✦ คาบสมุทรบอลติก ✦ แบคแพคเดี่ยว 13 วัน 5 ประเทศ : Part 1 - ลิทัวเนีย 🇱🇹​



เมื่อช่วงเดือนกันยายนปี 2019 เป็นช่วงที่ผมเพิ่งจะเรียนจบปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษมาหมาดๆ จึงอยากจะใช้ช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่จะเริ่มทำงาน แบคแพคเที่ยวยาวๆในยุโรปครับ

แต่ความจริงอันน่าเศร้าคือเที่ยวในยุโรปยาวๆมันใช้เงินเยอะมากกก ดังนั้นผมตั้งเป้าว่าจะหาเส้นทางเที่ยวในยุโรปที่ไม่แพง (มาก) และ มีอะไรแปลกๆใหม่ๆให้เที่ยว เพื่อเปิดโลกสักนิดก่อนจะกลับไทยครับ

ทริปแบคแพคในคาบสมุทรบอลติกจึงเกิดขึ้นมา เนื่องจากในเวลานั้นตั๋วเครื่องบินถูกมากๆ และค่าครองชีพในแถบนั้นไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป การเดินทางไปมาระหว่างกันก็สะดวก แถม Baltic states ค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องความปลอดภัย และยังทำให้ผมมีโอกาสพ่วงประเทศแถบ Nordic อย่างฟินแลนด์ และสวีเดนเข้าไปในทริปด้วยครับ

เนื่องจากทริปค่อนข้างยาวจึงขอแบ่งเป็น 3 ภาคดังนี้นะครับ
Part 1: ภาพรวม และ Day 1-4 ประเทศลิทัวเนีย 🇱🇹
Part 2: Day 5-9 ประเทศลัตเวีย 🇱🇻 และเอสโตเนีย 🇪🇪 >> https://ppantip.com/topic/39378526/
Part 3: Day 10-13 ประเทศฟินแลนด์ 🇫🇮 และสวีเดน 🇸🇪 (ประเทศกลุ่ม Nordic)



มาทำความรู้จัก Baltic states กันก่อน

หัวข้อนี้จะค่อนข้างยาว ใครมาเพื่อทำแพลนทริป ข้ามไปหัวข้อถัดไปได้เลยครับ

เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อของคาบสมุทรบอลติกกันมาบ้างนะครับ พื้นที่แถบนี้อยู่ในยุโรปตะวันออก ซีกซ้ายติดกับทะเลบอลติก และทางขวาติดกับประเทศรัสเซียครับ อีกด้านของทะเลบอลติกจะเป็นสวีเดนและฟินแลนด์ ทำให้เราสามารถนั่งเรือเฟอรี่ข้ามไปเที่ยวสองประเทศได้อย่างง่ายดาย

แถบนี้ประกอบไปด้วย 3 ประเทศที่เรียกตัวเองว่า Baltic states อันประกอบไปด้วย ลิทัวเนีย 🇱🇹 ลัตเวีย🇱🇻และ เอสโตเนีย 🇪🇪 (Lithuania, Latvia, Estonia) ไล่จากล่างขึ้นบน โดยลิทัวเนียจะติดกับโปแลนด์ และเอสโตเนียจะอยู่ใต้ฟินแลนด์พอดีครับ

(ที่มา: Baltic Nations)
คนในแถบนี้คือชาวบอลติกที่เรียกกันว่า Balts ครับ โดยจะมีอีกหลายชนเผ่าย่อยๆอีก พวกเค้าอยู่ในแถบนี้มาตั้งแต่อดีตไม่ได้อพยพย้ายถิ่นมาจากที่ไหน ประวัติศาสตร์ของชาวบอลติกเต็มไปด้วยการถูกยึดครอง และการปฏิวัติครับ ทำให้คนในแถบนี้มีความรักในชาติของตัวเอง และรักในอิสรภาพที่ได้มามากๆ อาจจะเพราะถูกยึดครองมานานผู้คนรุ่นใหม่ๆ จึงมีความสุขกับทุกสิ่งอย่างที่มีในชีวิตปัจจุบันครับ
 
ประวัติแต่ละประเทศโดยละเอียดสามารถหาอ่านได้ตามอินเตอร์เนตนะครับ หรือจะตามรอยผมและเข้าไปเห็นของจริงที่ประเทศเค้าเลยก็ได้ครับ
ผมจะบรีฟประวัติศาสตร์ในแถบนี้อย่างคร่าวๆให้นะครับ ข้อมูลอาจจะไม่แม่นยำ 100% เพราะฟังมาจากไกด์บวกกับหาเพิ่มเติมเองนิดหน่อย แค่อยากให้ทุกคนได้รู้จักกับประเทศแถบนี้ก่อนจะเริ่มเดินทางครับ

