ในการนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม สมาคมฯ ได้สนับสนุนงบประมาณในการปรับเปลี่ยนพื้นหญ้าภายในสนามติณสูลานนท์ และสนามซ้อม ส่วน องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาได้ปรับปรุงในส่วนของโครงสร้างต่างๆ อาทิเช่น ไฟส่องสว่างภายในสนาม, ห้องพักนักกีฬา,ห้องรับรองต่างๆ ภายในสนาม รวมทั้งเก้าอี้บนอัฒจรรย์ เป็นต้น
คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า "ต้องขอขอบคุณองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ที่เล็งเห็นความสำคัญและพร้อมที่จะปรับปรุงเพื่อยกระดับมาตรฐานของสนามติณสูลานนท์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของเอเอฟซี ซึ่งทาง อบจ. ใช้งบประมาณในการปรับปรุงเรื่องของโครงสร้าง อย่างเช่น เรื่องไฟส่องสว่าง ห้องพักนักกีฬา รวมไปถึงห้องรับรองต่างๆ”
“จริงๆ แล้วตอนนั้นเอเอฟซีเข้ามาตรวจ เขาไม่ได้ระบุไว้ว่าเราจะต้องปรับปรุงพื้นสนาม แต่หลังจากที่เขามาตรวจในรอบหลัง พบว่าพื้นสนามยังไม่มีความพร้อมสำหรับการแข่งขัน จึงขอมีการปรับปรุงเพิ่มเติม ซึ่งทางผู้ดูแลสนามไม่ได้ตั้งงบประมาณเอาไว้ ทางสมาคมฯ จึงเห็นว่า การปรับปรุงสนามติณสูลานนท์ให้พร้อมใช้งาน เราสามารถที่จะไปจัดรายการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์ระดับชาติได้ในอนาคต”
“ท่านนายกฯ ได้มีนโยบายมอบเงินงบประมาณของสมาคมฯ เอาไปช่วยปรับปรุงสนาม ทั้งสนามที่ไว้ใช้สำหรับการแข่งขัน ด้วยการรื้อถอนหญ้าออกทั้งหมดและปูหญ้าใหม่ทั้งสนามแข่งขันและสนามซ้อม อีกประมาณ 2-3 สนามให้มีความพร้อม สำหรับการใช้ฝึกซ้อมแบบ official training ในรายการแข่งขันครั้งนี้ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นงบประมาณของสมาคมฯ ที่จะไปช่วยซัพพอร์ตในการปรับปรุงสนาม”
“การปรับปรุงสนามติณสูลานนท์ ให้ผ่านเกณฑ์ในการแข่งขันฟุตบอล U23 ได้ ก็จะสามารถใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติได้ ไม่ว่าจะเป็น U23 หรือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ตามนโยบายของสมาคมฯ ที่ต้องการกระจายความนิยมในการจัดการแข่งขันเกมระดับชาติไปยังจังหวัดต่างๆ มากยิ่งขึ้น”
สำหรับสนามติณสูลานนท์ จะใช้เป็นสนามในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2020 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ระหว่างวันที่ 8-26 มกราคม 2563 ของกลุ่มซี   ซึ่งมี จีน , อิหร่าน, เกาหลีใต้ และ อุซเบกิสถาน ร่วมกลุ่ม