วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็น LGBT คนนึงนะครับ
เรื่องนี้ผมคาดหวังสูงมาก เพราะเห็นพี่มะเดี่ยวเป็นคนกำกับ และชอบเรื่องรักแห่งสยามมาก เรียกได้ว่า
ชอบสไตล์การทำหนังที่ผูกบทเพลงกับเข้ากับตัวหนัง
ขอเขียนคะแนนคร่าวๆก่อนนะครับ
พล็อตเรื่อง ผมให้ 4/10
ภาพ 8/10
การเลือกดนตรีประกอบ 9/10
คะแนนการแสดงผมให้เป็นคนๆไป อย่างพี่เวียร์ ปั๋น ญารินดา อุ๋ม อาภาศิริ(เล่นเป็นแม่ของดิว) นักแสดงผู้ใหญ่ผมให้เต็มเลย แสดงดีมากๆ ถึงจะไม่อินกับพล็อตมาก แต่การแสดงทำให้ผมเกือบร้องไห้เลย
รีวิวของผมอาจจะค่อนไปทางลบเยอะกว่าทางบวกนะครับ เพราะคาดหวังไว้ แต่ดูแล้วไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ขออภัยคนที่ชอบหนังเรื่องนี้ไว้ก่อนเลยเพราะอ่านแล้วอาจจะทำให้รู้สึกไม่ดี แต่อันนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ลองอ่านดูครับ
ผมขอเขียนอธิบายสิ่งที่ชอบในหนังก่อนนะครับ
1. หนังถูกนำเสนอออกเป็น2พาร์ท คือตอนเด็กกับตอนโต ผมชอบการนำเสนอพาร์ทตอนเด็กมาก คือให้บรรยากาศของยุคนั้นจริงๆ ทั้งเพจเจอร์ การไปเรียนพิเศษ ตู้โทรศัพท์ เพลงของทาทายัง พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อค หรือทรงผมของดิว ทุกอย่างคือใช่เลยสำหรับยุคนั้น และมีสเน่ห์มากๆ คนที่เกิดทันยุคนั้นจะอินกับบรรยากาศมากๆ ตอนเพลงทาทากับพี่ป๊อดดัง หัวใจผมพองโตมากๆ
2. เคมีของนักแสดงวัยเด็ก ผมว่าทั้งสองคนมีสเน่ห์มากๆ ดูเข้ากันได้ดี ดูเพลิน เป็นธรรมชาติมากๆ และชอบมุกตลกที่แทรกๆเข้ามา เช่น มุกแม่มารับ มุกซักผ้า มุกปล้นกระเป๋าตัง
3. หนังถ่ายสวยมาก ถ่ายโลเคชั่นออกมาได้น่าไปเที่ยวมากๆ การเลือกมุมต่างๆ การใช้โดรนถ่ายมุมกว้าง และการตัดต่อเปลี่ยนฉากสมูธมากๆ โทนสีดี
4. ชอบหลายๆซีนในพาร์ทแรก เช่น ฉากเต้นลีลาศ ฉากนอนหนุนตักแล้วทายภาพ ฉากแหย่กันตอนเรียนพิเศษ ฉากซ้อนมอไซค์กลางคืน ฉากตู้โทรศัพท์ ฉากมองกระจกในห้องน้ำ ที่ให้ความรู้สึก "ครั้งแรก" ของวัยรุ่น
5. ชอบการแสดงของพี่เวียร์ กับ อุ๋ม อาภาศิริมากๆ (ฮาตรงพี่อุ๋ม อาภาศิริ เล่นหนังกี่เรื่องก็ต้องเล่นเป็นแม่ตลอด แถมเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องมีบทดราม่าๆทุกเรื่องอีกตะหาก) คือการแสดงถึงมาก ส่วนรองลงมา ผมให้น้องที่แสดงเป็นภพตอนเด็ก (นนท์ ศดานนท์) เพราะดูเป็นธรรมชาติมาก มีสเน่ห์ดูเพลิน ส่วนน้องโอม ภวัต ที่แสดงเป็นดิว น้องน่ารักมาก ส่วนใหญ่แสดงได้ดีเลย อาจจะติดตรงบทพูดที่ฟังแล้วแปลกๆ พอถึงฉากดราม่าคู่รัก ผมเลยรู้สึกฟังแล้วไม่อินบางส่วน ส่วนน้องปั๋น น้องแสดงดีมาก ส่วนญารินดา บทน้อยมากแต่แสดงได้ดีมากเช่นกัน
