ทริปนี้เราไปมาเมื่อต้นปีค่ะ มีแพลนคร่าวๆแค่ว่า อยากเล่นสกีที่ Niseko ที่ที่เค้าว่ามี Snow powder (หิมะที่นุ่มที่สุดในโลก) เป็นสวรรค์ของคนเล่นสกีและที่สำคัญอยากจะช้อปปิ้งถุง Lucky bag ที่มีขายเฉพาะช่วงปีใหม่

เราแพลนว่าอยากจะไปนอนที่ Niseko 2 คืน โดยแบ่งเป็นวันเล่นสกีทั้งวัน และวันเดินทาง ตอนที่ลองหาที่พักก็พบว่ามีที่พักที่นึงที่น่าสนใจมาก เป็น Guesthouse ราคาย่อมเยา ต่อคืนอยู่ที่ 1,5xx บาท โดยรวมทั้งอาหารเย็นและอาหารเช้าแล้ว แต่ๆๆ ข้อแม้คือที่นี่ไม่มีห้องอาบน้ำ 
และให้เฉพาะผู้หญิงพักเท่านั้น ! ในรีวิวมีแต่ความเห็นในแง่บวก และเจ้าของ Guesthouse เค้าจะพาไปอาบที่ Hot springs (ค่าอาบครั้งละ 600 เยน) 

สำหรับใครที่เป็นผู้หญิงและอยากลองไปเที่ยวคนเดียวดู เราค่อนข้างแนะนำ Guesthouse นี้เลยค่ะ ชื่อว่า Gurigura จากการพักที่นี่ให้อารมณ์เหมือนกับครั้งที่เราไปทำฟาร์ม Wwoof ที่นากาโนะ แต่ข้อดีคือเราไม่ต้องมาทำงาน แต่ได้รับฟีลลิ่งโฮมสเตย์ ได้พบปะผู้คนจากประเทศต่างๆ อย่างเรามาอยู่แค่ 2 วัน แต่เจอคนฮ่องกงวัยรุ่นมาอยู่ทีสองอาทิตย์ค่ะ คือมาเพื่อเล่นสโนว์บอร์ดอย่างเดียวเลย หรือคนญี่ปุ่นที่มาคนเดียวบางคนก็มาเล่นสกีทั้งอาทิตย์

ตัวอย่างแพลนของเราค่ะ
วันแรก นั่งรถไฟมา Niseko แต่แวะ Otaru ก่อนเพื่อเที่ยวนิดหน่อย และถึงสถานี JR Kutchan ตามเวลานัด แล้วเจ้าของ Guesthouse  จะมารับพาไปที่พักและทานอาหารเย็น



 พอวินาทีที่ได้มาสัมผัสหิมะที่ Niseko  ต้องบอกว่านอกจากความฟูฟ่องขาวโพลนแล้ว มันยังนุ่มมากก แต่ก็มาพร้อมความหนาวยะเยือกเช่นกัน


หลังจากที่เก็บของแล้วมาแช่ออนเซน โดยเจ้าของเกสท์เฮาส์จะพานั่งรถตู้ขับไป ก่อนไปก็เตรียมข้าวของพวกผ้าขนหนูไปด้วยนะคะ ส่วนแชมพู ครีมอาบน้ำที่นั่นมีให้ ซึ่งภายในออนเซนก็จะมีทั้งบ่อ Outdoor และ Indoor เราแช่สลับกันไปมีหลายบ่อ ทั้งบ่อร้อน บ่อเย็น ที่ฟินมากที่สุดก็คือบ่อ Outdoor ค่ะ เราแช่แล้วมองหิมะหนาวๆ แต่ว่าน้ำออนเซนร้อนๆนี่ สบายไปทั้งตัวเลยค่ะ จะว่าไปนี่ก็เป็นการแก้ผ้าอาบน้ำแบบที่เราเข้าไปพร้อมกับคนที่เพิ่งรู้จักในเกสท์เฮ้าส์ มันก็จะมีอาการเขินหน่อยๆ แต่เราก็ต้องทำหน้าปกติค่ะ เพราะคนญี่ปุ่นอื่นๆเค้าทำหน้าธรรมดามาก 555
พอแช่เสร็จ ออกมาที่ล็อบบี้ก็จะมีขายขนม และตู้กดน้ำ เรามากดยาคูลท์ขวดยักษ์ค่ะ ยกซดแล้วชื่นใจมาก

