มหาธีร์ ออกโรง

กระทู้คำถาม
......................................................
“มหาธีร์ โมฮัมหมัด”นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวในเวทีผู้นำภาคธุรกิจและการลงทุน (ASEAN Business and Investment Summit 2019 : ABIS) ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานีเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และโลกที่เกิดจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ว่า ตอนนี้คงต้องรับสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งตกอยู่ในภาวะการชะลอตัว หากแต่เศรษฐกิจอาเซียนมีขนาดใหญ่พอที่จะต่อรองกับมหาอำนาจโลกได้
มหาธีร์กล่าวว่า ถ้าอาเซียนต้องการเป็นผู้ที่ถูกรับฟัง ก็ต้องมีอำนาจและเข้มแข็งเพียงพอ สำหรับตนมองว่า อาเซียนมีสิ่งเหล่านี้ ซึ่งการผนึกกำลังรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค แล้วสะท้อนความเห็นให้บางประเทศมหาอำนาจ(สหรัฐ) รับรู้บ้างก็สามารถทำให้เค้าได้ยินเสียงบ้าง แต่ถ้าอาเซียนแตกแถวหรือทำอยู่ประเทศเดียวก็มีโอกาสอาจพ่ายแพ้
“ขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้ว่า การที่อาเซียนรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวและสะท้อนท่าทีออกไป ก็มีโอกาสเจอบางประเทศมหาอำนาจที่งี่เง่า และขี้กลั่นแกล้ง ถ้าเมื่อถึงเวลาเจอคนไม่ประสงค์ดีกับเรา บางทีคงไม่ต้องทำตัวดีนักก็ได้เพื่อให้เป็นที่ถูกใจ แต่ควรตอบโต้ด้วยการเป็นคนไม่ดีใส่กับคนแบบนี้ เพื่อทำให้รู้สึกบ้างว่า อาเซียนไม่ได้เป็นเด็กดีเสมอไป” มหาธีร์ย้ำ
พร้อมกันนี้ มหาธีร์ยังยกตัวอย่างการที่สหรัฐกีดดันทางการค้า โดยการสั่งลดการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซีย ซึ่งผู้นำมาเลเซียได้ใช้วิธีตอบโต้ด้วยการลดนำเข้าพลังงานจากสหรัฐ หรือการพิจารณายกเลิกสั่งซื้อเครื่องบิน แล้วหันไปซื้อกับรัสเซียแทน
มหาธีร์ ย้ำว่า อย่าลืม ขนาดทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนถือได้ว่า มีอำนาจการต่อรองที่แข็งแกร่งต่อรองกับมหาอำนาจ หากแต่กรณีที่โชคร้ายที่สุด ถ้าประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ สามารถชนะเลือกตั้งกลับมาเป็นผู้นำสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 แน่นอนว่า คนทั่วโลกก็จะต้องทนคนแบบนี้ไปอีก 5 ปี และคนอเมริกันก็ไม่ได้ยอมรับและมีความสุขกับนโยบายของทรัมป์ทั้งหมดแต่อย่าลืมว่า ท้ายที่สุดประชาชนทุกคนในอาเซียน และทั่วโลกสามารถดีไซน์การค้าในโลกได้ ไม่ใช่อยู่ภายใต้คนๆเดียว
มหาธีร์ ชี้ว่าอาเซียนมีประชากรกว่า 650 ล้านคนถือว่าเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศจีนที่มีกว่า 1,400 ล้านคน จะเห็นว่า จีนเป็นตลาดที่ใหญ่มากว่าหนึ่งเท่าตัว แต่เศรษฐกิจจีนเติบโตได้เพราะใช้ประโยชน์จากประชากรที่มีจำนวนมาก ซึ่งภูมิภาคอาเซียนควรมองจีนเป็นแบบอย่าง และใช้ประโยชน์จากประชากรอาเซียนที่มีอยู่เพื่อขยายเศรษฐกิจและเอ็มเอสเอ็มอี โดยเฉพาะต้องทำให้เป็นตลาดภายในภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง
ผู้นำมาเลเซีย มองว่า สิ่งแรกที่อาเซียนต้องทำเพื่อเตรียมความพร้อมรับกับเศรษฐกิจ4.0 คือ การพัฒนาทุนมนุษย์ และให้การศึกษากับคน เพื่อเข้าใจระบบเศรษฐกิจดิจิทัล กระบวนการในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และผลกระทบที่มีต่อการดำเนินธุรกิจ
โดยเฉพาะทำให้ผู้ผลิต และผู้บริโภคนึกถึงเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน และตระหนักรู้ว่าตลาดภายในภูมิภาคมีความสำคัญ สามารถทำการค้าระหว่างกันภายในอาเซียนเองได้ ถัดไปจึงจะเป็นการส่งออกสินค้าระหว่างภูมิภาค เน้นการอัพเกรดผลิตภัณฑ์สินค้าในเชิงเทคโนโลยีมากขึ้น อันจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในภูมิภาคอาเซียนด้วย                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                      อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/853081?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่