อากาศเมื่อคืนนี้ ค่อนข้างเย็นสบายครับ มันทำให้เราต้องซุกตัวอยู่ในผ้าห่มหนานุ่มเกือบทั้งคืน เช้าวันนี้เราตื่นเต้นมาก เพราะวันนี้น่าจะเป็น High light ของการมาเยือนมอสโกของเราครับ ไปกันเลยดีกว่า....
เช้านี้เรามีโปรแกรมไปเที่ยวที่ใจกลางกรุงมอสโก รถโค้ชพาเรามาส่งตรงจุดใกล้ ๆ กับสถานที่เที่ยว เราต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที อากาศเย็นทำให้เราเดินไปได้เรื่อย ๆ เดินไปชมสองข้างทางไปก็เพลินไปอีกแบบครับ แป๊บเดียวเราก็มาถึงสถานที่ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย นั่นก็คือ บริเวณ จัตุรัสแดง (Red Square) มันเป็นจัตุรัสที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลก เพราะบริเวณนี้พื้นของจัตุรัสปูด้วยหินแกรนิตและหินอ่อนรวมกว่าล้านชิ้น กินพื้นที่ทั่วจัตุรัสที่มีความกว้าง 695 เมตรและยาว 130 เมตร (มันก็น่าจะสวยงามอยู่ จริงไหม!!) ซึ่งทำให้รัสเซียคว้าการเป็นที่สุดในโลกของจัตุรัสกลางเมืองที่ทั้งใหญ่และสวยงาม
ไกด์เล่าให้เราฟังว่า จัตุรัสแดงเป็นที่ตั้งหลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีย มันถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ภายใต้พระราชโองการของพระเจ้าอีวานมหาราช มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของพระราชวังเครมลิน เพราะพระราชวังนั้นขาดแนวป้องกันทางธรรมชาติ และชื่อจัตุรัสแดงมักเข้าใจผิดว่า คำว่า "แดง" ในชื่อจัตุรัส มาจากสีของคอมมิวนิสต์ หรือสีของอิฐในบริเวณนั้นที่เป็นสีแดง แต่แท้จริงแล้วชื่อจัตุรัสแดง มาจากภาษารัสเซียในภาษารัสเซียดั้งเดิมมีความหมายว่า สวยงาม ในขณะที่ภาษารัสเซียสมัยใหม่ แปลว่าสีแดง เดิมในสมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียตนั้น จัตุรัสแดงใช้เป็นที่สำหรับการเดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหาร โดยจะมีการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารสำหรับวันเมย์เดย์, วันแห่งชัยชนะ และการปฏิวัติเดือนตุลาคม และในยุคสมัยของพระเจ้าอีวานที่ 3 ก็ได้มีการใช้พื้นที่ตรงนี้ เพื่อการรวมพลประกาศข่าวสารบ้านเมืองให้ประชาชนได้ทราบ
แต่ในปัจจุบันมันถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานประจำปี งานคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกหรืองานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ก็จะมีผู้คนพากันหลั่งไหลมาร่วมสนุกกันอย่างล้นหลาม เชื่อหรือไม่ว่า ถนนสายสำคัญทุกสายของกรุงมอสโกจะวิ่งตรงออกจากจัตุรัสแดงแห่งนี้ นอกจากนี้ จัตุรัสแดงยังเป็นสถานที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์เบซิล และสุสานวลาดิมีร์ เลนิน ,ห้างสรรพสินค้า GUM อีกด้วย
ภาพ : บริเวณจัตุรัสแดง cr. Addsiam.com
