รู้จัก “Beyond Metro” กลุ่มคนที่ Google คาดว่าจะเป็นขุนพลใหม่เศรษฐกิจดิจิทัล
https://www.brandbuffet.in.th/2019/11/beyond-metro-economy-sea-2019-google-temasek/?fbclid=IwAR36WkNUao6PhSWlu1cLUf0IwZ0kWfgWXjS34nTYvAPApYJiTdVFcs1EJ4w
เราพยายามทำให้ทุกคนเข้าถึงเน็ต แต่กลายเป็นว่า เราช่วยเปิดทางให้โลกเข้ามาตีเราง่ายขึ้น
เพราะเราไม่มี platform ไม่มี app ไว้ใช้เอง
เอาง่ายๆ อย่าง grab มันคือการตอบโจทย์สำหรับคนที่เบื่อแท็กซี่ที่เรียกแล้วไม่ไป บริการไม่ดี
แต่ grab ไม่ใช่ของเรา เรายอมเลือกวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ โดยให้โลกข้างนอกมาแก้
มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าเราก็ทำ grab ของเราไว้ใช้เอง อะไรแบบนั้น
ลองดูสิ่งที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ มี app มี platform ของเราเองกี่อย่าง
เราให้คนเข้าถึงเน็ต แต่กลายเป็นว่า เน็ตทำให้เงินไหลออกข้างนอกไปเรื่อยๆเมื่อคนเข้าถึงเน็ตมากขึ้น?
ผมคิดแบบนี้ถูกมั้ยฮะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทั้งนี้ รายงานจาก Google – Temasek คาดการณ์ว่า ด้วยอัตราการเติบโตที่เป็นอยู่นี้ เป็นไปได้ที่ Digital Economy ของไทยจะมีมูลค่าแตะ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 เพียงแต่ความท้าทายก็คือจะมีธุรกิจไทยสักกี่รายที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตนี้เท่านั้น
สตาร์ทอัพไทยไม่ดึงดูดเงินนักลงทุน
หนึ่งในปัญหาที่พบก็คือ เงินทุนจาก VC ทั่วโลกนั้นมีมากมาย แต่ว่าไม่ได้ไหลเข้ามาที่ประเทศไทยมากนัก เห็นได้จากรายงานฉบับนี้ที่ชี้ว่า เงินลงทุน 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นไหลไปที่ 11 สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นขึ้นไป ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกตัวอย่างที่เรารู้จักกันดี เช่น GoJek, Lazada, Razer, SEA, Grab, Tokopedia, Traveloka, Ovo, Bukalapak เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่า ไทยไม่ได้รับประโยชน์จากจุดนี้ เมื่อเจอกับความท้าทายประการที่สองก็คือการขาดแรงงานที่มีทักษะที่จะมาช่วยสร้าง Digital Economy ให้ประเทศ จึงกลายเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง
เพราะอย่าลืมว่า การเป็นประเทศผู้บริโภคอาจเป็นสิ่งที่พอรับได้ในโลกยุค 0.4 ที่กว่าเราจะถอนเงินอาจต้องใช้เวลา 15 – 20 นาทีในธนาคาร หรือจะโอนเงินข้ามประเทศต้องใช้เวลาหลายวัน แต่สำหรับโลกยุค 4.0 เงินถูกสร้างและไหลผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ไวกว่าที่คิด คำศัพท์สวยหรูอย่าง Digital Economy จึงอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ดีว่า เงินตอนนี้ไม่ได้ไหลในทิศทางเดิมอีกแล้ว และอาจถึงเวลาที่จะเตรียมการบางอย่างเพื่อให้ “คนไทย” ยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินเหล่านั้นได้อย่างที่ควรจะเป็น
รู้จัก “Beyond Metro” กลุ่มคนที่ Google คาดว่าจะเป็นขุนพลใหม่เศรษฐกิจดิจิทัล
https://www.brandbuffet.in.th/2019/11/beyond-metro-economy-sea-2019-google-temasek/?fbclid=IwAR36WkNUao6PhSWlu1cLUf0IwZ0kWfgWXjS34nTYvAPApYJiTdVFcs1EJ4w
เราพยายามทำให้ทุกคนเข้าถึงเน็ต แต่กลายเป็นว่า เราช่วยเปิดทางให้โลกเข้ามาตีเราง่ายขึ้น
เพราะเราไม่มี platform ไม่มี app ไว้ใช้เอง
เอาง่ายๆ อย่าง grab มันคือการตอบโจทย์สำหรับคนที่เบื่อแท็กซี่ที่เรียกแล้วไม่ไป บริการไม่ดี
แต่ grab ไม่ใช่ของเรา เรายอมเลือกวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ โดยให้โลกข้างนอกมาแก้
มันจะดีกว่ามั้ย ถ้าเราก็ทำ grab ของเราไว้ใช้เอง อะไรแบบนั้น
ลองดูสิ่งที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ มี app มี platform ของเราเองกี่อย่าง
เราให้คนเข้าถึงเน็ต แต่กลายเป็นว่า เน็ตทำให้เงินไหลออกข้างนอกไปเรื่อยๆเมื่อคนเข้าถึงเน็ตมากขึ้น?
ผมคิดแบบนี้ถูกมั้ยฮะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้