7. บรรยากาศความเหงาของหนัง สัมผัสได้ถึงความเหงาของยุคก่อนที่ยังไม่มี social , บรรยากาศเมืองตจว ที่เงียบๆตอนกลางคืน ออกจากโรงมายังสลัดบรรยากาศหนังไม่ได้ ถือว่าทำโทนออกมาดี
สิ่งที่ไม่ชอบในหนัง
1. พาร์ทตอนเด็กแอบไม่ค่อยอินกับพล็อตเท่าไหร่ ในเรื่องการสื่อเรื่อง การรังเกียจเกย์ในยุคนั้น ที่ถึงขั้นต้องมาบำบัดในโรงเรียนหรือจับเด็กไปบำบัดในค่ายทหาร (สมัยนั้นเรื่องเกย์อาจจะรุนแรงกว่าปัจจุบัน อันนี้ผมอาจจะเกิดไม่ทันเลยไม่อิน เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ) คือรู้สึกว่ามันตั้งใจเกินไป คือถ้าพล็อตเป็นแค่ในครอบครัว เช่นพ่อรับไม่ได้ อันนี้ผมพอที่จะอินและเข้าใจได้ รู้สึกมัน hard sale ประเด็นนี้เกิน ผมเลยไม่อินเท่าไหร่
2. การใช้สรรพนาม ทำไมผมรู้สึกว่ามันจั้กจี้แปลกๆกับการที่ดิวกับภพเรียกกันแบบนั้น กลายเป็นไม่อินไปเลย เพราะในความรู้สึกผมรู้สึกว่า ในโรงเรียนการที่เพื่อนผู้ชายสองคนเรียกกันแบบนั้นมันฟังแล้วแปลกมากๆ ถ้าเรากับแก อาจจะยังเคยได้ยิน ยิ่งถ้าในหนังบิ้วมาว่าคนกลัวคนอื่นรู้ว่าเป็นเกย์ ตัวละครยิ่งไม่ต้องพยายามใช้คำว่า กู กับเพื่อนเหรอ สเน่ห์ของความเป็น Bromance ในหนังเกย์มันเลยหายไป
3. ไม่ค่อยอินกับพล็อตการกลับชาติมาเกิดเท่าไหร่ รู้สึกว่าหนังเกย์ไทยเล่นกับดราม่าตัวละครตายตลอด ยิ่งพอกลับชาติมาเกิดเป็นความสัมพันธ์ครู-เด็กนักเรียน เวลาดูแล้วมัน weird มากๆ (ไม่รู้ผมอคติไปปะนะ แต่ดูแล้วรู้สึกแปลกจริงๆ)
4. ไม่รู้ผมคาดหวังเกินไปมั้ย แต่ผมรู้สึกว่า สเน่ห์ของหนัง LGBT คือโมเม้นของตัวละครที่ก้ำกึ่ง ไม่กล้าเผยความรู้สึก ทำดีให้กันได้แต่ก็ไม่สุดและขัดแย้งในตัวเอง หรือ มีการลองเชิงกันว่าอีกฝ่ายจะเป็นเหมือนกันรึเปล่า เช่น อย่างในเรื่อง Sex Education จะมีฉากที่ตัวละครนั่งเรียนติดกัน ฝ่ายหนึ่งไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้แต่ก็แอบเอามือวางบนโต๊ะให้สัมผัสโดนกันนิดๆ คือรู้สึกว่าไม่เห็นโมเม้นอะไรแบบนั้นเลย นอกจากตอนซักเสื้อให้กัน ส่วนตัวผมเลยชอบรักแห่งสยามมากกว่า เพราะรู้สึกว่ามันไม่ได้พยายามใส่อะไรมาเยอะ แต่รวมๆออกมาแล้วมัน Real มากๆ ส่วนในหนังนี้ ฉากที่พอจะให้ความรู้สึกนั้นก็มี เช่น ฉากซ้อนมอไซค์กลางคืน ฉากนั่งเรียนพิเศษข้างกัน บางคนอาจจะบอกว่าสองคนนี้ชอบกันแต่แรกอยู่แล้วเลยไม่ต้องมีช็อทแบบนี้ แต่เอาจริงๆมันย้อนแย้งกับประเด็นที่หนังปูมาตอนแรกมากๆว่า สังคมกลัวการถูกมองเป็นเกย์