อ้อ อย่าลืมพกเหรียญร้อยเยนมาด้วยนะคะ ก่อนเข้าจะมีล้อกเก้อร์ให้ฝากรองเท้าและของมีค่า อารมณ์แบบว่าหยอดเหรียญร้อยเยน แล้วตอนมาไขเอากุญแจคืนก็จะได้เงินคืนกลับมา เท่ากับว่าเป็นล้อกเก้อร์ฟรีค่ะ

พอกลับมาที่พัก ก็มาทานข้าวกันเลย ทุกคนจะมานั่งที่โต๊ะและเริ่มทานอาหารพร้อมกันค่ะ โดย Portion จะถูกตักแบ่งให้เป็นจานเล็กๆในสำรับของใครของมัน พอได้ลองกินก็อร่อยทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะมิโซะซุป หมูผัด หรือเครื่องเคียงอื่นๆ หลังจากทานเสร็จก็จะเป็นช่วงสนทนาพาที ว่าใครมาจากไหน เปลี่ยนภาษากันว่าเล่น ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากว่ามีชาวญี่ปุ่นคนนึงพูดจีนได้ คุยกันมันส์กับคนฮ่องกงเลย 

พอกินอาหารเย็นเสร็จ เจ้าของก็จะมาอธิบายเส้นทางที่แต่ละคนจะไป เพราะที่ Niseko นี่ใหญ่มาก มีลานสกีหลายแห่ง แต่ละคนก็เลือกไปไม่เหมือนกัน พอแยกย้ายเข้านอน ที่เป็นห้องพักรวมตรงนี้ต้องใส่ปลอกผ้าห่มกันเองนะคะ แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร


วันที่สอง เล่นสกีแบบลงคอร์สเรียนครึ่งวัน ที่เหลืออีกครึ่งวันหลังก็ไปไถเล่นเอง ก่อนจะนั่งรถไปกับเจ้าของที่พัก (บริการฟรี) เราก็มาทานอาหารเช้ากันก่อน อาหารเช้าเมนหลักเป็นไข่เจียว แต่ด้วยความคิวท์ของประเทศนี้ ก็ยังบีบซอสมะเขือเทศเป็นหน้ายิ้มให้ด้วย อร่อยเช่นเคยค่ะ คือผักของเค้า เต้าหู้มันรู้สึกว่าเฟรช รสชาติกลมกล่อม สมกับที่พักนี้จะได้คะแนนรีวิวเกือบเต็ม 10 จริงๆ


เราเลือกมาเล่นที่ Grand Hirafu หลังจากเช่าอุปกรณ์เรียบร้อย ตอนเก็บชุดในล้อกเกอร์นี่เด๋อด๋ามากค่ะ คือเราลืมตั๋ว Lift ที่ซื้อไว้ในล้อกเก้อร์ ก็เลยต้องเสียเงินค่าล้อกเกอร์ 2 รอบ ฮืออออ

ในคลาสเรียนของเราก็จะมีประมาณ 8 คน โดยทุกคนจะเรียนสกีเหมือนกันหมด โดยเวลานัดที่ 9:45 am สำหรับ Half day program ใช้เวลา 2.5 ชั่วโมง เสร็จตอน  12:30 ที่เป็นเวลาพักเที่ยง สำหรับคนที่เรียน Full day ก็พักเวลาเดียวกัน แต่จะเรียนถึง 13:30 โดยครูส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นฝรั่ง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง ส่วนเพื่อนร่วมเรียนเราไม่เจอคนไทยเลยค่ะ คนที่มาเรียนส่วนใหญ่เป็นฮ่องกง สิงคโปร์ แล้วก็ชาวไต้หวัน มีทั้งชายหญิงคละกัน เราลงคลาส Fist time เค้าก็จะสอนตั้งแต่วิธีการใส่รองเท้า การทรงตัว ท่า Pizza จังหวะการหยุดทรงตัว ก็ถือว่าดีสำหรับคนที่อยากเล่นและอยากได้พื้นฐานที่ถูกต้องก่อนไปเล่นเองแบบงงๆนะคะ ส่วน Ski lift ที่เราใช้เป็นหลักเป็นเหมือนบันไดเลื่อนแบบว่าที่เราเอารถเข็นวางตาม Supermarket เลย เพิ่งเคยเห็นนี่แหละค่ะ คือเราเอาเท้าเราที่ใส่รองเท้าสกี แล้วก็ไปแปะตรงลิฟท์ มันก็จะขยับเท้าไม่ได้เลย พอจนถึงด้านบนเราก็จะสไลด์ตัวลงมาตามท่าที่ครูสอนค่ะ


