เมื่อคืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งซึ่งนอนหลับสบายมาก ๆ แต่มันก็แปลกนะเวลามาเที่ยวต่างประเทศทีไร พอคืนไหนรู้สึกว่านอนหลับสบายจริง ๆ นั่นหมายความว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ในประเทศนี้แล้วครับ (คุณก็เป็นใช่ไหมละ?) ผมกระเด้งตื่นตามรหัส 6, 7, 8 เหมือนเดิม....(ใครเป็นคนตั้งรหัสนี้ขึ้นมาคนแรกของโลก ช่วยบอกผมทีนะ สงสัยมานานล่ะ 555) วันนี้น่าจะเป็นอีก High light หนึ่งของมอสโก ที่มารัสเซียแล้วคงต้องมาเที่ยวที่นี่ให้ได้ ใช่แล้ว!! นั่นคือ พระราชวังเครมลิน ครับ ว่าแล้วไปกันเลยดีกว่า...รออะไร!!!.
รถโค้ชคันเดิมพาเรามาส่งที่ด้านหน้าของพระราชวังเครมลิน ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบทั้งนั้น ผมมายืนรออยู่ด้านหน้าพระราชวัง ก็รู้สึกถึงความอลังการ...งานสร้างอย่างยิ่ง มันช่างใหญ่โตมโหฬารจริง ๆ ครับ ว่าแล้วเราก็ได้เดินเข้ามาชมภายในของพระราชวัง ด้านหน้าทางเข้ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างเข้มงวด มีการตรวจกระเป๋าทุกการเข้า - ออก โดยผ่านเครื่องเอกซเรย์ทุกครั้ง เพราะภายในพระราชวังเครมลินแห่งนี้ เป็นหนึ่งในสามพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติของพระเจ้าแผ่นดิน ที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก จึงมีคุณค่าอย่างมาก และก็ไม่อาจประเมินค่าได้ เขาจึงต้องดูแลเป็นอย่างดีครับ
ภาพ : ทางเข้าพระราชวังเครมลิน cr.adranalinerushs diaries
หลังจากผ่านการตรวจรักษาความปลอดภัยแล้ว เราก็เข้ามายังภายในพระราชวัง ไกด์เริ่มเล่าประวัติคร่าว ๆ ให้เราฟังว่า พระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace) ก่อสร้างระหว่าง ค.ศ. 1837 ถึง 1849 ใช้เวลาสร้างประมาณ 12 ปี ออกแบบโดยทีมสถาปนิกภายใต้การบริหารจัดการของคอนสแตนติน ธอน พระราชวังเครมลิน สร้างอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำมอสโก เปรียบเสมือน หัวใจที่สำคัญของประเทศรัสเซีย เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันสวยงามและถือได้ว่าเก่าแก่ที่สุดของมอสโกเลยทีเดียว เครมลิน ในภาษารัสเซียนั้น มีความหมายว่า ป้อมปราการ ภายในพระราชวัง จึงประกอบไปด้วยพระราชวัง วิหารสำคัญๆ และที่ทำการของรัฐบาลต่างๆ ส่วนภายนอกพระราชวังถูกล้อมรอบด้วยกำแพงขนาดใหญ่สีแดง (เขาบอกว่าเดิมกำแพงเป็นสีขาว แล้วมีการเปลี่ยนในภายหลัง) ยาวประมาณ 2.25 กม. พร้อมป้อมประจำการกว่า 20 แห่ง
นอกจากนี้เดิมยังเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์กษัตริย์แห่งราชวงศ์รัสเซีย แต่ได้ถูกปฏิวัติ และปัจจุบันได้ใช้เป็นที่ทำการรัฐบาลเครมลิน ความอลังการและทรงคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ จึงทำให้ UNESCO ได้จัดให้ พระราชวังเคลมลิน เป็นมรดกของโลก จริง ๆ แล้ว ไกด์เล่าประวัติพระราชวังยาวมาก แต่ผมสรุปมาประมาณเท่านี้นะครับ เราเข้าไปข้างในพระราชวังกันดีกว่า เมื่อเขามาด้านในสิ่งแรกที่เราเจอคือ ๆ ๆๆ ให้เพื่อน ๆ เดาล่ะกัน .....เดาไม่ออกนะสิครับ เฉลยเลยล่ะกัน มันคือ “ลูกศรตามพื้น” ใช่ครับ เป็นลูกศรที่ทำไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินตาม ๆ กัน ยาวเป็นทาง เหมือนกำลังจะบอกว่า “พวกคุณห้ามแตกแถวน่ะ 5555” เราเดินไปตามลูกศรจนไปถึงอาคารหลังแรก มันเป็นอาคารสีเหลืองอ่อน ตัดขอบอาคารด้วยสีขาว ด้านหน้ามีกระบอกปืนวางอยู่ตามจุดต่าง ๆ และมีทหารยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าของอาคารแห่งนี้ ใครเห็นก็พอจะเดาได้ว่ามันคือ อาคารคลังแสงโบราณ The Arsenal เขาไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมนะ
เราเดินไปได้สักพักเราจะก็มาถึงจุดถ่ายรูปสำคัญ อีกจุดหนึ่ง ได้แก่ จัตุรัสวิหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารหรือโบสถ์ 3 หลังที่สำคัญ นั่นก็คือ โบสถ์อันนันซิเอชั่น (Cathedral of the Annunciation) โบสถ์อาร์คาเกล (Cathedral of St. Michael the Archangel) และโบสถ์ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในเครมลินก็คือ Cathedral of The Dormition หรือรู้จักกันในชื่อโบสถ์อัสสัมชัน (Assumption) สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระแม่มารีย์ ผู้ให้กำเนิดพระเยซู และยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญต่างๆด้วย
ภาพ : บริเวณจัตุรัสวิหาร
แสงแดดยามสาย....สาดส่องมายังยอดโดมทอง สะท้อนเป็นแสงสีเหลืองแวววาว บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ อลังการของประเทศนี้เป็นอย่างดี มันเป็นภาพที่งดงามจริง ๆ เมื่อเราเดินต่อไปเรื่อย ๆ บริเวณไม่ห่างกันมากนัก เราก็เดินทางถึง จุดที่ตั้งของ ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ (Tsar Cannon) มันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1586 ว่ากันว่าเป็นปืนใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยาว 5.34 เมตร หนัก 40 ตัน แต่มันยังไม่เคยถูกใช้ในสงครามมาก่อน ผมเห็นแล้วก็อืม...นะ (ประเทศนี้อะไรก็ต้องใหญ่ ๆ ไว้ก่อน หุ หุ)
ภาพ : ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ (Tsar Cannon)
เมื่อได้เวลาอันพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องจากประเทศที่มีเสน่ห์อีกประเทศหนึ่งกันแล้ว เดี๋ยวต้องรีบไปสนามบิน เพื่อเดินทางกลับบ้าน และถึงแม้ว่าเราจะต้องบอกลาประเทศนี้ แต่ความประทับใจในครั้งนี้จะยังอยู่กับผมตลอดไป ไว้มีโอกาสคงได้พบกันใหม่ครับ Bye ครับ
เกร็ดควรรู้
ภูมิอากาศ : ประเทศรัสเซียมี 4 ฤดูคือ ฤดูร้อน (ราวเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ราวเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน) ฤดูหนาว (ราวเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ โดยหิมะจะเริ่มตกหนักในช่วงกลางเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์) และฤดูใบไม้ผลิ (ราวเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม) เลือกไปเที่ยวได้ตามใจเลย
อาหารการกิน : อาหารส่วนใหญ่ของรัสเซีย จะมี 2 รสชาติหลัก ไม่จืด ก็เค็มครับ อาจจะไม่ถูกปากคนไทยอย่างเราๆ สักเท่าไหร่ ขนมก็จะเป็นพวกแพนเค้ก ซึ่งตามโรงแรมที่พักก็อาจจะมีให้ทานกันในตอนเช้า นอกนั้นก็จะเหมือนกับที่เราเคยทานกัน ไข่ดาว ขนมปังต่าง ๆ โดยทั่วไปครับ
ห้องน้ำ : สำหรับห้องน้ำ ก็สะอาดดี กลิ่นจากห้องน้ำก็พอประมาณ พอทนได้ 555 อย่าลืมทิชชูเปียกไปด้วย
Shopping : ส่วนเรื่องการ Shopping ก็มีให้ Shop กันตลอดทาง ร้านขายของที่ระลึกก็มีมากมายตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะเป็นแม็กเน็ตติดตู้เย็นรูปต่าง ๆ พลาดไม่ได้คือตุ๊กตาแม่ลูกดก (อย่าลืมซื้อ) ราคาไม่แพงมาก
สกุลเงิน : รูเบิล
ใครมีโอกาสได้ไปที่ประเทศนี้ รับรองว่าคุณจะอยากกลับไปอีกครั้ง ...ไว้เจอกันใหม่ครับ
Cr. Journey..เจอนั่น By ดช.จุ่น
หลังม่านเหล็ก..... ดินแดนที่ต้องค้นหา? ตอนที่ 4 (จบ) By ดช.จุ่น
รถโค้ชคันเดิมพาเรามาส่งที่ด้านหน้าของพระราชวังเครมลิน ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบทั้งนั้น ผมมายืนรออยู่ด้านหน้าพระราชวัง ก็รู้สึกถึงความอลังการ...งานสร้างอย่างยิ่ง มันช่างใหญ่โตมโหฬารจริง ๆ ครับ ว่าแล้วเราก็ได้เดินเข้ามาชมภายในของพระราชวัง ด้านหน้าทางเข้ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างเข้มงวด มีการตรวจกระเป๋าทุกการเข้า - ออก โดยผ่านเครื่องเอกซเรย์ทุกครั้ง เพราะภายในพระราชวังเครมลินแห่งนี้ เป็นหนึ่งในสามพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติของพระเจ้าแผ่นดิน ที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก จึงมีคุณค่าอย่างมาก และก็ไม่อาจประเมินค่าได้ เขาจึงต้องดูแลเป็นอย่างดีครับ
ภาพ : ทางเข้าพระราชวังเครมลิน cr.adranalinerushs diaries
หลังจากผ่านการตรวจรักษาความปลอดภัยแล้ว เราก็เข้ามายังภายในพระราชวัง ไกด์เริ่มเล่าประวัติคร่าว ๆ ให้เราฟังว่า พระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace) ก่อสร้างระหว่าง ค.ศ. 1837 ถึง 1849 ใช้เวลาสร้างประมาณ 12 ปี ออกแบบโดยทีมสถาปนิกภายใต้การบริหารจัดการของคอนสแตนติน ธอน พระราชวังเครมลิน สร้างอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำมอสโก เปรียบเสมือน หัวใจที่สำคัญของประเทศรัสเซีย เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันสวยงามและถือได้ว่าเก่าแก่ที่สุดของมอสโกเลยทีเดียว เครมลิน ในภาษารัสเซียนั้น มีความหมายว่า ป้อมปราการ ภายในพระราชวัง จึงประกอบไปด้วยพระราชวัง วิหารสำคัญๆ และที่ทำการของรัฐบาลต่างๆ ส่วนภายนอกพระราชวังถูกล้อมรอบด้วยกำแพงขนาดใหญ่สีแดง (เขาบอกว่าเดิมกำแพงเป็นสีขาว แล้วมีการเปลี่ยนในภายหลัง) ยาวประมาณ 2.25 กม. พร้อมป้อมประจำการกว่า 20 แห่ง
นอกจากนี้เดิมยังเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์กษัตริย์แห่งราชวงศ์รัสเซีย แต่ได้ถูกปฏิวัติ และปัจจุบันได้ใช้เป็นที่ทำการรัฐบาลเครมลิน ความอลังการและทรงคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ จึงทำให้ UNESCO ได้จัดให้ พระราชวังเคลมลิน เป็นมรดกของโลก จริง ๆ แล้ว ไกด์เล่าประวัติพระราชวังยาวมาก แต่ผมสรุปมาประมาณเท่านี้นะครับ เราเข้าไปข้างในพระราชวังกันดีกว่า เมื่อเขามาด้านในสิ่งแรกที่เราเจอคือ ๆ ๆๆ ให้เพื่อน ๆ เดาล่ะกัน .....เดาไม่ออกนะสิครับ เฉลยเลยล่ะกัน มันคือ “ลูกศรตามพื้น” ใช่ครับ เป็นลูกศรที่ทำไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินตาม ๆ กัน ยาวเป็นทาง เหมือนกำลังจะบอกว่า “พวกคุณห้ามแตกแถวน่ะ 5555” เราเดินไปตามลูกศรจนไปถึงอาคารหลังแรก มันเป็นอาคารสีเหลืองอ่อน ตัดขอบอาคารด้วยสีขาว ด้านหน้ามีกระบอกปืนวางอยู่ตามจุดต่าง ๆ และมีทหารยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าของอาคารแห่งนี้ ใครเห็นก็พอจะเดาได้ว่ามันคือ อาคารคลังแสงโบราณ The Arsenal เขาไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมนะ
เราเดินไปได้สักพักเราจะก็มาถึงจุดถ่ายรูปสำคัญ อีกจุดหนึ่ง ได้แก่ จัตุรัสวิหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารหรือโบสถ์ 3 หลังที่สำคัญ นั่นก็คือ โบสถ์อันนันซิเอชั่น (Cathedral of the Annunciation) โบสถ์อาร์คาเกล (Cathedral of St. Michael the Archangel) และโบสถ์ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในเครมลินก็คือ Cathedral of The Dormition หรือรู้จักกันในชื่อโบสถ์อัสสัมชัน (Assumption) สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระแม่มารีย์ ผู้ให้กำเนิดพระเยซู และยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญต่างๆด้วย
ภาพ : บริเวณจัตุรัสวิหาร
แสงแดดยามสาย....สาดส่องมายังยอดโดมทอง สะท้อนเป็นแสงสีเหลืองแวววาว บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ อลังการของประเทศนี้เป็นอย่างดี มันเป็นภาพที่งดงามจริง ๆ เมื่อเราเดินต่อไปเรื่อย ๆ บริเวณไม่ห่างกันมากนัก เราก็เดินทางถึง จุดที่ตั้งของ ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ (Tsar Cannon) มันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1586 ว่ากันว่าเป็นปืนใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยาว 5.34 เมตร หนัก 40 ตัน แต่มันยังไม่เคยถูกใช้ในสงครามมาก่อน ผมเห็นแล้วก็อืม...นะ (ประเทศนี้อะไรก็ต้องใหญ่ ๆ ไว้ก่อน หุ หุ)
ภาพ : ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ (Tsar Cannon)
เมื่อได้เวลาอันพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องจากประเทศที่มีเสน่ห์อีกประเทศหนึ่งกันแล้ว เดี๋ยวต้องรีบไปสนามบิน เพื่อเดินทางกลับบ้าน และถึงแม้ว่าเราจะต้องบอกลาประเทศนี้ แต่ความประทับใจในครั้งนี้จะยังอยู่กับผมตลอดไป ไว้มีโอกาสคงได้พบกันใหม่ครับ Bye ครับ
เกร็ดควรรู้
ภูมิอากาศ : ประเทศรัสเซียมี 4 ฤดูคือ ฤดูร้อน (ราวเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม) ฤดูใบไม้ร่วง (ราวเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน) ฤดูหนาว (ราวเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ โดยหิมะจะเริ่มตกหนักในช่วงกลางเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์) และฤดูใบไม้ผลิ (ราวเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม) เลือกไปเที่ยวได้ตามใจเลย
อาหารการกิน : อาหารส่วนใหญ่ของรัสเซีย จะมี 2 รสชาติหลัก ไม่จืด ก็เค็มครับ อาจจะไม่ถูกปากคนไทยอย่างเราๆ สักเท่าไหร่ ขนมก็จะเป็นพวกแพนเค้ก ซึ่งตามโรงแรมที่พักก็อาจจะมีให้ทานกันในตอนเช้า นอกนั้นก็จะเหมือนกับที่เราเคยทานกัน ไข่ดาว ขนมปังต่าง ๆ โดยทั่วไปครับ
ห้องน้ำ : สำหรับห้องน้ำ ก็สะอาดดี กลิ่นจากห้องน้ำก็พอประมาณ พอทนได้ 555 อย่าลืมทิชชูเปียกไปด้วย
Shopping : ส่วนเรื่องการ Shopping ก็มีให้ Shop กันตลอดทาง ร้านขายของที่ระลึกก็มีมากมายตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะเป็นแม็กเน็ตติดตู้เย็นรูปต่าง ๆ พลาดไม่ได้คือตุ๊กตาแม่ลูกดก (อย่าลืมซื้อ) ราคาไม่แพงมาก
สกุลเงิน : รูเบิล
ใครมีโอกาสได้ไปที่ประเทศนี้ รับรองว่าคุณจะอยากกลับไปอีกครั้ง ...ไว้เจอกันใหม่ครับ
Cr. Journey..เจอนั่น By ดช.จุ่น