เอาเท่าที่จำได้ละกัน ก่อน ปี 44 สมัยนั้นหนาวจริง (โดยเฉพาะปี 42) หนาวแบบว่าต้องมีการก่อไฟ ผิงไฟ นั่งล้อมวงคุยกัน เอาเผือก มัน มาปิ้งกินเล่น ฟืนหมดก็ใช้แกนข้าวโพดแห้งมาเติม พูดทีนึงควันออกปาก สมัยนั้นอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร (หมายถึงเหนือและอีสาน)
ตอนเช้าไปโรงเรียนแข้งขาแห้งมาก ต้องใช้สปริงซองทา ปากแตกก็ใช้เจลสีชมพูเป็นตลับทาปาก สมัยนั้นไม่รู้จักลิปมัน ไม่รู้จักครีมทาผิวอื่นๆ เลยจริง ๆ
มือแข็ง ปากแข็ง พูดไม่ชัดด้วย
ในห้องเรียนจะหนาวมาก จนครูต้องให้นักเรียนยกเก้าอีกไปนั่งเรียนกลางสนาม เพื่อให้ได้รับแดดมากที่สุด
นักเรียนหญิงก็ใส่กางเกงขายาวข้างใน แล้วใส่กระโปรงข้างนอก
ข้าวที่หุงไว้สามารถกินได้สองวันโดยไม่บูด และไม่เคยทิ้งเพราะเสียเลย สมัยนั้นมีข่าวคนหนาวตายเยอะมาก สมัยนี้(หลายปีที่ผ่านมา) ก็ไม่ได้ยินข่าวคนหนาวตายแล้ว
สมัยนั้นเวลาไปอาบน้ำตามลำห้วย ถ้าได้ลงไปแช่แล้วจะไม่อยากขึ้นมาเลย เพราะข้างล่างจะอุ่นมาก แต่ถ้าลุกขึ้นมาจะหนาวทันที และต้องรีบกลับบ้านเลย
เวลาไปไร่ ไปสวนพ่อแม่จะไปแต่เช้ามืดเลย 4 โมงกว่าก็กลับแล้ว เพราะมืดไว (ไม่แน่ใจว่าหน้าหนาวสมัยนี้ยังมืดไวเท่าสมัยก่อนรึเปล่านะ แต่ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนสมัยก่อนจะมืดไวกว่า)
ใครนึกถึงบรรยากาศสมัยนั้นได้ มาแบ่งปันกันได้ครับ
มีใครยังจำบรรยากาศของหน้าหนาวสมัยก่อนได้บ้าง
ตอนเช้าไปโรงเรียนแข้งขาแห้งมาก ต้องใช้สปริงซองทา ปากแตกก็ใช้เจลสีชมพูเป็นตลับทาปาก สมัยนั้นไม่รู้จักลิปมัน ไม่รู้จักครีมทาผิวอื่นๆ เลยจริง ๆ
มือแข็ง ปากแข็ง พูดไม่ชัดด้วย
ในห้องเรียนจะหนาวมาก จนครูต้องให้นักเรียนยกเก้าอีกไปนั่งเรียนกลางสนาม เพื่อให้ได้รับแดดมากที่สุด
นักเรียนหญิงก็ใส่กางเกงขายาวข้างใน แล้วใส่กระโปรงข้างนอก
ข้าวที่หุงไว้สามารถกินได้สองวันโดยไม่บูด และไม่เคยทิ้งเพราะเสียเลย สมัยนั้นมีข่าวคนหนาวตายเยอะมาก สมัยนี้(หลายปีที่ผ่านมา) ก็ไม่ได้ยินข่าวคนหนาวตายแล้ว
สมัยนั้นเวลาไปอาบน้ำตามลำห้วย ถ้าได้ลงไปแช่แล้วจะไม่อยากขึ้นมาเลย เพราะข้างล่างจะอุ่นมาก แต่ถ้าลุกขึ้นมาจะหนาวทันที และต้องรีบกลับบ้านเลย
เวลาไปไร่ ไปสวนพ่อแม่จะไปแต่เช้ามืดเลย 4 โมงกว่าก็กลับแล้ว เพราะมืดไว (ไม่แน่ใจว่าหน้าหนาวสมัยนี้ยังมืดไวเท่าสมัยก่อนรึเปล่านะ แต่ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนสมัยก่อนจะมืดไวกว่า)
ใครนึกถึงบรรยากาศสมัยนั้นได้ มาแบ่งปันกันได้ครับ