แฟนเราเป็นผู้ชายเรื่องเยอะ เรื่องมาก จู้จี้ จุกจิก อ่านเรื่องของเราแล้วมีใครให้มากว่านี้ไหม?

ตั้งแต่เราคบกันเขามาตอนนี้ก็ปีกว่าๆ เรารู้สึกว่าเรากลายเป็นคนขี้หงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อย สุขภาพจิดแย่ ไม่ค่อยพูด เงียบ เก็บตัว เพราะนิสัยส่วนตัวของเขาที่เป็นคนชอบพูดค่อนแคะ ถากถาง ชอบพูดประชดประชัน ตำหนิทุกสิ่งอย่าง จู้จี้ ขี้บ่น เรื่องเยอะทุกสิ่งอย่าง ตอนนี้เรากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปต่อหรือหยุดดี

เราอายุเกือบสี่สิบ ส่วนแฟนเราเป็นผู้ชายชาวต่างชาติ อายุสี่สิบเจ็ด อดีตเป็นทหาร ตอนนี้เออรี่แล้ว เป็นหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี เราคบกันมาปีกว่า เขามีแม่เลี้ยงเป็นคนอีสาน และมีน้องชายต่างแม่หนึ่งคน ซึ่งอาศัยอยยู่ในประเทศไทย ส่วนเขามาเที่ยวประเทศไทยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ไปๆมาๆ เพราะพ่อของเขาทำธุรกิจที่ไทย ส่วนตัวเขาเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่ไทยจริงจังได้ประมาณสามปี เราเข้าใจว่าเขาคงจะเรียนรู้วัฒนธรรมและรู้จักความเป็นไทยไปบ้างแล้วบ้าง  ช่าวแรก ๆ  ที่เริ่มตกลงคบกัน ก็มีเรื่องให้ต้องทะเลาะกัน เกือบทุกชั่วโมง ฟังไม่ผิดค่ะ ทุกชั่วโมง ด้วยเรื่องของภาษาซึ่งเราทั้งสองใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองในการสื่อสาร และเราเพิ่งจะเรียนภาษอังกฤษได้ประมาณหนึ่งปีมานี่เอง ซึ่งเราไม่สามารตอบโต้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องของวัฒนธรรม และบุคลิคส่วนตัวบุคคล ซึ่งทะเลาะกันจนเราเหนื่อย แรกๆก็จะเป็นเรื่องผู้หญิง ซึ่งเขาจะมีแต่เพื่อนผู้หญิง ตอนเราเริ่มคบกันเขาเป็นคนขอให้เราอย่านอกใจเขา ซื่อสัตย์กับเขา และเราก็ตกลง เพราะเราก็จริงจังกับรักครั้งนี้ ซึ่งในเดือนแรกที่เราคบกัน เขาก็ให้เพื่อนผู้หญิงที่รู้จักกันในงานเลี้ยงงานหนึ่ง มานอนพักที่คอนโดของเขาระหว่างที่มาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งเราไม่โอเคกับเรื่องนี้ เขาบอกว่าเขาบริสุทธิ์ใจเขาเลยให้เราไปนอนด้วยกับเขาที่คอนโด สรุปคือนอนสามคน ซึ่งถ้าหากเราไม่ไปเขาก็จะนอนกันสองคน ซึ่งเราไม่เข้าใจวัฒนธรรมของเขา และเราว่าไม่มีใครโอเคกับเรื่องแบบนี้ ในระหว่างที่ ผญ คนนั้นมาพัก เขาก็พาเที่ยวและตอนเย็นก็มารับเราไปทานข้าว ซึ่งตลอดเวลาเขาจะคุยภาษาบ้านเขาและปล่อยให้เรานั่งทำตาปริบๆ ฟังเขาคุยกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่โอเคอย่างที่สอง เราจึงมีความตะหงิดๆ ในใจ พยายามสืบและค้นหาความจริงบางและ และเขาก็หาว่าเราไม่ไวใจเขา และนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งๆที่เราทะเลาะกันบ่อยมาก และเราก็จะขอเข้าเรื่องความเยอะของเขากันเลย

