สวัสดีค่ะทุกคน
พ่อกับแม่ของเราหย่าและแยกทางกันตั้งเรายังเด็กและยังจำความไม่ได้ ปกติแล้วครอบครัวเรากับป้า 2 คน(พี่สาวแท้ๆของแม่) จะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จนพวกเรา 3 ครอบครัวสนิทกัน ครอบครัวของป้าคนโตไม่ได้หย่ากับสามี แต่มีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง ตอนเราเป็นเด็กจำได้ว่าเราเคยเห็นตั้งแต่การมีปากเสียงกันไปจนถึงการลงมือทำร้ายร่างกายกัน ส่วนสามีของป้าอีกคนมีหลายบ้านและป้าก็ได้แยกทางกันไปแล้ว แต่สามีของป้าคนนี้นานๆทียังมีการติดต่อบ้างและมีการมาเยี่ยมลูกของพวกเขา
ตั้งแต่เด็กเราไม่เคยร้องเรียกอยากมีพ่อใหม่หรืออยากให้พ่อกลับมานะคะ เราค่อนข้างเข้าใจว่ามันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่เขา เขาก็จัดการของเขาไป และแม่เราก็ดูแลเรากับพี่สาวดีมากๆ ไม่เคยรู้สึกขาดความอบอุ่นเลย
แม่เรามักบ่นเสมอว่าถ้ามีแฟนต้องเอามาให้แม่สกรีนก่อน หลายๆอย่างทั้งความคิดคิดการกระทำเรามักจะได้รับอิทธิพลจากแม่มาเสมอ ทั้งปัจจัยด้านพันธุกรรมและพฤติกรรม ตลอดจนสิ่งแวดล้อมต่างๆ เรารู้สึกว่าเราค่อนข้างได้รับความคิดด้านลบเกี่ยวกับการมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย (ความสัมพันธ์นะคะ ไม่ใช่ เพศสัมพันธ์ ! )
เรามักจะมีเพศตรงข้ามเข้าหาเรื่อยๆอยู่เสมอ บางครั้งเราก็รู้สึกทั้งอิจฉาทั้งหมั่นไส้คนที่ดูรักกัน อิจฉาพระเอกนางเอกในหนังรัก รักกันจนตายชั่วฟ้าดินสลาย ลึกๆในใจเราก็อยากมีคนให้เราได้รักแบบนั้นบ้าง แต่เอาเข้าจริงพอมีคนเข้ามาคุยด้วยก้เหมือนเราจะไปกันได้ดี ดูเข้ากันได้นะ แต่ทุกครั้งที่เราเริ่มรู้สึกว่ามันจะผูกพันะ์กันมากขึ้น เรารู้สึกกลัวและต่อต้าน จนสุดท้ายเราจะหนีออกมาจากความสัมพันธ์เหล่านั้น เราเลือกที่ถอนตัวออกมาเสมอและกลับไปเป็นเพื่อนหรือคนไม่รู้จักกัน เพราะแบบนั้นจะทำให้เรารู้วึกปลอดภัยและสบายใจมากกว่า
เราเคยมีแฟนตอนม.ปลาย ตอนนั้นก็มีทะเลาะบ้างตามประสา แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และก็ปรับความเข้าใจกันทุกครั้ง แต่พอคบกันไปได้เดือนกว่าๆ (คุยกันมานาน และเขาตามจีบเราหนึ่งปีเต็มค่ะ) จนกระทั่งเรารู้สึกว่าความรู้สึกที่ผู้ชายมีให้เรามากขึ้น เราขอเลิกกับเขาไปเลย แล้วก็อ้างว่าแม่เราไม่อยากให้มีแฟนตอนเรียน ทั้งที่ตอนนั้นไม่ได้ทะเลาะหรือมีปัญาอะไรกันเลย (ขอโทดนะพ่อหนุ่ม T T)