5. ฉากสอนขับมอไซค์ คือทั้งชอบและก็ไม่ชอบนะ คือก็เข้าใจเรื่องการที่ดิวจะสื่อความรักตัวเองออกไปผ่านการอ้อนที่งี่เง่านิดๆ ในแบบคู่รัก แต่พอฟังบทพูดโต้ตอบ ผมกลับไม่อิน อาจจะเป็นเรื่องสรรพนามที่ใช้ส่วนนึง หรือเพราะบททำให้ดิวงี่เง่าเกินไปรึเปล่า ผมเลยไม่อิน
6. พาร์ทตอนโตผมว่ามันดูเละๆแปลกๆ เรื่องความสมเหตุสมผล เช่น ครูผู้ชายไปรับเด็กผู้หญิงที่อยู่คนเดียว ถึงหน้าห้องโดยที่ไม่กลัวสายตาคนอื่น(ยิ่งในหนังบอกเป็นเมืองเล็ก) พี่ท้อป คนที่แสดงเป็นแฟนของหลิว ผมว่ายังแสดงไม่ค่อยดี เวลาพูดสีหน้าอารมณ์ไม่ได้เลย
7. ไม่อินเรื่องการที่นางเอกลืมว่ายุคนี้ไม่มีผักในเซเว่นแล้ว เพราะเกิดใหม่มา 15ปี มันต้องจำได้แล้ว ว่ายุคนี้ผักเค้าไม่มีแล้ว แต่หนังพยายามทำให้เหมือนหลิวเกิดใหม่มาแล้วอายุ15เลย ตัวละครมันดูขาดมิติ
8. ไม่อินหลายฉาก เช่น ตอนท้ายโดนแอบถ่าย live, ครูบอกจำดิวเพื่อนภพได้นะ ประหนึ่งเหมือนกำกับหนังเรื่องนี้เองเห็นทุกอย่างลึกซึ้ง ผมว่ามันพยายามเกินไป
9. ผมว่าหนังเดาทางง่ายเกินไป พอเกริ่นเรื่อง กลับชาติมาเกิด>ประติดประต่อความทรงจำ>จำได้ แฮ้ปปี้เอน ผมว่าคอนเสปมันเชยไปนิด ตอนดูมันเลยไม่รู้สึกพี้คตามเท่าไหร่
10. ตอนจบดูแล้วเฉยๆ มีหักมุมเล็กๆตรงที่รถคว่ำซ้ำแต่ไม่ตาย แต่ดูแล้วไม่ได้อิมแพคเท่าไหร่ แล้วก็มาจบแบบโดดบันจี้จัมป์ฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้ไปภพใหม่ด้วยกัน คือดูแล้วแบบ wtf มาก แล้วจะปูเรื่องมาให้รอดเพื่อให้มาฆ่าตัวตายพร้อมกันทำไม คือเข้าใจว่าจะสื่อว่าความสัมพันธ์ครูศิษย์มันไม่ได้รับการยอมรับ หรืออาจจะมีทฤษฎีที่บอกว่าอยากกลับไปอยู่ในรูปแบบชายชายเหมือนตอนแรก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าตายแล้วจะได้กลายเป็นชายชายมารักกันอีก แถมตอนหลังหนังก็ไม่ได้ Push ขนาดจะต้องให้มาฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องความเชื่อล้วนๆ ซึ่งไม่มีทฤษฎีอะไรผูกเลย ดูแล้วแบบ พังมาก
จบการรีวิวแบบเพลียๆเพียงเท่านี้ครับ
[CR] รีวิวหนัง ดิว ไปด้วยกันนะ แบบส่วนตัว [มีสปอย]
วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็น LGBT คนนึงนะครับ
เรื่องนี้ผมคาดหวังสูงมาก เพราะเห็นพี่มะเดี่ยวเป็นคนกำกับ และชอบเรื่องรักแห่งสยามมาก เรียกได้ว่า
ชอบสไตล์การทำหนังที่ผูกบทเพลงกับเข้ากับตัวหนัง
ขอเขียนคะแนนคร่าวๆก่อนนะครับ
พล็อตเรื่อง ผมให้ 4/10
ภาพ 8/10
การเลือกดนตรีประกอบ 9/10
คะแนนการแสดงผมให้เป็นคนๆไป อย่างพี่เวียร์ ปั๋น ญารินดา อุ๋ม อาภาศิริ(เล่นเป็นแม่ของดิว) นักแสดงผู้ใหญ่ผมให้เต็มเลย แสดงดีมากๆ ถึงจะไม่อินกับพล็อตมาก แต่การแสดงทำให้ผมเกือบร้องไห้เลย
รีวิวของผมอาจจะค่อนไปทางลบเยอะกว่าทางบวกนะครับ เพราะคาดหวังไว้ แต่ดูแล้วไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ขออภัยคนที่ชอบหนังเรื่องนี้ไว้ก่อนเลยเพราะอ่านแล้วอาจจะทำให้รู้สึกไม่ดี แต่อันนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ลองอ่านดูครับ
ผมขอเขียนอธิบายสิ่งที่ชอบในหนังก่อนนะครับ
1. หนังถูกนำเสนอออกเป็น2พาร์ท คือตอนเด็กกับตอนโต ผมชอบการนำเสนอพาร์ทตอนเด็กมาก คือให้บรรยากาศของยุคนั้นจริงๆ ทั้งเพจเจอร์ การไปเรียนพิเศษ ตู้โทรศัพท์ เพลงของทาทายัง พี่ป๊อด โมเดิร์นด็อค หรือทรงผมของดิว ทุกอย่างคือใช่เลยสำหรับยุคนั้น และมีสเน่ห์มากๆ คนที่เกิดทันยุคนั้นจะอินกับบรรยากาศมากๆ ตอนเพลงทาทากับพี่ป๊อดดัง หัวใจผมพองโตมากๆ
2. เคมีของนักแสดงวัยเด็ก ผมว่าทั้งสองคนมีสเน่ห์มากๆ ดูเข้ากันได้ดี ดูเพลิน เป็นธรรมชาติมากๆ และชอบมุกตลกที่แทรกๆเข้ามา เช่น มุกแม่มารับ มุกซักผ้า มุกปล้นกระเป๋าตัง
3. หนังถ่ายสวยมาก ถ่ายโลเคชั่นออกมาได้น่าไปเที่ยวมากๆ การเลือกมุมต่างๆ การใช้โดรนถ่ายมุมกว้าง และการตัดต่อเปลี่ยนฉากสมูธมากๆ โทนสีดี
4. ชอบหลายๆซีนในพาร์ทแรก เช่น ฉากเต้นลีลาศ ฉากนอนหนุนตักแล้วทายภาพ ฉากแหย่กันตอนเรียนพิเศษ ฉากซ้อนมอไซค์กลางคืน ฉากตู้โทรศัพท์ ฉากมองกระจกในห้องน้ำ ที่ให้ความรู้สึก "ครั้งแรก" ของวัยรุ่น
5. ชอบการแสดงของพี่เวียร์ กับ อุ๋ม อาภาศิริมากๆ (ฮาตรงพี่อุ๋ม อาภาศิริ เล่นหนังกี่เรื่องก็ต้องเล่นเป็นแม่ตลอด แถมเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องมีบทดราม่าๆทุกเรื่องอีกตะหาก) คือการแสดงถึงมาก ส่วนรองลงมา ผมให้น้องที่แสดงเป็นภพตอนเด็ก (นนท์ ศดานนท์) เพราะดูเป็นธรรมชาติมาก มีสเน่ห์ดูเพลิน ส่วนน้องโอม ภวัต ที่แสดงเป็นดิว น้องน่ารักมาก ส่วนใหญ่แสดงได้ดีเลย อาจจะติดตรงบทพูดที่ฟังแล้วแปลกๆ พอถึงฉากดราม่าคู่รัก ผมเลยรู้สึกฟังแล้วไม่อินบางส่วน ส่วนน้องปั๋น น้องแสดงดีมาก ส่วนญารินดา บทน้อยมากแต่แสดงได้ดีมากเช่นกัน