จริงๆถ้าวันที่พายุไม่เข้า ฟ้าใส จากที่นี้จะทำให้เห็นฟูจิน้อยฮอกไกโด หรือ Mountain Yotei ด้วยนะคะ แต่น่าเสียดายวันที่เราไปเล่นหิมะตกหนักเลยจ้า บังมิด


หลังจากเรียนเสร็จ พักกินข้าวแล้ว เราก็ลองไปไถลเล่น พร้อมใช้วิชาที่ได้เรียนมาอยู่พักนึง แต่ว่าเนินที่นี่ค่อนข้างชันมาก ป๊อดสุดๆ เล่นได้พักนึงก็เลยขอขึ้นไปชมวิวที่ยอดบนสุด โดยขึ้น Gondola ไป ชาวบ้านเค้าก็จะเอาอุปกรณ์ขึ้นไปพร้อมค่ะ เพราะส่วนใหญ่ขึ้นบนยอดแล้วก็จะไถลลงมาเลย ส่วนเราที่เป็นเด็กน้อยเพิ่งเรียนสกีรหัส 101 ก็เลยทิ้งอุปกรณ์ไว้ด้านล่าง และขอขึ้นไปแต่ตัวจ้ะ แฮร่ ขึ้นไปปุ๊ปสักพักก็นั่ง Gondola ลงมา ขาลงนี่นั่งลงมาคนเดียวเลย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครนั่งลงมาค่ะ อ้อด้านบนมีส่วนที่เป็นร้านอาหารด้วยนะคะ

พอหมดวันเราก็จัดการคืนของเช่าและรอเจ้าของ Guesthouse มารับ ไปอาบน้ำและทานข้าว หมดวันไปอย่างเหนื่อย แต่ก็สนุกมากเลย ที่ Gurigura เนี่ยจะมีห้องที่นั่งกินข้าวเป็นเหมือนที่ชุมนุมของทุกคน ตอนเย็นหลังจากที่แต่ละคนกินข้าวเสร็จก็จะอยู่คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ทั้งตอนเช้าตอนเย็นก็อยู่ที่ห้องนี้ ถ้าตอนเย็น เราก็จะหยิบเบียร์จากตู้แช่ แล้วก็จ่ายเงินได้เลย ส่วนขนมกับแกล้มเค้าก็มีให้ฟรีด้วย



เช้านี้เราก็เก็บกระเป๋าออกเดินทางกลับไปยังที่ Sapporo แล้วค่ะ  หลังจากที่เรากินอาหารเช้าเสร็จ ถือเป็นการพักผ่อนอารมณ์โฮมสเตย์นิดๆแบบญี่ปุ่นที่เราค่อนข้างชอบ ก่อนที่จะไปเที่ยวต่อในตัวเมืองต่อไปค่ะ   ถ้ามีโอกาสอีกก็อยากที่จะกลับไปที่นี่เหมือนกันค่ะ บางคนที่เราเจอที่พัก เค้ามาที่นี่ทุกปีเลย และสามารถเที่ยวได้ไม่เฉพาะแต่ช่วงหน้าหนาว แต่ช่วงหน้าร้อน Niseko ก็มีกิจกรรมหลากหลายให้ทำเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น  Trekking ล่องเรือ เดินป่า ถ้าโอกาสหน้าได้ไปอีก จะมารีวิวให้เพื่อนๆดูกันค่ะ

สำหรับใครที่อยากติดตามรีวิวอื่นๆ หรือรีวิวเที่ยวปีใหม่ฉบับเต็มๆก็ตามกันได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อันนี้เป็นรีวิวที่เที่ยว ที่กิน ส่วนลดโปรโมชั่นต่างๆ https://www.facebook.com/eatandtravelwithraccoon/
เว็บรีวิวอื่นๆ ค่ะ https://blueraccoon1412.com