ต่อมาตอนมหาลัย เรารู้จักกับผู้ชายอีกคน รู้จักกันมาได้ 2 ปี ตอนนั้นยังไม่ได้จีบกัน แค่ความสัมพันธ์แบบมิตรที่ดี เพื่อนและพี่ชายที่ดี (ความจริงก็พอมองออกว่าเขามีความรู้สึกพิเศษให้เรานะ) ต่อมาปีที่สามที่รู้จักกันเราคุยกันมากขึ้นและเริ่มมีการเจอกันนัดกินข้าวกันบ่อยขึ้น (เมื่อก่อนคือมีคนอื่นไปด้วย แต่ตอนหลังเริ่มไปกันสองคน) จนกระทั่งเขามาบอกชอบเรา เราก็ตกใจและไม่ติดต่อเขาไปเลย หนีหน้าเขาไปเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือเรากลัวและเรารู้สึกไม่ปลอดภัย มันกังวลไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราคุยกับเขาแล้วเราสบายใจมาโดยตลอด เราเป็นตัวของตัวเองได้ตลอดเวลาอยู่กับเขา และเขาก็จริงใจกับเรานะ ไม่เจ้าชู้ ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว ไม่มีอะไรไม่ดีอ่ะ
ทุกวันนี้เราก็ยังคงอยากมีแฟนนะ อยากมีคนเคีคยงข้าง เราเปิดใจให้คนเข้ามาเสมอ แต่ไม่มีใครเข้ามาในใจเราได้จริงๆ เราหนีและตัดความสัมพันธ์เหล่านั้นก่อนเสมอ และเรากับพี่สาวเราก็เป็นคล้ายๆกันเลย ทั้งที่อยากมีแฟน อยากเปิดใจ แต่สุดท้ายเราทั้งคู่ก็มักจะเลือกการจบความสัมพันธ์ไปเสมอ
จนบางครั้งเราก็คิดนะว่า หรือเราควรจะเตรียมตัวโสดตลอดชีวิตดี ถ้าอยากมีลูกของตัวเองก็อาจจะขโมยสเปิร์มใครสักคนหรือขอบริจาคจากสเปิร์มแบงค์เอาดี หรือบางทีควรบวชชีในบั้นปลายชีวิตดี
เราไม่แน่ใจว่าเรา "ไม่เจอคนที่ใช่" หรือเรา "กลัวความรัก" กันแน่?
ใครพอจะมีอะไรแนะนำเรามั้ยคะ หรือแนวทางก็ยังดี
ระหว่าง "ไม่เจอคนที่ใช่" กับ "กลัวความรัก" เพราะอะไรกันแน่?
พ่อกับแม่ของเราหย่าและแยกทางกันตั้งเรายังเด็กและยังจำความไม่ได้ ปกติแล้วครอบครัวเรากับป้า 2 คน(พี่สาวแท้ๆของแม่) จะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ จนพวกเรา 3 ครอบครัวสนิทกัน ครอบครัวของป้าคนโตไม่ได้หย่ากับสามี แต่มีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง ตอนเราเป็นเด็กจำได้ว่าเราเคยเห็นตั้งแต่การมีปากเสียงกันไปจนถึงการลงมือทำร้ายร่างกายกัน ส่วนสามีของป้าอีกคนมีหลายบ้านและป้าก็ได้แยกทางกันไปแล้ว แต่สามีของป้าคนนี้นานๆทียังมีการติดต่อบ้างและมีการมาเยี่ยมลูกของพวกเขา
ตั้งแต่เด็กเราไม่เคยร้องเรียกอยากมีพ่อใหม่หรืออยากให้พ่อกลับมานะคะ เราค่อนข้างเข้าใจว่ามันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่เขา เขาก็จัดการของเขาไป และแม่เราก็ดูแลเรากับพี่สาวดีมากๆ ไม่เคยรู้สึกขาดความอบอุ่นเลย
แม่เรามักบ่นเสมอว่าถ้ามีแฟนต้องเอามาให้แม่สกรีนก่อน หลายๆอย่างทั้งความคิดคิดการกระทำเรามักจะได้รับอิทธิพลจากแม่มาเสมอ ทั้งปัจจัยด้านพันธุกรรมและพฤติกรรม ตลอดจนสิ่งแวดล้อมต่างๆ เรารู้สึกว่าเราค่อนข้างได้รับความคิดด้านลบเกี่ยวกับการมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย (ความสัมพันธ์นะคะ ไม่ใช่ เพศสัมพันธ์ ! )
