ช่วยถอดหน่อยค่า หรือช่วยเนะยำเว็ปที่เเปลให่น่อยนะค้า
เมื่อนั้น พระผผู้พงศ์เทวัญอสัญหยา
รับพลางทางชักอาชา รั้งรารอไว้ไม่รอนราญ
จึงคิดว่าระตูผู้นี้ ท่วงทีสามารถอาจหาญ
ทั้งอาวุธต่างต่างก็ชำนาญ จะผลาญบนหลังม้าเห็นยากใจ
อย่าเลยจะชวนตีกระบี่ ได้ทีจะฆ่าเสียให้ได้
คิดแล้วจึงร้องประกาศไป ดูก่อนภูวไนยธิบดี
เรารบกันบนหลังอาชา ต่างกล้าสามารถไม่ถอยหนี
มาจะลงยังพื้นปัถพี ตีกระบี่ให้เห็นฝีมือกัน
ว่าพลางลงจากอัสดร พระกรทรงกระบี่ผาดผัน
รำร่ายหันเหียนเวียนระวัน หมายมั่นเข่นฆ่าราวี
ฯ๑๐คำฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
จึ่งถอดโกลนโจนจากพาชี ภูมีไม่ยั้งรั้งรา
ทรงกระบี่รำเรียงเคียงร่าย ประปรายปลายกระบี่แล้วให้ท่า
กระหยับหันผันหลังออกมา แล้วกลับหน้าจ้วงโจนเข้าฟันแทง
ฯ๔คำฯ
เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทวากล้าหาญ
กลับกระบี่ให้ท่าเปลี่ยนแปลง ต่อแย้งย่างท้าวเข้าชิด
แทงต้องระตูแล้วฟันซ้ำ ไม่ชอกซ้ำผิวหนังแต่สักหนิด
ต่างทรงศักดาวราฤทธิ์ เลี้ยวไล่ตามติดต้านทาน
ฯ๔คำฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงห้าวหาญ
แก่วงกระบี่ผัดผันประจัญบาน ไม่ย่อท้อต่อต้านราญรบ
แทงทะลวงจ้วงฟันทันที ระเด่นมนตรีหลีกหลบ
กระบี่ต่อกระบี่ตีกระทบ เป็นประกายกลุ้มกลบกันไปมา
ฯ๔ คำฯกลอนโยน
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีใจกล้า
เห็นระตูต่อตีมีศักดา คงทั้งศัสตราอาวุธ
ท่วงทีหนีไล่ไวว่อง เพลงกระบี่ตีคล่องเป็นที่สุด
ยากที่ใครจะรอต่อยุทธ์ เป็นบุรุษผู้หนึ่งในแดนไตร
จำกูจะสังหารผลาญด้วยกริช ซึ่งเทเวศร์ประสิทธิ์ประสาทให้
คิดพลางชักกริชฤทธิไกร แล้วร้องว่าไปมิได้ช้า
ดูก่อนระตูภูมี เพลงกระบี่ตีกันจนสิ้นท่า
ต่างคนไม่แพ้ฤทธา เรามารำกริชสู้กัน
ว่าพลางทางถอดกริชกราย เยื้องย้ายร่ายรำบิดผัน
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกระตูพลัน พระทำทีเย้ยหยันไพรี
ฯ๑๐คำฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
ได้ฟังชื่นชมยินดี ครั้งนี้อิเหนาจะวายชนม์
อันเพลงกริชชวามลายู กูรู้สันทัดไม่ขัดสน
คิดแล้วชักกริชฤทธิรน ร่ายรำทำกลมารยา
กรขวานั้นกุมกริชกราย พระหัตถ์ว้ายนั้นถือเช็ดหน้า
เข้าปะทะประกริชด้วยฤทธา ผัดผันไปมาไม่ครั่นคร้าม
ฯ๖คำฯกลอง
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีชาญสนาม
พระกรกรายฉายกริชติดตาม ไม่เข็ดขามคร้ามถอยคอยรับ
หลบหลีกไวว่องป้องกัน ผัดผันหันออกกลอกกลับ
ปะทะแทงแกล้งทำสันทับ ย่างกระหยับรุกไล่มิได้ยั้ง
ฯ๔คำฯเชิด
เห็นระตูถอยเท้าก้าวผิด พระกรายกริชแทงอกตลอดหลัง
ล้มลงด่าวดิ้นสิ้นกำลัง มอดม้วยชีวังปลดปลง
ฯ๒คำฯโอด
เมื่อนั้น กะหรัดตะปาตีสูงส่ง
ทั้งระเด่นดาหยนสุริย์วงศ์ สุรานากรงทรงฤทธิ์
เห็นระเด่นมนตรีต่อสู้ แทงระตูแม่ทัพดับจิต
สามองค์ทรงม้ากระชั้นชิด จะสังหารผลาญชีวิตไพรี
ต่างเข้าลุยไล่ไม่รอรั้ง ท้าวปาหยังประหมันผันหนี
ทหารโห่เอาชัยได้ที ตามตีโยธาฝ่าฝัน
ฯ๖คำฯ
เมื่อนั้น องค์ระตูปาหยังประหมัน
สุดที่จะรับรองป้องกัน พลขันธ์พังพ่ายตายยับ
ไพร่พลัดจากนายกระจายหนี เห็นเสียทีตีม้าควบขับ
ปลอมพลปนไปในกองทัพ ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน
บ้างบ่าวเข้าละคนบ่าพานายวิ่ง ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น
บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน ซุกซนดันไปแต่ลำพัง
บ้างเททิ้งไถ้ข้าวเขนงปืน รื้อตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง
.
.ผิดพราดประกานใดขอโทษด้วยนะคะ
ถอดคำประพันธ์ อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง อิเหนาและอนุชากรีธาทัพ เผชิญทัพกะหมังกุหนิง//
รับพลางทางชักอาชา รั้งรารอไว้ไม่รอนราญ
จึงคิดว่าระตูผู้นี้ ท่วงทีสามารถอาจหาญ
ทั้งอาวุธต่างต่างก็ชำนาญ จะผลาญบนหลังม้าเห็นยากใจ
อย่าเลยจะชวนตีกระบี่ ได้ทีจะฆ่าเสียให้ได้
คิดแล้วจึงร้องประกาศไป ดูก่อนภูวไนยธิบดี
เรารบกันบนหลังอาชา ต่างกล้าสามารถไม่ถอยหนี
มาจะลงยังพื้นปัถพี ตีกระบี่ให้เห็นฝีมือกัน
ว่าพลางลงจากอัสดร พระกรทรงกระบี่ผาดผัน
รำร่ายหันเหียนเวียนระวัน หมายมั่นเข่นฆ่าราวี
ฯ๑๐คำฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
จึ่งถอดโกลนโจนจากพาชี ภูมีไม่ยั้งรั้งรา
ทรงกระบี่รำเรียงเคียงร่าย ประปรายปลายกระบี่แล้วให้ท่า
กระหยับหันผันหลังออกมา แล้วกลับหน้าจ้วงโจนเข้าฟันแทง
ฯ๔คำฯ
เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทวากล้าหาญ
กลับกระบี่ให้ท่าเปลี่ยนแปลง ต่อแย้งย่างท้าวเข้าชิด
แทงต้องระตูแล้วฟันซ้ำ ไม่ชอกซ้ำผิวหนังแต่สักหนิด
ต่างทรงศักดาวราฤทธิ์ เลี้ยวไล่ตามติดต้านทาน
ฯ๔คำฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงห้าวหาญ
แก่วงกระบี่ผัดผันประจัญบาน ไม่ย่อท้อต่อต้านราญรบ
แทงทะลวงจ้วงฟันทันที ระเด่นมนตรีหลีกหลบ
กระบี่ต่อกระบี่ตีกระทบ เป็นประกายกลุ้มกลบกันไปมา
ฯ๔ คำฯกลอนโยน
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีใจกล้า
เห็นระตูต่อตีมีศักดา คงทั้งศัสตราอาวุธ
ท่วงทีหนีไล่ไวว่อง เพลงกระบี่ตีคล่องเป็นที่สุด
ยากที่ใครจะรอต่อยุทธ์ เป็นบุรุษผู้หนึ่งในแดนไตร
จำกูจะสังหารผลาญด้วยกริช ซึ่งเทเวศร์ประสิทธิ์ประสาทให้
คิดพลางชักกริชฤทธิไกร แล้วร้องว่าไปมิได้ช้า
ดูก่อนระตูภูมี เพลงกระบี่ตีกันจนสิ้นท่า
ต่างคนไม่แพ้ฤทธา เรามารำกริชสู้กัน
ว่าพลางทางถอดกริชกราย เยื้องย้ายร่ายรำบิดผัน
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกระตูพลัน พระทำทีเย้ยหยันไพรี
ฯ๑๐คำฯ
เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
ได้ฟังชื่นชมยินดี ครั้งนี้อิเหนาจะวายชนม์
อันเพลงกริชชวามลายู กูรู้สันทัดไม่ขัดสน
คิดแล้วชักกริชฤทธิรน ร่ายรำทำกลมารยา
กรขวานั้นกุมกริชกราย พระหัตถ์ว้ายนั้นถือเช็ดหน้า
เข้าปะทะประกริชด้วยฤทธา ผัดผันไปมาไม่ครั่นคร้าม
ฯ๖คำฯกลอง
เมื่อนั้น ระเด่นมนตรีชาญสนาม
พระกรกรายฉายกริชติดตาม ไม่เข็ดขามคร้ามถอยคอยรับ
หลบหลีกไวว่องป้องกัน ผัดผันหันออกกลอกกลับ
ปะทะแทงแกล้งทำสันทับ ย่างกระหยับรุกไล่มิได้ยั้ง
ฯ๔คำฯเชิด
เห็นระตูถอยเท้าก้าวผิด พระกรายกริชแทงอกตลอดหลัง
ล้มลงด่าวดิ้นสิ้นกำลัง มอดม้วยชีวังปลดปลง
ฯ๒คำฯโอด
เมื่อนั้น กะหรัดตะปาตีสูงส่ง
ทั้งระเด่นดาหยนสุริย์วงศ์ สุรานากรงทรงฤทธิ์
เห็นระเด่นมนตรีต่อสู้ แทงระตูแม่ทัพดับจิต
สามองค์ทรงม้ากระชั้นชิด จะสังหารผลาญชีวิตไพรี
ต่างเข้าลุยไล่ไม่รอรั้ง ท้าวปาหยังประหมันผันหนี
ทหารโห่เอาชัยได้ที ตามตีโยธาฝ่าฝัน
ฯ๖คำฯ
เมื่อนั้น องค์ระตูปาหยังประหมัน
สุดที่จะรับรองป้องกัน พลขันธ์พังพ่ายตายยับ
ไพร่พลัดจากนายกระจายหนี เห็นเสียทีตีม้าควบขับ
ปลอมพลปนไปในกองทัพ ไม่ผันหน้ามารับแต่สักคน
บ้างบ่าวเข้าละคนบ่าพานายวิ่ง ประเจียดเครื่องเปลื้องทิ้งไว้เกลื่อนกล่น
บ้างหนามเกี่ยวหัวหูไม่รู้ตน ซุกซนดันไปแต่ลำพัง
บ้างเททิ้งไถ้ข้าวเขนงปืน รื้อตื่นเสียงเพื่อนกันข้างหลัง
.
.ผิดพราดประกานใดขอโทษด้วยนะคะ