     ✦ แรกเริ่มเลย คนแถบนี้อยู่กันเป็นอาณาจักรย่อยๆ (ก่อนจะรวมเป็นประเทศ) และในช่วงศตวรรษที่ 13 ก็เริ่มถูกแทรกแซงโดยอาณาจักรใหญ่ๆอย่างเดนมาร์ค-นอเวย์ และเยอรมันด้วยเหตุผลเพื่อเผยแพร่ศาสนา (เรียกว่า Norhern Crusade) ในช่วงนั้นมีลิทัวเนียอาณาจักรเดียวที่ต่อต้านการยึดครองได้ รวมถึงยังขยายอาณาเขตไปถึงบางส่วนของประเทศรัสเซียในปัจจุบัน ยาวไปจนถึงยูเครน และทะเลดำ ทำให้ในเวลานั้น (ศตวรรษที่ 13-15) ลิทัวเนียมีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในยุโรปและเรียกตัวเองว่า Grand Duchy of Lithuania [ 1 ] (ดูรูปประกอบข้างล่างนะครับ)

     ✦ ต่อมาลิทัวเนียไปรวมร่างกับโปแลนด์ทำให้อาณาจักรทั้งคู่ใหญ่ขึ้นไปอีกเรียกว่า Polish–Lithuanian Commonwealth ซึ่งตอนนี้อาณาเขตของอาณาจักรขยายขึ้นไปถึงทางใต้ของเอสโตเนีย และรวมกับอาณาเขตของโปแลนด์ครับ [ 2 ]

     ✦ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 ทางตอนเหนือของอาณาจักร (เอสโตเนียและลัตเวียในปัจจุบัน) ก็ถูกบุกยึดโดยจักรวรรดิรัสเซีย (Tsardom) เกิดเป็นสงคราม Livonian war ซึ่งมีอาณาจักรใหญ่อย่าง Kingdom of Sweden กระโจนเข้ามาร่วมสงครามนี้ด้วย ค่อนข้างจะวุ่นวายมากช่วงนี้ สงครามยืดเยื้อกว่า 20 ปี และจบลงที่รัสเซียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และสวีเดนก็ยึดส่วนที่เป็นเอสโตเนียและลัตเวียไปจากลิทัวเนีย [ 3 ]

     ✦ 20 ปี ต่อมาเกิดสงคราม Great Northern War ในศตวรรษที่ 17 ครับ สงครามใหญ่ที่ทำให้ Kingdom of Sweden ที่กำลังรุ่งเรืองถึงขีดสุดหมดอำนาจลงไป โดยสงครามนี้หลักๆคือ จักรวรรดิรัสเซียพยายามที่จะยึดบอลติกอีกรอบนั่นแหละ เพราะทั้งเมืองทาลินน์ (Tallinn) ของเอสโตเนีย และ ริก้า (Riga) ของลัตเวียต่างเป็นเมืองท่าหลักของคาบสมุทรนี้ สงครามนี้สวีเดนโดนรุมจากทั้งรัสเซีย เดนมาร์ค-นอเวย์ และโปแลนด์-ลิทัวเนีย หรือง่ายๆคือเคยไปยึดพื้นที่ใคร เค้าก็มาตามเอาคืนหมด สงครามจบลงที่สวีเดนเสียพื้นที่แถบบอลติกให้รัสเซีย โดยรัสเซียก็ได้ให้อำนาจแก่ชาวเยอรมันที่อยู่ในบอลติก หรือ Baltic-German nobility (พวกนี้อยู่มาตั้งแต่ช่วง Norhern Crusade แรกสุดโน้น) ทั้งในด้านการปกครอง การเงิน ภาษา และศาสนาครับ ในตอนนี้แม้แต่ลิทัวเนียก็ตกอยู่ใต้อาณาจักรรัสเซียไปด้วย [ 4 ]

แผนที่แต่ละช่วงของ Baltic states นะครับ เขตแดนอาจจะไม่แม่นมาก ผมระบายให้พอเห็นภาพครับ
สีแดงอ่อน/เข้ม - Grand Duchy of Lithuania & Polish–Lithuanian Commonwealth
สีเหลืองอ่อน/เข้ม - Swedish Empire & The Dominions of Sweden
สีม่วง - Russian Empire

     ✦ ต่อมาในในสงครามโลกครั้งที่ 1 พื้นที่แถบบอลติกถูกยึดโดยเยอรมันระหว่างสงคราม แต่ในตอนท้ายเกิดช่วงว่างในช่วงที่เยอรมันที่แพ้กำลังถอยทัพออก และรัสเซียยังไม่ได้ยกทัพกลับมาเป็นโอกาสให้เอสโตเนียและลัตเวียทำการสู้กลับเพื่อประกาศอิสรภาพ โดยอาศัยความช่วยเหลือจาก รัสเซียฝ่ายที่ต่อต้านคอมมิวนิส (ช่วงสงครามกลางเมืองรัสเซีย) และอาสาสมัครจากหลายประเทศ เช่น ฟินแลนด์ และสวีเดน โดยมีสหราชอาณาจักรคอยซัพพอร์ต ขณะเดียวกันลิทัวเนียต้องเปิดศึกกับศัตรูถึง 3 ฝ่าย (โปแลนด์, Bolshevik และ Bermontians) เพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพ เป็นที่มาของชื่อสงคราม "Freedom Struggles"
     ✦ ช่วงนี้เองที่ทำให้เกิดคำว่า Baltic states ขึ้นมาใช้เรียกแทนประเทศที่ได้รับอิสรภาพในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งตอนนั้นมีฟินแลนด์พ่วงมาด้วย (ประเทศนี้ก็โดนชาวบ้านแย่งกันไปแย่งกันมาไม่แพ้กัน)
     ✦ แต่แล้วสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เริ่มขึ้น กองทัพแดงของโซเวียตเริ่มบุกยึดพื้นที่ใน Baltic states อีกครั้งหลังจากเป็นอิสระได้ไม่ถึง 20 ปี ภายใต้การปกครองอันโหดร้ายของโซเวียต ชาวบอลติกจำนวนมากถูกสังหาร อีกหลายแสนถูกเนรเทศไปยังค่ายกักกัน เรียกว่าแทบจะทุกครอบครัวจะต้องมีญาติอย่างน้อยหนึ่งคนที่โดนส่งไปไซบีเรีย และมีส่วนน้อยที่ได้กลับมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น (รวมถึงคุณยายของไกด์ชาวเอสโตเนียที่นำทางผมด้วย)

     ✦ ต่อมาเยอรมัน(นาซี) ได้ยกทัพบุกยึดพื้นที่ของโซเวียตยาวขึ้นไปจนถึงเลนนินกราด (St.Petersburg) ในช่วงแรกชาวบอลติกเชื่อว่าเยอรมันยกทัพมาปลดปล่อยพวกเค้าจากโซเวียต แต่สิ่งที่นาซีทำกับชาวบอลติกก็ไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่กองทัพแดงทำเลย และในท้ายสุดเมื่อสงครามจบลงที่เยอรมันพ่ายแพ้ Baltic states ก็ถูกยึดครองภายใต้สหภาพโซเวียตอีกครั้ง
     ✦ ในขณะที่เยอรมันถอยทัพออกจากเอสโตเนีย และกองทัพแดงยังยกทัพลงมาไม่ถึงนั้น ชาวเอสโตเนียได้ถือโอกาสประกาศอิสรภาพอีกครั้ง แม้ว่าครั้งนี้จะยาวนานเพียงแค่ 16 ชั่วโมงเท่านั้นเอง เพราะว่าชาวเอสโตเนียแทบไม่เหลือกำลังใจที่จะสู้เพื่อประเทศแล้ว จากการที่ถูก Baltic-German nobility ยึดครองทั้งที่ดินและทรัพย์สินมาหลายสิบปี รวมถึงปฏิบัติกับชาวเอสโตเนียเหมือนทาส แต่ที่ต่างกันคือทาสสามารถซื้อขายถ่ายโอนได้ แต่ชาวเอสโตเนียไม่มีสิทธ์แม้แต่จะเปลี่ยนเจ้านาย
     ✦ เกือบ 50 ปีผ่านไป ประเทศต่างๆภายใต้สหภาพโซเวียตเริ่มแข็งข้อไม่เว้นแม้แต่รัสเซีย ประเทศ Baltic states เองก็ใช้วิธีการประท้วงอย่างสันติหลายต่อหลายอย่าง เพื่อฟื้นคืนความหวัง และความรักในประเทศของตัวเองขึ้นมา เช่น Singing Revelution ในเอสโตเนีย ที่ทุกคนมารวมตัวกันร้องเพลงชาติ (ประเทศนี้รักเสียงดนตรีมาก) การนำกางเขนหลายหมื่นต้นมาปักที่ Hill of Crosses ในลิทัวเนีย และอีเว้นที่ยิ่งใหญ่มากอันหนึ่งคือการทำ human chain "The Baltic Way" ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 2 ล้านคน จับมือกันเป็นโซ่มนุษย์ยาว 600 กิโลเมตรจากทาลินน์เมืองหลวงของเอสโตเนียไปยังวิลนีอุส (Vilnius) เมืองหลวงของลิทัวเนีย และสุดท้ายแต่ละประเทศก็ทยอยประกาศอิสรภาพไปพร้อมๆกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991

"The Baltic Way" ที่มา : Courtesy Image
จะเห็นได้ว่า Baltic states นั้นถูกยึดครองหลายต่อหลายครั้งเป็นระยะเวลาเกือบ 7 ศตวรรษ โดยเฉพาะเอสโตเนียและลัตเวีย ทั้งจากเพื่อนบ้านอย่าง ลิทัวเนีย สวีเดน ตามด้วยรัสเซีย เยอรมัน และสหภาพโซเวียต

Baltic states ได้รับการยอมรับว่าเป็นอิสรภาพในปี 1991 แต่เป็นอิสระจากกองทัพและการสอดส่องของรัสเซียจริงๆในปี 1998 เรียกว่าได้ชาวบอลติกได้ประเทศของตัวเองคืนมาเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้นเอง เรามาดูกันนะครับว่าตอนนี้สภาพบ้านเมืองในแถบนี้ที่ความเจริญถูกแช่แข็งไว้กว่า 50 ปีเป็นอย่างไรบ้าง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่