แพ้หรือชนะ ถ้าเข้าใจก็เป็นพระได้
"แพ้ให้เป็นอย่างเข้าใจถึงจะเป็นพระได้
คุณชนะอย่างเข้าใจก็เป็นพระได้
ทั้ง ๒ อย่างไม่เข้าใจก็เป็นมาร"
ทำไมไม่เข้าใจถึงเป็นมาได้ ก็เพราะว่าเราอวิชชาหลงผิด ฉะนั้น ไม่ใช่ "แพ้" และ "ชนะ" แต่เป็นความหลงผิดต่างหากที่เป็นมาร ทำให้ตัวเองเป็นมาร ก็คือ ตัว "อวิชชา"
สิ่งที่เรา "ชนะ" หรือว่า "แพ้" ไม่เป็นมา แต่ที่ว่าเราหลงผิดนั่นแหละเป็นมาร
แพ้ก็เป็นพระได้ ชนะก็เป็นพระได้ เพราะว่าเขาไม่หลงผิด
แต่ถ้าเราหลงผิดในความแพ้ก็เป็นมาร หลงผิดในความชนะก็เป็นมาร
ตัวแม่ คือ "หลงผิด" แต่ตัวย่าของแม่นี้ก็คือ ตัว "อวิชชา"
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
แพ้หรือชนะ ถ้าเข้าใจก็เป็นพระได้
"แพ้ให้เป็นอย่างเข้าใจถึงจะเป็นพระได้
คุณชนะอย่างเข้าใจก็เป็นพระได้
ทั้ง ๒ อย่างไม่เข้าใจก็เป็นมาร"
ทำไมไม่เข้าใจถึงเป็นมาได้ ก็เพราะว่าเราอวิชชาหลงผิด ฉะนั้น ไม่ใช่ "แพ้" และ "ชนะ" แต่เป็นความหลงผิดต่างหากที่เป็นมาร ทำให้ตัวเองเป็นมาร ก็คือ ตัว "อวิชชา"
สิ่งที่เรา "ชนะ" หรือว่า "แพ้" ไม่เป็นมา แต่ที่ว่าเราหลงผิดนั่นแหละเป็นมาร
แพ้ก็เป็นพระได้ ชนะก็เป็นพระได้ เพราะว่าเขาไม่หลงผิด
แต่ถ้าเราหลงผิดในความแพ้ก็เป็นมาร หลงผิดในความชนะก็เป็นมาร
ตัวแม่ คือ "หลงผิด" แต่ตัวย่าของแม่นี้ก็คือ ตัว "อวิชชา"
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต