สืบเนื่องจากวีซ่าเชงเก้นที่ทางสถานฑูตกรุณาให้มายาวถึงหนึ่งปี ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เลยคิดว่าจะหาทัวร์ยุโรปที่ราคาพอซื้อหาได้ กลับไปเยือนทวีปนั้นอีกสักทีเพื่อไม่ให้เสียของ
หาช่วงเดินทางในเดือนตุลาคมเพราะชอบฤดูใบไม้ร่วงเป็นการส่วนตัว เลยมาจบที่โปรแกรมสวิส-อิตาลี กับทางบริษัท Siam Travel Mart ที่เคยใช้ประจำ เป็นการตัดสินใจที่เกือบจะนาทีสุดท้าย ตัดขั้นตอนขอวีซ่าและประหยัดไปได้ส่วนหนึ่ง ขอเล่าถึงโปรแกรมและทริปนี้ให้ฟังด้งนี้นะคะ เผื่อท่านใดสนใจหรือกำลังวางแผนเที่ยวแถวนั้น ทัวร์นี้ไม่มีเทจริงๆ ค่ะ
โปรแกรมนี้บินสายการบิน Emirates โดยบินจากกรุงเทพฯ ไปที่ดูไบ และต่อเครื่องจากดูไบไปลงมิลาน ประเทศอิตาลี ใช้เวลาบินขาละเกือบหกชั่วโมง
ขาแรกจากสุวรรณภูมิไปดูไบ บินเครื่องใหญ่ สองชั้น อลังการมากค่ะ แม้จะชั้นประหยัด เบาะก็จะกว้างนั่งสบาย หมอน ผ้าห่ม จอส่วนตัว หูฟัง ครบ
มื้อแรกมีเนื้อและไก่ให้เลือก ที่เห็นคือเนื้อวัวค่ะ รสชาติโอเคเลย
ขาที่สอง จากดูไบ ไป มิลาน เปลี่ยนมาบินเครื่องเล็กลงหน่อยค่ะ
งีบหลับไปพอสังเขป ตื่นมาก็เจอมื้อเช้าบนเครื่องค่ะ หอมกรุ่น เติมพลัง
รายการความบันเทิงบนหน้าจอส่วนตัว มีให้เลือกเยอะมากค่ะ แบ่งเป็นหมวดหมู่ไว้เลือก ถ้าไม่ง่วงก็นั่งดูกันยาวไปเลย
ตัดภาพมาที่สนามบิน Milano Malpensa ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ทริปนี้ไกด์ชื่อคุณเอกชัย อายุเยอะแล้ว ประสบการณ์และความรู้ทางประวัติศาสตร์แน่นมาก ดูแลคณะอย่างดี มีรถบัสใหญ่มารับพวกเราที่สนามบิน (เป็นรถ Benz ด้วยนะคะ) พาไปจุดหมายแรกค่ะ คือวิ่งข้ามพรมแดนอิตาลีเข้า เมือง Zermatt ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างทางมีแวะจุดพักหนึ่งครั้ง อากาศวันที่เราไปถึงคือ มีฝนปรอย เมฆมาก อากาศหนาวเย็น (สำหรับพวกเรา) แนะนำนี่เลยค่ะ ถิ่นกำเนิดของเครื่องดื่มโปรด ราคา 4.5 ฟรังก์สวิส
มาถึงเมือง Zermatt ก็นั่งรถไฟไปต่อรถไฟ เพื่อขึ้นไปดูยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น กันค่ะ
อันนี้เป็นรถไฟต่อแรก รถไฟแบบปัจจุบันทันสมัย สไตล์สวิส แล้วไปต่อรถไฟฟันเฟือง อารมณ์วินเทจ ไต่ขึ้นไปที่สถานี Gornergrat ถ้าตามโปรแกรม
และถ้าสภาพอากาศเป็นใจ เราจะได้เห็นเงาสะท้อนของภาพเขาแมทเทอร์ฮอร์น ในทะเลสาปนี้ค่ะ แต่วันนั้นเมฆมาก ฝนปรอยด้วย ก็เลยเห็นแบบนี้แทน
เย็นนั้นเราแวะทานอาหารเย็นที่เมือง Zermatt มีร้านขายก๋วยเตี๋ยวของไทยด้วยค่ะ ราคาชามละ 18 ฟรังก์ ไม่ได้ครบเครื่องมาก แต่ก็ได้อารมณ์ก๋วยเตี๋ยวไทย แม่ครัวไทย ด้วยพวงเครื่องปรุง คืนแรกเราพักกันที่โรงแรมชึ่อ Hotel Täscherhof เห็นไกด์บอกว่าเป็น chalet มากกว่า ตั้งอยู่ที่เมือง Tasch ซึ่งอยู่ตรงสถานีรถไฟตอนที่เรานั่งขึ้นไป Zermatt นั่นแหละค่ะ ห้องพักน่ารัก อารมณ์ป่าเขา รีสอร์ต มี wifi ฟรีให้ ลิฟต์ขนาดเล็กมาก เข้าได้แค่คนเดียวพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ พอดีว่าพักชั้น 2 ก็เลยหิ้วขึ้นไปเองค่ะ พนักงานโรงแรมและคุณไกด์ก็มาช่วยออกแรงด้วย
เดี๋ยวจะแยกกระทู้รีวิวโรงแรม Hotel Täscherhof นี้อีกนะคะ อาหารเช้าที่โรงแรมโอเคมากๆ ค่ะ อิ่มท้องพร้อมออกเดินทางไปเมือง Vevey
ระหว่างทางก็จะเห็นแสงรำไร ลมฟ้าอากาศเป็นใจกว่าวันแรก
ส้อมใหญ่ในทะเลสาบเจนีวา ส่วนหนึ่งของเมือง Vevey อากาศดีมากๆ ริมทะเลสาบนี้มีรูปปั้นชาลี แชปลิน ซึ่งมาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่นี่ด้วยค่ะ
ในที่สุดก็ได้มาเห็นด้วยตาค่ะ Chillon Castle ปราสาทโบราณอายุหลายร้อยปี สร้างบนเกาะหินริมทะเลสาปเจนีวา ไม่ได้เข้าชมด้านในนะคะ แค่แวะถ่ายรูปด้านหน้า แต่แค่นั้นก็งดงามมากค่ะ ถ้าใครได้ชมละครเรื่องรัตนาวดีเมื่อปี 2558 คงจำได้ว่านี่คือสถานที่หนึ่งที่นายเล็กพาท่านหญิงมาเที่ยว
ได้เวลามื้อเที่ยงค่ะ เราได้รับประทานอาหารพื้นเมืองกันที่ภัตตาคารตรงข้างๆ ปราสาท Chillon เลย แค่เดินข้ามถนนมา บรรยากาศน่ารักสไตล์สวิส
ถึงสวิสแล้ว มันก็ต้อูงดูฟอง เอ๊ย ฟองดูนะคะ ขนมปังแข็งหน่อย ชีสรสชาติเค็มเข้มข้น
สลัดเรียกน้ำย่อย
จานหลักเป็นพอร์คชอฟค่ะ เรียกว่าคุ้มราคา
ตบท้ายด้วยไอศกรีม อิ่มหนำ พร้อมออกเดินทางไปนครเจนีวา หมายเหตุ ข้าพเจ้าไม่ได้มาทำงานนะ มาเที่ยว
เก้าอี้ 3 ขา หน้าที่ทำการสหประชาชาติ อย่างที่บอกค่ะ ว่าอากาศเป็นใจ ฟ้าใสขึ้นระหว่างวัน หน้าลาน Palais des Nations เลยเปิดน้ำพุด้วย
อีกแลนด์มาร์กหนึ่งของเจนีวาก็คือน้ำพุ Jet d'eau ที่สูงมาก ทะเลสาปที่เห็นคือทะเลสาปเจนีวา กว้างใหญ่ไพศาลจริง จากนั้นคุณไกด์พาพวกเราไปถ่ายรูปตรงนาฬิกาดอกไม้ด้วยค่ะ
เสร็จสิ้นการแวะเที่ยวชมนครเจนีวา เราเดินทางสู่เมืองโลซานน์ ซึ่งใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 30 นาที รวดเร็วทันใจ รถไม่ติด ตามโปรแกรมก็คือ เราต้องไปพักโรงแรมที่โลซานน์ตอนค่ำ แต่คุณไกด์พาเราไปที่สวน Denantou เพื่อชม Le Pavillon thailandais หรือศาลาไทยที่เมืองนี้กันด้วยค่ะ ถือเป็นโชคดีมากๆ
จริงๆ สวนสาธารณะแห่งนี้บรรยากาศร่มรื่น เขียวขจีมากๆ อากาศดีๆ แบบนี้ก็จะมีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย ปิกนิกกันเยอะเลย
เย็นนั้นุเราพักที่โรงแรมนี้ค่ะ Discovery Hotel ห้องพักกว้างขวาง เรียบร้อยดีค่ะ ห้องพักในโรงแรมที่สวิสนี่ จะไม่มีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน หมวกคลุมผม ให้นะคะ สบู่เหลวในห้องน้ำจะระบุว่า ใช้เป็นทั้งยาสระผม ครีมนวดผม และอาบน้ำได้ด้วย หืมมมม คือ แบบ..ยังไงถ้าไปพักโซนนั้น เตรียมไปเองดีกว่าค่ะ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันไปที่เมือง Bern ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ เราได้เดินชมเมืองเก่า บ่อหมี หอนาฬิกา ครบทุกสิ่งอย่างตามโปรแกรม อากาศก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส จากนั้นก็มุ่งหน้าไปต่อ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอพักแป๊บนึง
รีวิวทริป สวิตเซอร์แลนด์ - อิตาลี 7 วัน 4 คืน
โปรแกรมนี้บินสายการบิน Emirates โดยบินจากกรุงเทพฯ ไปที่ดูไบ และต่อเครื่องจากดูไบไปลงมิลาน ประเทศอิตาลี ใช้เวลาบินขาละเกือบหกชั่วโมง
ขาแรกจากสุวรรณภูมิไปดูไบ บินเครื่องใหญ่ สองชั้น อลังการมากค่ะ แม้จะชั้นประหยัด เบาะก็จะกว้างนั่งสบาย หมอน ผ้าห่ม จอส่วนตัว หูฟัง ครบ
มื้อแรกมีเนื้อและไก่ให้เลือก ที่เห็นคือเนื้อวัวค่ะ รสชาติโอเคเลย
ขาที่สอง จากดูไบ ไป มิลาน เปลี่ยนมาบินเครื่องเล็กลงหน่อยค่ะ
งีบหลับไปพอสังเขป ตื่นมาก็เจอมื้อเช้าบนเครื่องค่ะ หอมกรุ่น เติมพลัง
รายการความบันเทิงบนหน้าจอส่วนตัว มีให้เลือกเยอะมากค่ะ แบ่งเป็นหมวดหมู่ไว้เลือก ถ้าไม่ง่วงก็นั่งดูกันยาวไปเลย
ตัดภาพมาที่สนามบิน Milano Malpensa ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ทริปนี้ไกด์ชื่อคุณเอกชัย อายุเยอะแล้ว ประสบการณ์และความรู้ทางประวัติศาสตร์แน่นมาก ดูแลคณะอย่างดี มีรถบัสใหญ่มารับพวกเราที่สนามบิน (เป็นรถ Benz ด้วยนะคะ) พาไปจุดหมายแรกค่ะ คือวิ่งข้ามพรมแดนอิตาลีเข้า เมือง Zermatt ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างทางมีแวะจุดพักหนึ่งครั้ง อากาศวันที่เราไปถึงคือ มีฝนปรอย เมฆมาก อากาศหนาวเย็น (สำหรับพวกเรา) แนะนำนี่เลยค่ะ ถิ่นกำเนิดของเครื่องดื่มโปรด ราคา 4.5 ฟรังก์สวิส
มาถึงเมือง Zermatt ก็นั่งรถไฟไปต่อรถไฟ เพื่อขึ้นไปดูยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น กันค่ะ
อันนี้เป็นรถไฟต่อแรก รถไฟแบบปัจจุบันทันสมัย สไตล์สวิส แล้วไปต่อรถไฟฟันเฟือง อารมณ์วินเทจ ไต่ขึ้นไปที่สถานี Gornergrat ถ้าตามโปรแกรม
และถ้าสภาพอากาศเป็นใจ เราจะได้เห็นเงาสะท้อนของภาพเขาแมทเทอร์ฮอร์น ในทะเลสาปนี้ค่ะ แต่วันนั้นเมฆมาก ฝนปรอยด้วย ก็เลยเห็นแบบนี้แทน
เย็นนั้นเราแวะทานอาหารเย็นที่เมือง Zermatt มีร้านขายก๋วยเตี๋ยวของไทยด้วยค่ะ ราคาชามละ 18 ฟรังก์ ไม่ได้ครบเครื่องมาก แต่ก็ได้อารมณ์ก๋วยเตี๋ยวไทย แม่ครัวไทย ด้วยพวงเครื่องปรุง คืนแรกเราพักกันที่โรงแรมชึ่อ Hotel Täscherhof เห็นไกด์บอกว่าเป็น chalet มากกว่า ตั้งอยู่ที่เมือง Tasch ซึ่งอยู่ตรงสถานีรถไฟตอนที่เรานั่งขึ้นไป Zermatt นั่นแหละค่ะ ห้องพักน่ารัก อารมณ์ป่าเขา รีสอร์ต มี wifi ฟรีให้ ลิฟต์ขนาดเล็กมาก เข้าได้แค่คนเดียวพร้อมกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ พอดีว่าพักชั้น 2 ก็เลยหิ้วขึ้นไปเองค่ะ พนักงานโรงแรมและคุณไกด์ก็มาช่วยออกแรงด้วย
เดี๋ยวจะแยกกระทู้รีวิวโรงแรม Hotel Täscherhof นี้อีกนะคะ อาหารเช้าที่โรงแรมโอเคมากๆ ค่ะ อิ่มท้องพร้อมออกเดินทางไปเมือง Vevey
ระหว่างทางก็จะเห็นแสงรำไร ลมฟ้าอากาศเป็นใจกว่าวันแรก
ส้อมใหญ่ในทะเลสาบเจนีวา ส่วนหนึ่งของเมือง Vevey อากาศดีมากๆ ริมทะเลสาบนี้มีรูปปั้นชาลี แชปลิน ซึ่งมาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่นี่ด้วยค่ะ
ในที่สุดก็ได้มาเห็นด้วยตาค่ะ Chillon Castle ปราสาทโบราณอายุหลายร้อยปี สร้างบนเกาะหินริมทะเลสาปเจนีวา ไม่ได้เข้าชมด้านในนะคะ แค่แวะถ่ายรูปด้านหน้า แต่แค่นั้นก็งดงามมากค่ะ ถ้าใครได้ชมละครเรื่องรัตนาวดีเมื่อปี 2558 คงจำได้ว่านี่คือสถานที่หนึ่งที่นายเล็กพาท่านหญิงมาเที่ยว
ได้เวลามื้อเที่ยงค่ะ เราได้รับประทานอาหารพื้นเมืองกันที่ภัตตาคารตรงข้างๆ ปราสาท Chillon เลย แค่เดินข้ามถนนมา บรรยากาศน่ารักสไตล์สวิส
ถึงสวิสแล้ว มันก็ต้อูงดูฟอง เอ๊ย ฟองดูนะคะ ขนมปังแข็งหน่อย ชีสรสชาติเค็มเข้มข้น
สลัดเรียกน้ำย่อย
จานหลักเป็นพอร์คชอฟค่ะ เรียกว่าคุ้มราคา
ตบท้ายด้วยไอศกรีม อิ่มหนำ พร้อมออกเดินทางไปนครเจนีวา หมายเหตุ ข้าพเจ้าไม่ได้มาทำงานนะ มาเที่ยว
เก้าอี้ 3 ขา หน้าที่ทำการสหประชาชาติ อย่างที่บอกค่ะ ว่าอากาศเป็นใจ ฟ้าใสขึ้นระหว่างวัน หน้าลาน Palais des Nations เลยเปิดน้ำพุด้วย
อีกแลนด์มาร์กหนึ่งของเจนีวาก็คือน้ำพุ Jet d'eau ที่สูงมาก ทะเลสาปที่เห็นคือทะเลสาปเจนีวา กว้างใหญ่ไพศาลจริง จากนั้นคุณไกด์พาพวกเราไปถ่ายรูปตรงนาฬิกาดอกไม้ด้วยค่ะ
เสร็จสิ้นการแวะเที่ยวชมนครเจนีวา เราเดินทางสู่เมืองโลซานน์ ซึ่งใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 30 นาที รวดเร็วทันใจ รถไม่ติด ตามโปรแกรมก็คือ เราต้องไปพักโรงแรมที่โลซานน์ตอนค่ำ แต่คุณไกด์พาเราไปที่สวน Denantou เพื่อชม Le Pavillon thailandais หรือศาลาไทยที่เมืองนี้กันด้วยค่ะ ถือเป็นโชคดีมากๆ
จริงๆ สวนสาธารณะแห่งนี้บรรยากาศร่มรื่น เขียวขจีมากๆ อากาศดีๆ แบบนี้ก็จะมีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกาย ปิกนิกกันเยอะเลย
เย็นนั้นุเราพักที่โรงแรมนี้ค่ะ Discovery Hotel ห้องพักกว้างขวาง เรียบร้อยดีค่ะ ห้องพักในโรงแรมที่สวิสนี่ จะไม่มีแปรงสีฟัน ยาสีฟัน หมวกคลุมผม ให้นะคะ สบู่เหลวในห้องน้ำจะระบุว่า ใช้เป็นทั้งยาสระผม ครีมนวดผม และอาบน้ำได้ด้วย หืมมมม คือ แบบ..ยังไงถ้าไปพักโซนนั้น เตรียมไปเองดีกว่าค่ะ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันไปที่เมือง Bern ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ค่ะ เราได้เดินชมเมืองเก่า บ่อหมี หอนาฬิกา ครบทุกสิ่งอย่างตามโปรแกรม อากาศก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียส จากนั้นก็มุ่งหน้าไปต่อ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอพักแป๊บนึง