รู้สึกเป็นตู้ ATM ของบ้าน ทำงานได้มากเท่าไหร่ก็เก็บเงินไม่อยู่ หนีไปอยู่คนเดียวดีไหมครับ

คือเป็นคนหนุ่มที่มีรายได้เยอะถึงเยอะมากครับ  คนในครอบครัวก็รู้ ปิดยังไงเค้าก็รู้แหละครับ อย่างน้อยๆก็จากของที่เราใช้ 

แต่รายได้ที่ได้มาเนี่ยมันเหนื่อยนะ ลำบากยากเย็นอดหลับอดนอน เรียกว่าน้ำขึ้นแล้วตักเยอะดีกว่าครับไม่ได้เก่งกว่าใครเลย

ทั้งครอบครัวที่ไม่ค่อยทำงานก็จะมาขอเงินตอนป่วยบ้าง ให้ช่วยบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็ปฏิเสธไป แม้แต่นานๆให้ทีก็ยังหลายตังค์ ครอบครัวนี่หมายถึงพ่อแม่ด้วยนะครับ ไม่ทำการทำงาน  หรือทำน้อยคือไม่ทำตั้งแต่หนุ่มๆสาวๆเลยนะครับ    บ้านก็ไม่มี รถก็ไม่มี  ต้องเช่าเค้า   เคยเอามาอยู่ด้วยก็ทำตัวเป็นภาระทำอะไรไม่เป็น แม้แต่โทรสั่งพิซซ่า ต้มมาม่า ทอดไข่  นี่ผมพูดจริงๆ  แถมแม่ก็ขี้ขโมย    กลับมาบ้านวางกระเป๋าตังค์ไว้ ตังค์หายบ่อยมาก  เศษเหรียญหายเกลี้ยง

มีแฟน คิดว่าชีวิตจะดี ก็กลายปเป็นว่าแฟนรายได้ไม่เยอะก็ให้เราออกอีก ทุกอย่าง พอไม่ออกให้ก็งอน ซึ่งแรกๆผมก็ง้อแหละ  แต่หลังๆผมก็ไม่สนใจ

แน่นอนครับก็กลายเป็นทุกคนงอนผมหมด  ปฏิบัติด้วยไม่ดี  คือเหนื่อยมากครับ คิดว่าควรเลิกคบทุกคนแบบตัดขาดแล้วหนีไปอยู่คนเดียวดีไหมครับ
ทั้งพ่อทั้งแม่ด้วย คือเค้าก็ไม่เลี้ยงผมเลยนะ เลีย้งแต่ลูกญาติ   คิดภาพว่านั่งโต๊ะเดียวกันบ้านตัวเอง ลูกญาติได้กินของดีๆ แต่เราแม่ไม่ให้กินได้แต่นั่งมอง  ค่าเรียนส่งตัวเองหมด กู้กยศมา   บ้านค่ากิน ของเล่น ย่าเป็นคนออกคนเลี้ยง    รถ-บ้าน  ชื่อผมหมดเงินผมทุกบาท 

ตอนแรกคิดว่าชีวิตมีความสุขครับได้เงินเยอะ อยู่กันพร้อมหน้า ซึ่งถ้าเลี้ยงปกติก็เลี้ยงได้ แต่นี่คือออกให้ทุกอย่าง ขนม สบู่ยันยารักษาโรค  เหมือนมีลูก 3-5 คนที่ตัวใหญ่ๆกินเก่ง ป่วยบ่อยที่เราต้องดูแล   ค่าใช้จ่ายวันนึง 1000 - 3000 ++  ยังไม่รวมส่วนตัว  ค่าผ่อนบ้านผ่อนรถสว่นตัวะนครับ  ตอนเค้าป่วย 

ใครมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 43
เห็นทอปเม้นแล้วรู้เลยว่าวัฒนธรรมไทยทำลายชีวิตคนขนาดไหน
ความคิดเห็นที่ 9
(คหสต ขอย้ำนะครับ เป็นเพียงคหสต ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือหมายถึง จขกท หรือท่านใดๆ ครับ ) คือสำหรับผม ผมคิดว่าตอนผมเกิด ถ้าไปเกิดในท้องสัตว์ ผมจะทำได้อย่างเดียวคือฆ่าสัตว์อื่นกินหรือป้องกันตัว แต่พอมาเกิดในท้องคน ผมจึงมีร่างกายมนุษย์มาใช้ชีวิต และมีโอกาสพัฒนาจิตใจตัวเองให้หมดกิเลสก็ได้ หรือจะชั่วจนสุดๆ ก็ได้ แล้วตอนเกิด คนที่เสี่ยงตายที่สุด คนที่ดูแลตอนผมอยู่ในท้อง ก็คือพ่อแม่ ส่วนตอนเกิดมา ผมจะตักข้าวเข้าปากตัวเองยังไม่เป็นเลย และผมก็จนที่สุดเพราะไม่มีอะไรติดตัวออกมาเลย และผมจะดีจะชั่ว พ่อแม่ก็ไม่เคยทิ้ง สรุป ที่ผมมีทุกวันนี้ มาเขียนถึงพระคุณพ่อแม่ได้อย่างนี้ อย่างน้อยก็เพราะได้ร่างกายมนุษย์ที่พ่อแม่ให้มา แค่นี้ก็ตอบแทนไม่หมดแล้ว ส่วนเรื่องพ่อแม่เลี้ยงยังไง นั่นเป็นเรื่องของท่าน เพราะยังไง มันก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้แก่ลูกโดยท่านไม่เคยคิดทำบัญชีเลย ฉะนั้น โดยส่วนตัว ผมก็ยังเห็นพ่อแม่เปรียบเหมือนพระอรหันห์ คือให้โดยไม่ได้อยากเอาอะไรจากผม (หมายถึงเฉพาะพ่อแม่ผม)
เพิ่มเติม
ขอตอบทุกคอมเม้นต์ รวมในคห.ผมนะครับ
ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณคอมเม้นต์ของทุกท่านที่แสดงมาครับ และขออภัยด้วย คือ เนื่องจากผมแสดงความเห็นไม่ครบ  โดยผมแสดงความเห็นส่วนตัวเพียงแค่ "ความกตัญญู" อย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วยังมีอีก 2 สิ่ง ที่ผมยังไม่ได้พูด แต่ขอพูดเรื่อง "กตเวที" ก่อน ซึ่งสาเหตุที่ผมไม่ได้เขียนต่อ เนื่องจากติดภาระกิจดูแลคุณพ่อคุณแม่และทำธุระให้ท่าน ดังนั้น ผมจึงขอแสดง คหสต เพิ่มเติมครับ คือ ใน คหสตผม ความกตัญญู ก็เป็นสิ่งที่ผมบอกให้ทราบไปแล้ว
     แต่ต้องมี "กตเวที" ด้วย ซึ่งคำนี้ 2 คำ เมื่อรวมกัน คือ "กตัญญูกตเวที" ซึ่งเมื่อลูก มีสำนึกมองเห็นบุญคุณที่พ่อแม่ให้มา คือ กตัญญูแล้ว สิ่งที่ลูกต้องตอบแทนพ่อแม่เรียกว่า "กตเวที" และการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่สูงสุดจากคนเป็นลูก จริงๆ คือ การปิดนรก เปิดสวรรค์ให้แก่ท่าน เนื่องจากพ่อแม่ทุกคน ก็มีกิเลสและทำกรรมมามากน้อยตามกิเลสของท่านเอง เช่น พ่อแม่บางคน ก็มีความตระหนี่ ไม่มีศีล 5 มีความเห็นผิด กินเหล้า สูบบุหรี่ มักมากในกาม ขี้โกง พูดจาหยาบคาย มีความหลงในกิเลส ต่างๆ ฯลฯ หรือพูดสั้นๆ ว่า มีความโลภ ความโกรธ ความหลง
     สิ่งที่ลูกจะตอบแทนท่านได้ คือใช้สติปัญญาที่มี แก้ไขให้ท่านได้มีความเห็นถูก ให้ท่านมีโอกาส ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว เช่น ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา (ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะพ่อแม่ ยังไงก็เห็นเราเป็นลูก มักไม่ค่อยฟังลูก บางทีต้องทนไป 5 ปี 10 ปี แต่บางที ก็อาจต้องวางอุเบกขา แยกกันอยู่ แต่ก็ให้เงินท่านต่อเดือน หรือวิธีอื่นๆ ) ทำอย่างนี้ถึงจะสมกับคนเป็นลูก ไม่ใช่คนเป็นลูก จะไปตามใจพ่อแม่ พ่อแม่ไม่มีศีลธรรม ก็ไม่ห้าม ไม่คิดหาวิธี หรือแถมไปส่งเสริมให้ท่านทำผิดศีลธรรม เช่น ท่านเป็นคนขี้โกงขี้ขโมย กินเหล้า มีเมียน้อย ก็ไม่ทำอะไรเลย หรือยังแถมเห็นด้วย เป็นต้น ปล.วิธีตอบแทนบุญคุณ ขอยกตัวอย่าง เช่น พระสารีบุตร ท่านมีปัญญาเป็นเลิศ สาเหตุมาจากทุกชาติ ท่านมีความ กตัญญู กตเวที ต่อผู่มีพระคุณต่อท่านแม้เพียงเล็กน้อย ท่านก็หาวิธีร้อยแปดพันประการ เพื่อตอบแทนคุณโดยวิธีที่ไม่ผิดศีลธรรม ปัญญาท่านจึงมีมากจนเป็นเลิศ
     ส่วนเรื่องการเกิดเป็นมนุษย์ การจะเกิดเป็นมนุษย์ได้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่คนที่มาเกิดได้นี่ยากมาก และมีแต่ร่างกายมนุษย์เท่านั้น ที่แข็งแรงที่สุดในการทำความดีจนบรรลุธรรมได้ หรือทำความชั่วสุดๆ จนลงนรกลึกสุดก็ได้ ดังนั้น เรื่องนี้ผมไม่ขอบอกเพราะอะไร แต่ขอแนะนำให้ ไปถามพระ หรืออ่านพระไตรปิฎกและปฏิบัติธรรมให้ต่อเนื่อง แล้วจะทราบโดยตัวท่านเองแถมยังเป็นบุญกุศลกับตัวท่านเองด้วยครับ ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าย่าเป็นคนเลี้ยงคุณ  คุณก็ควรตอบแทนเฉพาะคุณย่า

คนอื่น ถ้าไม่ได้เลี้ยงคุณมา ก็ช่างมันครับ
ความคิดเห็นที่ 3
เห็นใจเรยอะ​  หาเงินได้ก็​ ต้องไหลไปทางอื่น
พ่อแม่ไม่ได้เป็นหลักที่มั่นคงให้กับลูกได้แต่แรก
แต่มันก็ทำให้คุณ​ เป็นคนเอาตัวรอด​ นะ​ เก่งทีเดียว​  ไม่รู้จะพูดยังไง​ บางคนพ่อแม่ก็ขยันสร้างเนื้อสร้างตัวไว้ให้ลูก​ มีอายุแล้วก็ยังอยากทำงานเพราะ​ นิสัยของเขาเอง​ แต่พ่อแม่บางคนก็รักสบาย​ หวังเเต่จะพึ่ง​ คนอื่นๆโดยที่ตัวเอง​
แทบไม่เคยลำบากเลี้ยงดูลูกมาแต่เเรก​ หรือรักสบายจนทำให้ลูกเดือดร้อน​ หาเงินผิดๆ​ เช่นเคส​ แม่​ สปาย​ กับเสี่ยอ้วน​ ที่เป็นข่าว​
ลองตั้งงบไว้สิ​ คะ​ ถ้าคิดว่า​ จะให้ได้เท่ารัย​ กับคนในครอบครัวต่อเดือน​  จะได้ไม่เดือดร้อนเรา
ความคิดเห็นที่ 23
ผมส่งข้อความสั้นๆ ให้คุณได้คิด

ถ้าวันนี้คุณตายตอนนี้เลย คนที่บ้านจะทำยังไง?

1.งอมืองอตีน รอวันตาย
2.ดิ้นรน กัดฟัน ทำมาหากิน เพื่อความอยู่รอด

ธรรมชาติมนุษย์  เมื่อสบายจะไม่ดิ้นรน แต่ถ้าจนตรอกแล้ว ทำได้ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด

แค่นี้แหละครับที่จะบอก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่