เราเดินเล่นอยู่บริเวณจัตุรัสแดงอยู่นานสองนาน เพราะบริเวณนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ที่แรกที่เรามาถึงก็คือ หอนาฬิกาซาวิเออร์ (Savior Tower) เป็นอาคารทรงแหลมสูงเป็นอาคารศิลปะโกธิค (Gothic Art) ศิลปะโกธิคนั้น ไกด์เล่าว่ามันเป็นศิลปะที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12-15 มีศูนย์กลางที่ประเทศฝรั่งเศส และเผยแพร่ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยุโรป ศิลปะโกธิคนี้ยังสะท้อนถึงอิทธิพลของคริสต์ศาสนาในสมัยก่อน มีรูปแบบวิวัฒนาการมาจากสถาปัตยกรรมโรมาเนสต์ สถาปัตยกรรมมีโครงสร้างทรงสูง มียอดหอคอยรูปทรงแหลมอยู่ข้างบน ทำให้ตัวอาคารมีรูปร่างสูงระหงขึ้นสู่เพดาน หรือมีลักษณะโปร่งแลดูอ่อนช้อย ผมมองเหนือขึ้นไปบนยอดหอนาฬิกาจะเห็นว่ามีสัญลักษณ์ดาว 5 แฉก ไกด์บอกว่ามันทำจากทับทิมน้ำหนักถึง 20 ตัน ประดับอยู่บน ตามความหมายของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เป็นผู้นำสัญลักษณ์ดาวดวงนี้ประดับไว้เมื่อปี 1995 เป็นต้นมา
ภาพ : หอนาฬิกาซาวิเออร์ (Savior Tower)
ผมรู้สึกว่าบริเวณจัตุรัสแดงที่ผมกำลังยืนอยู่นี้ มันสะท้อนถึงความเป็นรัสเซียได้เป็นอย่างดี เพราะมันทำให้ผมรู้สึกถึงความลึกลับ ความเข็มแข็ง ความเป็นชาตินิยมของคนรัสเซีย บรรยากาศมันวังเวง ๆ อย่างไงไม่รู้ บอกไม่ถูก 555 และใกล้ ๆ กันนั้น เราก็เดินมาถึงอีกสถานที่หนึ่งซึ่งสวยงามมาก ๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นสถานที่สวย ๆ แบบนี้ มันคือมหาวิหารเซนต์บาซิล (Saint Basil's Cathedral)
ภาพ : มหาวิหารเซนต์บาซิล cr. We r world
มหาวิหารเซนต์บาซิล วิหารแห่งนี้มีคำสั่งให้สร้างขึ้นในยุคของซาร์อีวานที่ 4 แห่งรัสเซีย ที่ได้ฉายาว่า ซาร์อีวานจอมโหด เพื่อเป็นการฉลองชัยชนะเหนือกองกำลังมองโกลที่เมืองคาซาน เมื่อปี ค.ศ. 1552 (พ.ศ. 2095) และได้เริ่มสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1555 (พ.ศ. 2098 )วิหารแห่งนี้ถูกสร้างให้เป็นโดม 8 ส่วน อยู่รอบ ๆ โดมที่ 9 ซึ่งเป็นศูนย์กลาง มีลักษณะเป็นโดมทรงหัวหอมที่สีสันลวดลายที่ซับซ้อนแตกต่างกันออกไป ภาพรวมวิหารมีลักษณะเป็นรูปคล้ายแท่งเทียน ที่มีเปลวเพลิงส่องแสงอยู่บนปลาย ด้วยสีสันและรูปลักษณ์ที่สวยแปลกตาไม่เหมือนวิหารที่อื่น จึงเป็นหนึ่งในวิหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก
แรกเริ่มเดิมทีตัวหอคอยด้านนอกเป็นหินสีขาว และโดมไม่มีสีสันหลากสีเช่นนี้ จนมีการบูรณะและตกแต่งเพิ่มเติมภายหลังศตวรรษที่ 17 และแม้ว่าดูจากลักษณะภายนอกวิหารจะดูกว้างขวาง แต่ภายในค่อนข้างแคบ จึงได้จ้างสถาปนิกชื่อว่า ปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) มาเป็นผู้ออกแบบ ภายหลังจากที่เขาบูรณะวิหารแห่งนี้เสร็จเรียบร้อย ตาของสถาปนิกผู้นี้ก็บอดลง โดยไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นเพราะอะไรครับ ไกด์เล่าต่อว่ามีเพียงตำนานเล่าขานโดยชาวบ้านเผยว่า เขาถูกซาร์อีวานจอมโหด สั่งให้ควักลูกตาออก เพื่อที่จะไม่สามารถไปออกแบบสถานที่ใดให้งดงามได้เช่นนี้อีก (อืม...จะโหดไปไหนเนี่ย)
สำหรับชื่อของวิหารแห่งนี้ เดิมทีมีชื่อว่า มหาวิหารแห่งการอธิษฐานของพระแม่มารี (Cathedral of the Intercession of the Virgin) ก่อนจะถูกเรียกชื่อตามนักบุญเซนต์บาซิล ผู้ที่มีบทบาทต่อวัฒนธรรมรัสเซียมานานกว่าหลายศตวรรษ เขามีพรสวรรค์ด้านการพยากรณ์ทำนายโชคชะตา และสามารถทำนายเรื่องราวความตาย และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตได้อย่างแม่นยำ เขาจะเสียชีวิตในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1557 (พ.ศ. 2100) ร่างของเขาได้ถูกฝังไว้ใกล้กับวิหารในช่วงที่ทำการก่อสร้าง ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ไม่ใช่โบสถ์ แต่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของรัสเซีย เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เดินทางเข้าไปชื่นชมความงดงาม