7. บรรยากาศความเหงาของหนัง สัมผัสได้ถึงความเหงาของยุคก่อนที่ยังไม่มี social , บรรยากาศเมืองตจว ที่เงียบๆตอนกลางคืน ออกจากโรงมายังสลัดบรรยากาศหนังไม่ได้ ถือว่าทำโทนออกมาดี
สิ่งที่ไม่ชอบในหนัง
1. พาร์ทตอนเด็กแอบไม่ค่อยอินกับพล็อตเท่าไหร่ ในเรื่องการสื่อเรื่อง การรังเกียจเกย์ในยุคนั้น ที่ถึงขั้นต้องมาบำบัดในโรงเรียนหรือจับเด็กไปบำบัดในค่ายทหาร (สมัยนั้นเรื่องเกย์อาจจะรุนแรงกว่าปัจจุบัน อันนี้ผมอาจจะเกิดไม่ทันเลยไม่อิน เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ) คือรู้สึกว่ามันตั้งใจเกินไป คือถ้าพล็อตเป็นแค่ในครอบครัว เช่นพ่อรับไม่ได้ อันนี้ผมพอที่จะอินและเข้าใจได้ รู้สึกมัน hard sale ประเด็นนี้เกิน ผมเลยไม่อินเท่าไหร่
2. การใช้สรรพนาม ทำไมผมรู้สึกว่ามันจั้กจี้แปลกๆกับการที่ดิวกับภพเรียกกันแบบนั้น กลายเป็นไม่อินไปเลย เพราะในความรู้สึกผมรู้สึกว่า ในโรงเรียนการที่เพื่อนผู้ชายสองคนเรียกกันแบบนั้นมันฟังแล้วแปลกมากๆ ถ้าเรากับแก อาจจะยังเคยได้ยิน ยิ่งถ้าในหนังบิ้วมาว่าคนกลัวคนอื่นรู้ว่าเป็นเกย์ ตัวละครยิ่งไม่ต้องพยายามใช้คำว่า กู กับเพื่อนเหรอ สเน่ห์ของความเป็น Bromance ในหนังเกย์มันเลยหายไป
3. ไม่ค่อยอินกับพล็อตการกลับชาติมาเกิดเท่าไหร่ รู้สึกว่าหนังเกย์ไทยเล่นกับดราม่าตัวละครตายตลอด ยิ่งพอกลับชาติมาเกิดเป็นความสัมพันธ์ครู-เด็กนักเรียน เวลาดูแล้วมัน weird มากๆ (ไม่รู้ผมอคติไปปะนะ แต่ดูแล้วรู้สึกแปลกจริงๆ)
4. ไม่รู้ผมคาดหวังเกินไปมั้ย แต่ผมรู้สึกว่า สเน่ห์ของหนัง LGBT คือโมเม้นของตัวละครที่ก้ำกึ่ง ไม่กล้าเผยความรู้สึก ทำดีให้กันได้แต่ก็ไม่สุดและขัดแย้งในตัวเอง หรือ มีการลองเชิงกันว่าอีกฝ่ายจะเป็นเหมือนกันรึเปล่า เช่น อย่างในเรื่อง Sex Education จะมีฉากที่ตัวละครนั่งเรียนติดกัน ฝ่ายหนึ่งไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้แต่ก็แอบเอามือวางบนโต๊ะให้สัมผัสโดนกันนิดๆ คือรู้สึกว่าไม่เห็นโมเม้นอะไรแบบนั้นเลย นอกจากตอนซักเสื้อให้กัน ส่วนตัวผมเลยชอบรักแห่งสยามมากกว่า เพราะรู้สึกว่ามันไม่ได้พยายามใส่อะไรมาเยอะ แต่รวมๆออกมาแล้วมัน Real มากๆ ส่วนในหนังนี้ ฉากที่พอจะให้ความรู้สึกนั้นก็มี เช่น ฉากซ้อนมอไซค์กลางคืน ฉากนั่งเรียนพิเศษข้างกัน บางคนอาจจะบอกว่าสองคนนี้ชอบกันแต่แรกอยู่แล้วเลยไม่ต้องมีช็อทแบบนี้ แต่เอาจริงๆมันย้อนแย้งกับประเด็นที่หนังปูมาตอนแรกมากๆว่า สังคมกลัวการถูกมองเป็นเกย์
5. ฉากสอนขับมอไซค์ คือทั้งชอบและก็ไม่ชอบนะ คือก็เข้าใจเรื่องการที่ดิวจะสื่อความรักตัวเองออกไปผ่านการอ้อนที่งี่เง่านิดๆ ในแบบคู่รัก แต่พอฟังบทพูดโต้ตอบ ผมกลับไม่อิน อาจจะเป็นเรื่องสรรพนามที่ใช้ส่วนนึง หรือเพราะบททำให้ดิวงี่เง่าเกินไปรึเปล่า ผมเลยไม่อิน
6. พาร์ทตอนโตผมว่ามันดูเละๆแปลกๆ เรื่องความสมเหตุสมผล เช่น ครูผู้ชายไปรับเด็กผู้หญิงที่อยู่คนเดียว ถึงหน้าห้องโดยที่ไม่กลัวสายตาคนอื่น(ยิ่งในหนังบอกเป็นเมืองเล็ก) พี่ท้อป คนที่แสดงเป็นแฟนของหลิว ผมว่ายังแสดงไม่ค่อยดี เวลาพูดสีหน้าอารมณ์ไม่ได้เลย
7. ไม่อินเรื่องการที่นางเอกลืมว่ายุคนี้ไม่มีผักในเซเว่นแล้ว เพราะเกิดใหม่มา 15ปี มันต้องจำได้แล้ว ว่ายุคนี้ผักเค้าไม่มีแล้ว แต่หนังพยายามทำให้เหมือนหลิวเกิดใหม่มาแล้วอายุ15เลย ตัวละครมันดูขาดมิติ
8. ไม่อินหลายฉาก เช่น ตอนท้ายโดนแอบถ่าย live, ครูบอกจำดิวเพื่อนภพได้นะ ประหนึ่งเหมือนกำกับหนังเรื่องนี้เองเห็นทุกอย่างลึกซึ้ง ผมว่ามันพยายามเกินไป
9. ผมว่าหนังเดาทางง่ายเกินไป พอเกริ่นเรื่อง กลับชาติมาเกิด>ประติดประต่อความทรงจำ>จำได้ แฮ้ปปี้เอน ผมว่าคอนเสปมันเชยไปนิด ตอนดูมันเลยไม่รู้สึกพี้คตามเท่าไหร่
10. ตอนจบดูแล้วเฉยๆ มีหักมุมเล็กๆตรงที่รถคว่ำซ้ำแต่ไม่ตาย แต่ดูแล้วไม่ได้อิมแพคเท่าไหร่ แล้วก็มาจบแบบโดดบันจี้จัมป์ฆ่าตัวตายเพื่อที่จะได้ไปภพใหม่ด้วยกัน คือดูแล้วแบบ wtf มาก แล้วจะปูเรื่องมาให้รอดเพื่อให้มาฆ่าตัวตายพร้อมกันทำไม คือเข้าใจว่าจะสื่อว่าความสัมพันธ์ครูศิษย์มันไม่ได้รับการยอมรับ หรืออาจจะมีทฤษฎีที่บอกว่าอยากกลับไปอยู่ในรูปแบบชายชายเหมือนตอนแรก แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าตายแล้วจะได้กลายเป็นชายชายมารักกันอีก แถมตอนหลังหนังก็ไม่ได้ Push ขนาดจะต้องให้มาฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องความเชื่อล้วนๆ ซึ่งไม่มีทฤษฎีอะไรผูกเลย ดูแล้วแบบ พังมาก
จบการรีวิวแบบเพลียๆเพียงเท่านี้ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้