำให้มีเพื่อนน้อยจริงๆคิดว่าถ้าตัวเองเฟลนลี่กว่านี้นิดนึงก็มีเพื่อนเยอะขึ้นมานิดนึงแหละแต่นี่ไม่เลยเราแทบไม่มีส่วนไหนที่เข้าข่ายคำว่าเฟลนลี่เลยมันลำบากตอนมัธยมปลายนี่แหละอาการเริ่มออกตอนนั้นเราได้อยู่คนละห้องกับเพื่อนที่สนิทและรักมากๆตอนนั้นน่ะร้องไห้เลยนะมันทำใจไม่ได้คือสนิทกันมากๆจนไม่คิดว่าชาตินี้จะแยกจากกันได้แต่พอเป็นแบบนี้มันก็ต้องยอมรับแหละเนอะแยกก็แยก
ชีวิตม.ปลายมันทำให้เราต้องเจอกับความอึดอัดหลายอย่างคือบอกตรงๆเลยเราไม่ได้อยากจะอยู่ในสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่แต่เมื่อมันต้องอยู่ก็ต้องปรับตัว เพื่อนใหม่ตอนม.ปลายที่ได้มาคือเราฝืนตัวเองสุดๆเพื่อนไม่อินอะไรที่เป็นเรื่องเดียวกับเราเลยสักนิดเลยแต่ก็อยู่ร่วมกันมาได้แบบฝืนๆทั้งเค้าและเรา
ไปไหนมาไหนก็ชวนกันปกตินะแต่เพื่อนก็จะสนิทกับอีกคนมากกว่าเราก็เข้าใจแหละแต่บางทีกลายเป็นเราที่รู้สึกด้อยค่าไปเลยเหมือนต้องพยายามดันตัวเองให้มีตัวตนอยู่ในบทสนทนาเสมอมีอยู่ครั้งนึงที่ทะเลาะกันเกิดจากความขี้ระแวงของเราเองคือเค้าสองคนคุยอะไรกันไม่รู้แล้วเราคิดว่าเค้าต้องนินทาเราแน่ๆก็เลยพลั้งปากไปด่าลงแอคลับในทวิตเตอร์ที่มีเค้าสองคนฟอลโล่อยู่จากนั้นมาเราก็ไม่สนิทกันเหมือนเดิมอีกเลยกลายเป็นว่าทำอะไรก็ระแวงกันเองไปหมดหลายครั้งเค้าพยายามแสดงออกว่าไม่ต้องการเราแล้วแต่ก็เป็นเราเองที่พยายามยัดเยียดตัวเองเข้าไปทุกครั้งอย่างเช่นไปกินข้าวเค้าก็ถามแต่อีกคนว่าไปกินที่ไหนดีไม่เคยถามเราเลยเราก็ต้องพยายามแสดงความคิดเห็นว่าที่นี่ดีมั้ยที่นั่นดีมั้ยตลอดพอพยายามเรื่อยทุกครั้งมันก็เสียใจแหละทำไมเค้าไม่เห็นค่าเราเลยนะเราก็เป็นเพื่อนเค้านี่ตอนนั้นเราหน้าบางไปเองแหละที่ไม่ยอมถอยออกมาเพราะกลัวว่าถ้าออกจากกลุ่มนี้ไปอยู่อีกกลุ่มที่คิดว่าอยู่ได้แล้วน่าจะสนิทกันมากกว่าเรากลัวเพื่อนจะสงสัยว่าเอ๊ะกลุ่มนี้มันทะเลาะอะไรกันกลัวคนในห้องอยากรู้แล้วมันจะเป็นเรื่องใหญ่ก็เลยพยายามรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ให้เรายังคงเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วก็อยู่กันมาได้จนจบม.6ตอนนั้นรู้สึกโล่งใจมากที่ได้ออกจากวังวนนี้สักที3ปีที่อึดอัดกับการที่มีเพื่อนแต่เหมือนไม่มี3ปีที่ต้องฝืนใจตัวเองทุกวันต้องทนอยู่กับการเดินกับเพื่อนแต่เหมือนเดินคนเดียวในโรงเรียนตลอดแต่ใน3ปีนั้นเราได้ประสบการณ์จากเพื่