เรามักจะมีเพศตรงข้ามเข้าหาเรื่อยๆอยู่เสมอ บางครั้งเราก็รู้สึกทั้งอิจฉาทั้งหมั่นไส้คนที่ดูรักกัน อิจฉาพระเอกนางเอกในหนังรัก รักกันจนตายชั่วฟ้าดินสลาย ลึกๆในใจเราก็อยากมีคนให้เราได้รักแบบนั้นบ้าง แต่เอาเข้าจริงพอมีคนเข้ามาคุยด้วยก้เหมือนเราจะไปกันได้ดี ดูเข้ากันได้นะ แต่ทุกครั้งที่เราเริ่มรู้สึกว่ามันจะผูกพันะ์กันมากขึ้น เรารู้สึกกลัวและต่อต้าน จนสุดท้ายเราจะหนีออกมาจากความสัมพันธ์เหล่านั้น เราเลือกที่ถอนตัวออกมาเสมอและกลับไปเป็นเพื่อนหรือคนไม่รู้จักกัน เพราะแบบนั้นจะทำให้เรารู้วึกปลอดภัยและสบายใจมากกว่า
เราเคยมีแฟนตอนม.ปลาย ตอนนั้นก็มีทะเลาะบ้างตามประสา แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และก็ปรับความเข้าใจกันทุกครั้ง แต่พอคบกันไปได้เดือนกว่าๆ (คุยกันมานาน และเขาตามจีบเราหนึ่งปีเต็มค่ะ) จนกระทั่งเรารู้สึกว่าความรู้สึกที่ผู้ชายมีให้เรามากขึ้น เราขอเลิกกับเขาไปเลย แล้วก็อ้างว่าแม่เราไม่อยากให้มีแฟนตอนเรียน ทั้งที่ตอนนั้นไม่ได้ทะเลาะหรือมีปัญาอะไรกันเลย (ขอโทดนะพ่อหนุ่ม T T)
ต่อมาตอนมหาลัย เรารู้จักกับผู้ชายอีกคน รู้จักกันมาได้ 2 ปี ตอนนั้นยังไม่ได้จีบกัน แค่ความสัมพันธ์แบบมิตรที่ดี เพื่อนและพี่ชายที่ดี (ความจริงก็พอมองออกว่าเขามีความรู้สึกพิเศษให้เรานะ) ต่อมาปีที่สามที่รู้จักกันเราคุยกันมากขึ้นและเริ่มมีการเจอกันนัดกินข้าวกันบ่อยขึ้น (เมื่อก่อนคือมีคนอื่นไปด้วย แต่ตอนหลังเริ่มไปกันสองคน) จนกระทั่งเขามาบอกชอบเรา เราก็ตกใจและไม่ติดต่อเขาไปเลย หนีหน้าเขาไปเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือเรากลัวและเรารู้สึกไม่ปลอดภัย มันกังวลไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราคุยกับเขาแล้วเราสบายใจมาโดยตลอด เราเป็นตัวของตัวเองได้ตลอดเวลาอยู่กับเขา และเขาก็จริงใจกับเรานะ ไม่เจ้าชู้ ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว ไม่มีอะไรไม่ดีอ่ะ
ทุกวันนี้เราก็ยังคงอยากมีแฟนนะ อยากมีคนเคีคยงข้าง เราเปิดใจให้คนเข้ามาเสมอ แต่ไม่มีใครเข้ามาในใจเราได้จริงๆ เราหนีและตัดความสัมพันธ์เหล่านั้นก่อนเสมอ และเรากับพี่สาวเราก็เป็นคล้ายๆกันเลย ทั้งที่อยากมีแฟน อยากเปิดใจ แต่สุดท้ายเราทั้งคู่ก็มักจะเลือกการจบความสัมพันธ์ไปเสมอ
จนบางครั้งเราก็คิดนะว่า หรือเราควรจะเตรียมตัวโสดตลอดชีวิตดี ถ้าอยากมีลูกของตัวเองก็อาจจะขโมยสเปิร์มใครสักคนหรือขอบริจาคจากสเปิร์มแบงค์เอาดี หรือบางทีควรบวชชีในบั้นปลายชีวิตดี
เราไม่แน่ใจว่าเรา "ไม่เจอคนที่ใช่" หรือเรา "กลัวความรัก" กันแน่?
ใครพอจะมีอะไรแนะนำเรามั้ยคะ หรือแนวทางก็ยังดี