ผมหยุดยืนอยู่หน้าวิหารแห่งนี้เป็นเวลานาน ปล่อยใจให้เนิบช้า ทอดอารมณ์ไปตามความวิจิตรของศิลปะแห่งวิหารเซนต์บาซิล พลันนึกไปถึงสถาปนิกผู้ออกแบบ และผู้สรรสร้างวิหารแห่งนี้ พวกเขาต้องใช้ภูมิปัญญาขนาดไหนกัน จึงได้คิด, ออกแบบ และสร้างวิหารออกมาได้งดงามเช่นนี้ ผมเชื่อว่าในทุกหนทุกแห่งของโลกใบนี้ ล้วนเต็มไปด้วยภูมิปัญญาของชนชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาของชาวตะวันตก หรือชาวตะวันออกล้วนมีคุณค่าแห่งการเรียนรู้ทั้งสิ้น เมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง ศิลปะต่าง ๆ ก็คงหมุนเวียนเปลี่ยนไปมาตามกาลเวลา เฉกเช่นกัน
เล่ามาซะยาวเลย....ได้เวลาหาที่พักเหนื่อยกันแล้วครับ วันนี้มอสโกมีฝนโรยลงมาเล็กน้อยพอให้เราชื่นใจ เราเดินหลบฝนมาเรื่อย ๆ จนมาถึงบริเวณห้างที่ขึ้นชื่อ อีกห้างหนึ่งของรัสเซีย นั่นคือ ห้าง GUM Department Store เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโก สร้างขึ้นในปีค.ศ.1895 มีความสวยงามและโดดเด่นมากลักษณะเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ปัจจุบันเป็นห้างที่หรูหรา ใหญ่โต และสวยงาม จึงเป็นที่ยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ ห้างฯ แห่งนี้ทอดยาวไปตามด้านหนึ่งของจัตุรัสแดงเป็นระยะทางถึง 242 เมตร ภายในห้างประกอบไปด้วยร้านค้าสินค้า Brand Name มากกว่า 200 ร้าน
ภาพ : ห้าง GUM Department Store
ภาพ : ภายในห้าง Gum ถ่ายจากด้านบน
หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จ พวกเราก็นั่งรถมาลงบริเวณวิหารอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์(Cathedral of Christ the Saviour) หรือที่เรียกกันว่า มหาวิหารโดมทอง ด้านล่างของวิหารนี้ปลูกดอกไม้ไว้เต็มไปหมดเลยครับ มีสีแดง, สีเหลือง ดูแล้วรู้สึกสดชื่นมากเลยครับ กลับมาเล่าเรื่องวิหารแห่งนี้กันสักหน่อยก่อนเดินขึ้นไปบนสะพานเพื่อชมวิหารแห่งนี้กันชัด ๆ ด้านบน
วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์ เป็นโบสถ์ออร์โธด๊อกซ์ที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมอสโก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1839 ในสมัยพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ ในสงครามนโปเลียน โดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 45 ปี แต่ต่อมาในปี ค.ศ.1990 สตาลินผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น ได้สั่งให้ทุบโบสถ์ทิ้งเพื่อดัดแปลงเป็นสระว่ายนํ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนเมื่อปี ค.ศ.1994ประธานาธิบดี บอริส เยลซิน ได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ด้วยเงินบริจาคของคนทั้งประเทศ ซึ่งจำลองของเดิมได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ วิหารนี้จึงกลับมายืนหยัดที่เดิมอีกครั้งโดยสร้างเสร็จสมบูรณ์ และทำพิธีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.2000ปัจจุบันวิหารนี้ใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญระดับชาติของรัสเซีย
ภาพ : วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์ ถ่ายจากด้านล่าง
ผมเดินขึ้นมาด้านบนสะพาน มันเป็นบรรยากาศอีกแบบหนึ่งต่างจากด้านล่างโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเราสามารถมองเห็นในภาพกว้างของตัววิหาร เราได้เห็นแม่น้ำมอสโกในมุมสูง ลมด้านบนพัดแรงและมาพร้อมกับอากาศที่เริ่มเย็นลงในช่วงบ่าย ๆ แบบนี้ แต่ขอโทษครับ...ด้านบนสะพานเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเดินกันเต็มไปหมด ทุกคนต่างหามุมถ่ายรูปกันอย่างขะมักเขม้น แสงแฟลชแลบแปลบๆ แบบรัวชัตเตอร์กันไม่ยั้งเลยครับ เพราะมันสวยจริง ๆ อ่ะ ไม่เช่นดูภาพด้านล่าง
ภาพ : วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์ ถ่ายจากด้านบน
ได้เดินเล่นอยู่ข้างบนสะพานนานพอสมควรก็ได้เวลากลับไปที่พักกันแล้ว ผมสังเกตใบหน้าของเพื่อนร่วมทางเกือบทุกคน ส่วนใหญ่ก็ดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ก็ดูหลายคน (รวมทั้งผมด้วย) เริ่มมีอาการเมื่อยขาอยู่เหมือนกันเพราะวันนี้เดินค่อนข้างเยอะ แต่ไม่เป็นไร กลับไปพักพรุ่งนี้ลุยกันต่อ See u Tomorrow!!! ครับ
Cr. Journey..เจอนั่น By ดช.จุ่น
บทความอื่น
หลังม่านเหล็ก..... ดินแดนที่ต้องค้นหา? ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น
https://ppantip.com/topic/39328015
หลังม่านเหล็ก..... ดินแดนที่ต้องค้นหา? ตอนที่ 2 By ดช.จุ่น
https://ppantip.com/topic/39339617
Go SYDNEY มีดีกว่าที่คิด!!...ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น
https://ppantip.com/topic/39286867
หลังม่านเหล็ก..... ดินแดนที่ต้องค้นหา? ตอนที่ 3 By ดช.จุ่น
เช้านี้เรามีโปรแกรมไปเที่ยวที่ใจกลางกรุงมอสโก รถโค้ชพาเรามาส่งตรงจุดใกล้ ๆ กับสถานที่เที่ยว เราต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 15 นาที อากาศเย็นทำให้เราเดินไปได้เรื่อย ๆ เดินไปชมสองข้างทางไปก็เพลินไปอีกแบบครับ แป๊บเดียวเราก็มาถึงสถานที่ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย นั่นก็คือ บริเวณ จัตุรัสแดง (Red Square) มันเป็นจัตุรัสที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลก เพราะบริเวณนี้พื้นของจัตุรัสปูด้วยหินแกรนิตและหินอ่อนรวมกว่าล้านชิ้น กินพื้นที่ทั่วจัตุรัสที่มีความกว้าง 695 เมตรและยาว 130 เมตร (มันก็น่าจะสวยงามอยู่ จริงไหม!!) ซึ่งทำให้รัสเซียคว้าการเป็นที่สุดในโลกของจัตุรัสกลางเมืองที่ทั้งใหญ่และสวยงาม
ไกด์เล่าให้เราฟังว่า จัตุรัสแดงเป็นที่ตั้งหลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของรัสเซีย มันถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ภายใต้พระราชโองการของพระเจ้าอีวานมหาราช มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของพระราชวังเครมลิน เพราะพระราชวังนั้นขาดแนวป้องกันทางธรรมชาติ และชื่อจัตุรัสแดงมักเข้าใจผิดว่า คำว่า "แดง" ในชื่อจัตุรัส มาจากสีของคอมมิวนิสต์ หรือสีของอิฐในบริเวณนั้นที่เป็นสีแดง แต่แท้จริงแล้วชื่อจัตุรัสแดง มาจากภาษารัสเซียในภาษารัสเซียดั้งเดิมมีความหมายว่า สวยงาม ในขณะที่ภาษารัสเซียสมัยใหม่ แปลว่าสีแดง เดิมในสมัยที่ยังเป็นสหภาพโซเวียตนั้น จัตุรัสแดงใช้เป็นที่สำหรับการเดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหาร โดยจะมีการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารสำหรับวันเมย์เดย์, วันแห่งชัยชนะ และการปฏิวัติเดือนตุลาคม และในยุคสมัยของพระเจ้าอีวานที่ 3 ก็ได้มีการใช้พื้นที่ตรงนี้ เพื่อการรวมพลประกาศข่าวสารบ้านเมืองให้ประชาชนได้ทราบ