อนกลุ่มนี้เยอะมากเพื่อนกลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่เที่ยวด้วยกันสนุกปลอบใจเราได้แต่ไม่ใช่เพื่อนที่เราไว้ใจไม่ใช่เพื่อนที่เราจะคุยทุกเรื่องได้ถึงจะเป็น3ปีที่อึดอัดแต่พอลองคิดย้อนกลับไปมันก็มีมิตรภาพดีๆอยู่บ้างหลายๆเรื่องเราก็ผ่านมาได้เพราะเค้านะไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยังคิดว่าเราเป็นเพื่อนอยู่มั้ยแต่เรายังมองเค้าเป็นเพื่อนอยู่เสมอเลยอย่างน้อยเพื่อนกลุ่มนี้ก็คบกันมาจนจบม.6
แต่เรื่องแย่ๆมันดันวนกลับมาตอกย้ำเราตรงได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันดับเพื่อนกลุ่มเดิมนี่แหละกลายเป็นว่าเพื่อนดันไปสนิทกับคนที่เคยด่าไว้กับเราซะแบบนั้น
เค้าดูสนิทกันมากมากกว่าที่สนิทกับเราที่บอกว่าสนิทกันซะอีกในใจมันก็มีรู้สึกว่าเอ๊ะนี่ไม่เกลียดกันแล้วหรอแต่อีกความรู้สึกมันก็แวบขึ้นมาว่าช่างเถอะไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรท่องไว้ๆวันนั้นด่ากันจะตายวันนี้ก็สนิทกันจะตายได้เหมือนกันเหมือนทุกวันนี้เราโดนทำร้ายซ้ำๆด้วยภาพที่เค้าสนิทกันมากเห็นเค้าสนิทกันทีไรก็นึกถึงคำนี้ทุกที“เกลียดมันว่ะ” แล้วเค้าก็ทำร้ายเราด้วยการโชว์ว่าสนิทกันมากแค่ไหนโห่มันเจ็บแบบพูดกับใครไม่ได้เลยคิดไปเยอะหมดว่าทำไมนะทำไมเค้ารักกันแล้วหรือที่พูดกับเราเค้าแค่หลอกเรานะตกลงเค้าพูดอะไรกับเราจริงบ้างหรือทั้งหมดคิอเค้าสร้างเรื่องมาหลอกเราว่าเกลียดกันเพื่อจะหังว่าเราด่าอีดคนให้ฟังว่ายังไงบ้าง
เราอยากบอกว่าถ้ากำลังอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับเราตอนม.ปลายก็ก้าวออกมาเถอะอย่าหน้าบางแบบเราตอนนั้นเลยออกมาปรับตัวอยู่กับคนที่เราไม่ต้องยัดเยียดตัวเองเข้าไปในบทสนทนาบ่อยๆอยู่กับเพื่อนที่ทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยในการไปโรงเรียนทุกวันจะดีกว่าถ้าทนถ้าฝืนก็อาจจะจบแบบเราทุกวันนี้ยังนึกเสียดายที่ว่าทำไมนะทำไมตอนนั้นไม่ถอยออกมาทนอยู่ทำไมตั้งนานถ้าทะเลาะกันแล้วกลับไปคืนดีแบบเดิมไม่ได้จริงๆเราก็ก้าวออกมาเถอะถ้าอยู่ไปมันไม่มีอะไรดีขึ้นอย่าไปคิดว่าแล้วคนอื่นจะมองยังไงให้ปล่อยมันไปเลยคิดซะว่าถ้าเราออกมาแล้วเสียเพื่อนตรงนั้นแต่มาได้เพื่อนที่สะบายใจกว่าตรงนี้มันก็ดีกว่าเราอยู่แบบฝืนๆล่ะนะคือเราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะก็ได้แต่เรายังต้องมีเพื่อนอยู่ล่ะนะ