ช่วยด้วยครับ!!!! ขอความเมตตากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน กับการใช้ชีวิตข้างนอก.....(ถือว่าหนักพอควร)

ขอสวัสดีครับทุกๆท่าน ผมชื่อฝุ่น อายุ ๒๔ ปี คือผมมีเรื่องใคร่ขอถามกับการใช้ชีวิตข้างนอกครับ ว่าสมัยนี้โลกมันไปถึงไหนแล้ว  สังคมเป็นยังไงบ้าง  ถ้าตอบได้ ให้ข้อแนะนำได้ ก็เมตตาด้วยนะครับ ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

(ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมพึ่งเคยตั้งคำถามแบบนี้ครั้งแรก ถ้าผิดพลาด พูดไม่เข้าหู หรือใช้คำผิดยังไง ก็ขอโทษด้วยนะครับ)

ผมบวชมาตั้งแต่เด็ก จบป.๖ แล้วก็โดนคุณพ่อและคุณแม่ ให้บวชเรียน บวชมาเรื่อยๆ จนจบในระดับมัธยมปลาย คือ ม.๖ แล้วก็กะว่าจะสึกออกไปเรียนข้างนอกด้วยและช่วยงานที่บ้านด้วย  แต่ก็พูดคุยกับพ่อแม่ ท่านก็อยากให้เรียนจนจบปริญญาตรี  ซึ่งผมก็รับคำว่าทำได้ครับ จบปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ๑) เพราะท่านกลัวผมจะเกเรหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรืออาจเพราะลูกคนเดียวก็เป็นได้ครับ ในช่วงระยะที่บวชก็ทำตัวปกติ แบบที่นักบวชเขาทำกัน ประพฤติ ปฏิบัติ  ปริยัติ ปฏิเวธ ช่วยงานอบรม ช่วยงานสารพัดที่จะสงเคราะห์วัด , มหาลัย , คนและชุมชน คือทำหมดครับ

หลังจากที่เรียนจบมาได้ ๑ ปี ผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะอยู่ช่วยงานวัดแบบเต็มที่ ทั้งเอกสาร งานหนัก งานเบา สารพัดที่ผมจะทำได้ทุกอย่าง ตั้งใจไว้ว่า ๑ ปี  หลังจากนั้นก็จะพูดกับพ่อแม่เรื่องการเรียนต่อปริญญาโท  คือบอกกับพ่อแม่ว่า ยังอยากเรียนต่ออยู่ เรื่องสึกเอาไว้ก่อนก็ได้  หรือต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สึกก็เรียน แต่!!!!!

แต่มันเกิดเหตุพลิกครับ คือผมช่วยงานจบเรียบร้อยตามใจหวังแล้ว แล้วผมก็กำลังมองหาลู่ทางการเรียนต่อปริญญาโท  ก็มีอาจารย์ที่รู้จักกันสมัยบวชอยู่มัธยม  ท่านเอามาอยู่ต่างประเทศด้วย คือช่วยงานทางศาสนา (ซึ่งก่อนผมจะมา ผมปฏิเสธไปถึง ๒ ครั้ง เพราะอยากเรียนปริญญาโทอยู่)  พอมาอยู่ได้ที่นี่ปีหนึ่ง ท่านก็ส่งไปเรียนภาษาจีน ในระดับของมหาลัยนานาชาติ จนตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่  และเราต้องอยู่ในประเทศ.......ให้ครบ ๖ เดือน จึงจะสามารถทำบัตรประชาชนชั่วคราวแบบนักศึกษาได้ (ขอใช้คำนี้นะครับ ง่ายต่อการเข้าใจดี)  แต่มันเกิดเหตุว่า เมื่อเดือนสิงหาคมนี้ พ่อบุญธรรมที่เลี้ยงมาแต่เด็ก ท่านเสียชีวิต  แต่ผมไม่สามารถกลับไปบ้านไป เพราะถ้ากลับไป ต้องทำเอกสารใหม่ในการกลับมาเรียนหมดเลย ,ค่าเครื่อง, ค่าทำวีซ่าแบบด่วน ฯลฯ ซึ่งผมก็ไม่อยากบอกอาจารย์ เพราะเกรงใจท่าน กลัวว่าท่านจะลำบากค่าใช้จ่ายต่างๆ หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้นอีก...

เดือนกันยายน ปีนี้ ญาติที่ทำงานที่เกาหลีโทรมาบอกว่า พ่อโดนรถชน ไหนแม่จะพึ่งผ่าตัด แล้วทีนี้ผมก็คิดหนักเลยครับทีนี้ อยากกลับมากๆ แบบคิดตามพ่อกับแม่เลย เพราะเราห่างกันหลายปีมาก ตั้งแต่เด็กจนโต เลยให้ญาติโทรหาน้า และเอาโทรศัพท์ไปให้พ่อกับแม่คุย (คือพ่อกับแม่เล่นเฟสไม่เป็น ไลน์ก็ไม่เป็น เคยสอนแล้ว ท่านว่าไม่จำเป็นมากกว่า การทำนา ^^") พอได้คุยกับพ่อก็พูดคุยกันครับ แบบนานมาก เพราะไม่ได้คุยกันนานมากๆ รวมถึงบอกพ่อพักผ่อนบ้าง อย่าหักโหม หลังจากนั้นก็พูดถึงเรื่องการสึก   ใช่ครับ!!  ผมพูดถึงเรื่องการสึก เพราะตอนคุยกับพ่อแม่ ผมพูดไปว่า  "ผมโตไปเรื่อยๆนะ พ่อกับแม่ก็แก่ลงเรื่อยๆ"  ถ้าพ่อเป็นอะไรไป แม่จะอยู่ยังไง  หรือใครคนใดคนหนึ่งตายจากกันไป อีกคนจะอยู่ยังไง อายุก็ปาไป ๖๐ กว่าๆกันแล้ว อีกอย่างผมก็เรียนจบแล้ว และต่อจากนี้คือหน้าที่ ที่ผมต้องทำคือมาเลี้ยงดูพ่อแม่  ท่านก็ว่าให้สึกได้เลยออกพรรษานี้  แต่ผมก็บอกไปว่า ออกพรรษาไม่ได้ เพราะไม่มีใครช่วยงานที่วัด และตอนนี้มันก็เลยออกพรรษามาแล้ว และได้คุยกับอาจารย์ทางนี้แล้วด้วย  ผมเลยติดสินใจไว้ว่าจะเป็นสิ้นปีก็จะกลับไทย โดยวางแผนไว้ต่อไปนี้   