แต่ในปัจจุบันมันถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานประจำปี งานคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกหรืองานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ก็จะมีผู้คนพากันหลั่งไหลมาร่วมสนุกกันอย่างล้นหลาม เชื่อหรือไม่ว่า ถนนสายสำคัญทุกสายของกรุงมอสโกจะวิ่งตรงออกจากจัตุรัสแดงแห่งนี้ นอกจากนี้ จัตุรัสแดงยังเป็นสถานที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์เบซิล และสุสานวลาดิมีร์ เลนิน ,ห้างสรรพสินค้า GUM อีกด้วย
ภาพ : บริเวณจัตุรัสแดง cr. Addsiam.com
เราเดินเล่นอยู่บริเวณจัตุรัสแดงอยู่นานสองนาน เพราะบริเวณนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ที่แรกที่เรามาถึงก็คือ หอนาฬิกาซาวิเออร์ (Savior Tower) เป็นอาคารทรงแหลมสูงเป็นอาคารศิลปะโกธิค (Gothic Art) ศิลปะโกธิคนั้น ไกด์เล่าว่ามันเป็นศิลปะที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12-15 มีศูนย์กลางที่ประเทศฝรั่งเศส และเผยแพร่ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยุโรป ศิลปะโกธิคนี้ยังสะท้อนถึงอิทธิพลของคริสต์ศาสนาในสมัยก่อน มีรูปแบบวิวัฒนาการมาจากสถาปัตยกรรมโรมาเนสต์ สถาปัตยกรรมมีโครงสร้างทรงสูง มียอดหอคอยรูปทรงแหลมอยู่ข้างบน ทำให้ตัวอาคารมีรูปร่างสูงระหงขึ้นสู่เพดาน หรือมีลักษณะโปร่งแลดูอ่อนช้อย ผมมองเหนือขึ้นไปบนยอดหอนาฬิกาจะเห็นว่ามีสัญลักษณ์ดาว 5 แฉก ไกด์บอกว่ามันทำจากทับทิมน้ำหนักถึง 20 ตัน ประดับอยู่บน ตามความหมายของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เป็นผู้นำสัญลักษณ์ดาวดวงนี้ประดับไว้เมื่อปี 1995 เป็นต้นมา
ภาพ : หอนาฬิกาซาวิเออร์ (Savior Tower)
ผมรู้สึกว่าบริเวณจัตุรัสแดงที่ผมกำลังยืนอยู่นี้ มันสะท้อนถึงความเป็นรัสเซียได้เป็นอย่างดี เพราะมันทำให้ผมรู้สึกถึงความลึกลับ ความเข็มแข็ง ความเป็นชาตินิยมของคนรัสเซีย บรรยากาศมันวังเวง ๆ อย่างไงไม่รู้ บอกไม่ถูก 555 และใกล้ ๆ กันนั้น เราก็เดินมาถึงอีกสถานที่หนึ่งซึ่งสวยงามมาก ๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นสถานที่สวย ๆ แบบนี้ มันคือมหาวิหารเซนต์บาซิล (Saint Basil's Cathedral)
ภาพ : มหาวิหารเซนต์บาซิล cr. We r world
มหาวิหารเซนต์บาซิล วิหารแห่งนี้มีคำสั่งให้สร้างขึ้นในยุคของซาร์อีวานที่ 4 แห่งรัสเซีย ที่ได้ฉายาว่า ซาร์อีวานจอมโหด เพื่อเป็นการฉลองชัยชนะเหนือกองกำลังมองโกลที่เมืองคาซาน เมื่อปี ค.ศ. 1552 (พ.ศ. 2095) และได้เริ่มสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1555 (พ.ศ. 2098 )วิหารแห่งนี้ถูกสร้างให้เป็นโดม 8 ส่วน อยู่รอบ ๆ โดมที่ 9 ซึ่งเป็นศูนย์กลาง มีลักษณะเป็นโดมทรงหัวหอมที่สีสันลวดลายที่ซับซ้อนแตกต่างกันออกไป ภาพรวมวิหารมีลักษณะเป็นรูปคล้ายแท่งเทียน ที่มีเปลวเพลิงส่องแสงอยู่บนปลาย ด้วยสีสันและรูปลักษณ์ที่สวยแปลกตาไม่เหมือนวิหารที่อื่น จึงเป็นหนึ่งในวิหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก
แรกเริ่มเดิมทีตัวหอคอยด้านนอกเป็นหินสีขาว และโดมไม่มีสีสันหลากสีเช่นนี้ จนมีการบูรณะและตกแต่งเพิ่มเติมภายหลังศตวรรษที่ 17 และแม้ว่าดูจากลักษณะภายนอกวิหารจะดูกว้างขวาง แต่ภายในค่อนข้างแคบ จึงได้จ้างสถาปนิกชื่อว่า ปอสต์นิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) มาเป็นผู้ออกแบบ ภายหลังจากที่เขาบูรณะวิหารแห่งนี้เสร็จเรียบร้อย ตาของสถาปนิกผู้นี้ก็บอดลง โดยไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเป็นเพราะอะไรครับ ไกด์เล่าต่อว่ามีเพียงตำนานเล่าขานโดยชาวบ้านเผยว่า เขาถูกซาร์อีวานจอมโหด สั่งให้ควักลูกตาออก เพื่อที่จะไม่สามารถไปออกแบบสถานที่ใดให้งดงามได้เช่นนี้อีก (อืม...จะโหดไปไหนเนี่ย)
สำหรับชื่อของวิหารแห่งนี้ เดิมทีมีชื่อว่า มหาวิหารแห่งการอธิษฐานของพระแม่มารี (Cathedral of the Intercession of the Virgin) ก่อนจะถูกเรียกชื่อตามนักบุญเซนต์บาซิล ผู้ที่มีบทบาทต่อวัฒนธรรมรัสเซียมานานกว่าหลายศตวรรษ เขามีพรสวรรค์ด้านการพยากรณ์ทำนายโชคชะตา และสามารถทำนายเรื่องราวความตาย และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตได้อย่างแม่นยำ เขาจะเสียชีวิตในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1557 (พ.ศ. 2100) ร่างของเขาได้ถูกฝังไว้ใกล้กับวิหารในช่วงที่ทำการก่อสร้าง ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ไม่ใช่โบสถ์ แต่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของรัสเซีย เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้เดินทางเข้าไปชื่นชมความงดงาม
ผมหยุดยืนอยู่หน้าวิหารแห่งนี้เป็นเวลานาน ปล่อยใจให้เนิบช้า ทอดอารมณ์ไปตามความวิจิตรของศิลปะแห่งวิหารเซนต์บาซิล พลันนึกไปถึงสถาปนิกผู้ออกแบบ และผู้สรรสร้างวิหารแห่งนี้ พวกเขาต้องใช้ภูมิปัญญาขนาดไหนกัน จึงได้คิด, ออกแบบ และสร้างวิหารออกมาได้งดงามเช่นนี้ ผมเชื่อว่าในทุกหนทุกแห่งของโลกใบนี้ ล้วนเต็มไปด้วยภูมิปัญญาของชนชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาของชาวตะวันตก หรือชาวตะวันออกล้วนมีคุณค่าแห่งการเรียนรู้ทั้งสิ้น เมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง ศิลปะต่าง ๆ ก็คงหมุนเวียนเปลี่ยนไปมาตามกาลเวลา เฉกเช่นกัน
เล่ามาซะยาวเลย....ได้เวลาหาที่พักเหนื่อยกันแล้วครับ วันนี้มอสโกมีฝนโรยลงมาเล็กน้อยพอให้เราชื่นใจ เราเดินหลบฝนมาเรื่อย ๆ จนมาถึงบริเวณห้างที่ขึ้นชื่อ อีกห้างหนึ่งของรัสเซีย นั่นคือ ห้าง GUM Department Store เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโก สร้างขึ้นในปีค.ศ.1895 มีความสวยงามและโดดเด่นมากลักษณะเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ปัจจุบันเป็นห้างที่หรูหรา ใหญ่โต และสวยงาม จึงเป็นที่ยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ ห้างฯ แห่งนี้ทอดยาวไปตามด้านหนึ่งของจัตุรัสแดงเป็นระยะทางถึง 242 เมตร ภายในห้างประกอบไปด้วยร้านค้าสินค้า Brand Name มากกว่า 200 ร้าน