๑. กลับไปไทยจะช่วยงานวัดเหมือนเดิม ถ้ามีเวลาว่างก็จะอ่านหนังสือทบทวนความรู้ เตรียมตัวสอบ ในสาขาวิชาที่ตัวเองเรียนมา (สส.บ.)
๒. เมื่อคิดว่าพร้อมแล้วก็จะถึงเวลาที่ต้องไปก็จะไปกราบลาครูบาอาจารย์ผู้ที่เคยพร่ำสอน ร่วมถึงผู้มีอุปการะคุณต่างๆที่เคยส่งข้าวส่งน้ำ พร้อมด้วยเหตุผล

และแผนที่วางไว้คือ
แผน ๑. ถ้าสอบติดก็ดีไป แต่ถ้าสอบไม่ติด ก็คงจะต้องหาทำงานทั่วๆไป ตามบริษัท หรือเป็นพนักงานอัตราจ้างทั่วๆไป  เพื่อเก็บเงิน และส่งทางบ้าน โดยงานศิลปะที่ตัวเองชอบ วาดเขียน แกะสลักป้ายไม้ เป็นต้น (ในระหว่างนั้นจะอ่านหนังสือด้วย)
แผน ๒. กลับบ้านไปช่วยงานแบบเดิมที่เคยทำตอนเป็นเด็กน้อย และว่าจะลองทำเกษตรแบบพอเพียงดู อย่างน้อยๆก็ได้อยู่ใกล้ๆบ้าน ดูพ่อแม่ไปด้วย

ปล. ผมไม่ได้อยากเอาเงินตอนยังบวชไปใช้ตั้งตัว สำหรับผม ผมรู้สึกไม่สบายใจ  ผมไม่เคยคิดว่าจะมาอยู่แบบนี้ แล้วหาเอาทางด้านนี้ ผมตั้งใจจะออกไปหาข้างนอก เพราะผมจะได้สบายใจด้วย ซึ่งเวลาที่อาจารย์ท่านให้ปัจจัยค่าเล่าเรียน ผมจะถวายคืนครึ่งต่อครึ่งเลย เช่น ๖,๐๐๐ ผมก็จะถวายคือครึ่งต่อครึ่ง คือ ๓,๐๐๐ ถือว่าช่วยค่าน้ำค่าไฟ  ส่วนจากนั้นผมจะใช้เป็นค่ารถไฟ ค่าแท๊กซี่ ค่าอาหาร บางวันต้องไปเรียนเช้าแบบนี้ครับ!  ผมคิดว่าถ้าออกไปก็อยากออกไปแบบสบายใจเราด้วย ไม่อยากเป็นหนี้สงฆ์ด้วย เมื่อมีโอกาสก็ค่อยทำบุญ ทำทาน ทำหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่ดีได้.....

ผมก็ว่าผมวางแผนชีวิตไว้อาจจะ ๕๐% แล้วละครับ แต่ยังไม่รู้ว่าโลกข้างนอกมันเป็นยังไงบ้าง มันต้องเตรียมตัวยังไง เตรียมใจยังไง เริ่มยังไงบ้าง ควรจะถูกหลอก ถูกโกงก่อนไหม หรือถูกสังคมหล่อหลอมก่อนไหม จากการถามรุ่นพี่ อาจารย์ที่รู้จัก เพื่อนผองน้องพี่ที่พอจะรู้จัก  แต่ก็คิดเผื่อไว้แล้วว่ามันไม่ง่ายนะ  มันต้องปากกัดตีนถีบ ถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อพรุ่งนี้ได้ โดยชีวิตตัวเองต้องอยู่รอดและพ่อแม่ต้องสบาย

นี่แหละครับ คือสิ่งที่ผมอยากจะถามครับ อาจจะเขียนยาวหน่อย แต่ก็อยากให้ทราบถึงจุดเริ่ม ท่ามกลาง และตอนปลาย ว่าเรื่องราวของชีวิตมันเป็นมายังไงทำไมผมถึงมาตั้งคำถามแบบนี้ และบางครั้ง ๒ คนผู้อยู่เบื้องหลัง ก็ควรจะทำนุบำรุงเลี้ยงดูท่าน

ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เสียสละเวลาอันมีค่า มาอ่าน   ขอเปิดรับทุกคำแนะนำ ตลอดจนทั้งข้อคิดต่าง 
ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่