ภาพ : ห้าง GUM Department Store
ภาพ : ภายในห้าง Gum ถ่ายจากด้านบน
หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จ พวกเราก็นั่งรถมาลงบริเวณวิหารอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์(Cathedral of Christ the Saviour) หรือที่เรียกกันว่า มหาวิหารโดมทอง ด้านล่างของวิหารนี้ปลูกดอกไม้ไว้เต็มไปหมดเลยครับ มีสีแดง, สีเหลือง ดูแล้วรู้สึกสดชื่นมากเลยครับ กลับมาเล่าเรื่องวิหารแห่งนี้กันสักหน่อยก่อนเดินขึ้นไปบนสะพานเพื่อชมวิหารแห่งนี้กันชัด ๆ ด้านบน
วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์ เป็นโบสถ์ออร์โธด๊อกซ์ที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมอสโก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1839 ในสมัยพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ ในสงครามนโปเลียน โดยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 45 ปี แต่ต่อมาในปี ค.ศ.1990 สตาลินผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น ได้สั่งให้ทุบโบสถ์ทิ้งเพื่อดัดแปลงเป็นสระว่ายนํ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนเมื่อปี ค.ศ.1994ประธานาธิบดี บอริส เยลซิน ได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างวิหารขึ้นมาใหม่ด้วยเงินบริจาคของคนทั้งประเทศ ซึ่งจำลองของเดิมได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ วิหารนี้จึงกลับมายืนหยัดที่เดิมอีกครั้งโดยสร้างเสร็จสมบูรณ์ และทำพิธีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.2000ปัจจุบันวิหารนี้ใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญระดับชาติของรัสเซีย
ภาพ : วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์ ถ่ายจากด้านล่าง
ผมเดินขึ้นมาด้านบนสะพาน มันเป็นบรรยากาศอีกแบบหนึ่งต่างจากด้านล่างโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเราสามารถมองเห็นในภาพกว้างของตัววิหาร เราได้เห็นแม่น้ำมอสโกในมุมสูง ลมด้านบนพัดแรงและมาพร้อมกับอากาศที่เริ่มเย็นลงในช่วงบ่าย ๆ แบบนี้ แต่ขอโทษครับ...ด้านบนสะพานเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเดินกันเต็มไปหมด ทุกคนต่างหามุมถ่ายรูปกันอย่างขะมักเขม้น แสงแฟลชแลบแปลบๆ แบบรัวชัตเตอร์กันไม่ยั้งเลยครับ เพราะมันสวยจริง ๆ อ่ะ ไม่เช่นดูภาพด้านล่าง
ภาพ : วิหารเซ็นต์ เดอซาร์เวียร์ ถ่ายจากด้านบน
ได้เดินเล่นอยู่ข้างบนสะพานนานพอสมควรก็ได้เวลากลับไปที่พักกันแล้ว ผมสังเกตใบหน้าของเพื่อนร่วมทางเกือบทุกคน ส่วนใหญ่ก็ดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ก็ดูหลายคน (รวมทั้งผมด้วย) เริ่มมีอาการเมื่อยขาอยู่เหมือนกันเพราะวันนี้เดินค่อนข้างเยอะ แต่ไม่เป็นไร กลับไปพักพรุ่งนี้ลุยกันต่อ See u Tomorrow!!! ครับ
Cr. Journey..เจอนั่น By ดช.จุ่น
บทความอื่น
หลังม่านเหล็ก..... ดินแดนที่ต้องค้นหา? ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น https://ppantip.com/topic/39328015
หลังม่านเหล็ก..... ดินแดนที่ต้องค้นหา? ตอนที่ 2 By ดช.จุ่น https://ppantip.com/topic/39339617
Go SYDNEY มีดีกว่าที่คิด!!...ตอนที่ 1 By ดช.จุ่น https://ppantip.com/topic/39286867