1. เขาเป็นคนที่ชอบกระทำย้อนแยงกับคำพูดของตัวเอง 
- เขาขอให้เราซื่อสัตย์กับเขา แต่เขากับเป็นคนนอกใจเรา อาจจะไม่ถึงขั้นมีอะไรกัน แต่ก็เกือบเพราะมีการชักชวนและพูดคุยกันเรื่องเซ็กส์ พอเราจับได้เขาก็ให้เหตุผลว่าที่เขาทำเพราะว่าเราไม่ไว้ใจเขา เรื่องเพื่อนเขาที่มานอนด้วย ซึ่งตอนนั้นเราก็ตัดสินใจที่จะให้โอกาสเขา
- ชอบว่าเราพูดมาก และว่าให้เราว่าเราไม่มีมารยาท เรื่องพูดมากไม่ใช่พูดกับเราอย่างเดียว แต่ชอบพูดแทรกเวลาเราคุยโทรศัพท์ หรือคุยกับเพื่อนหรือคุยธุระ บางครั้งเราคุยธุระเรื่องานกับคนที่อาวุโสกว่า เขาก็จะพูดแทรกขึ้นว่ามา พูดมากกก ปกติเราจะไม่คุยโทรศัพท์กับเพื่อน จะคุยเฉพาะเรื่องงาน ส่วนเพื่อนก็นานๆ เจอกันที  แต่เขาคุยและพูดๆๆๆ พูดจนคนฟังไม่อยากฟัง มีครั้งหนึ่งนั่งคุยกัน สี่ห้าคน เขาพูดคนทุกคนหันหน้าหนี เขาก็ยังไปสะกิดแขนคนนั่งข้างๆ เขาให้ฟังเขา เราซึ่งเป็นคนนั่งดูก็อดขำไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า เขาไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเขาพูดมากจนคนอื่นรำคาญ ส่วนเรื่องไม่มีมารยาทเขาว่าให้เพราะเราไม่ขอบคุณเขาที่เขายกของมาให้
- เสื้อผ้าจะต้องซักน้ำอุ่นเท่านั้น เวลาเราซักผ้าเขาจะมายืนดูว่าเราใส่อะไรลงไปบ้าง ต้องแยกสี แยกเนื้อผ้า แต่เวลาเขาไปลุยฝนมากลับโดยเสื้อผ้าที่เปียกฝนไปกองกับผ้าแห้ง
-เวลาล้างจานต้องล้างน้ำร้อน แต่เขากลับเอาฟองน้ำล้างจานไปเช็ดพื้น
-พื้นกระเบื้องต้องต้มน้ำสบู่เช็ด แต่กลับเอาไม่ถูพื้นไปซักในอ่างล้างจาน
- ชอบว่าให้เราคิดแต่เรื่องกิน เรื่องอาหาร ด้วยความที่วัฒนธรรไทย เวลาจะถามสารทุกข์สุกดิบ ทักทาย ก็จะถามก่อนว่ากินข้าวหรือยัง ทำอะไรกิน ประมาณนี้เราก็ชอบถามเขาว่ากินข้าวหรือยัง หรือถามเขาว่าวันนี้อยากกินอะไร เขาก็จะพูดขึ้นมาว่าเธอคิดแต่เรื่องกิน เรื่องกินสำคัญกับเธอมากว่าเรื่องอื่น แต่สุดท้ายเวลากินคนที่กินเยอะมากที่สุดก็คือเขา ข้อนี้แม่เลี้ยงเขาอธิบาย ขอให้เขาฟังตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้วเรื่องการทักทายของคนไทย แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจ 

2. เป็นคนที่ติ ทุกอย่างที่ขวางหน้า  บางครั้งไม่ใช่เรื่องของตัวเองแค่เขาเดินผ่านเขาก็จะติๆๆๆๆ ยกตัวอย่างเช่น เขาเห็นประกาศโพสขายของในเน็ตซึ่งคนขายก็ได้แจ้งว่าเป็นของมือสอง มีตำนิ ขายตามสภาพ ซึ่งเขาก็เห็นรูป และพอไปดูของเขาก็เบะปากและพูดติสินค้าชิ้นนั้น คนขายหน้าเสียไปเลย ซึ่งเราก็สะกิดแขนเขาและบอกเขาว่าถ้าไม่ชอบไม่ถูกใจก็ไม่ต้องซื้อ แค่ขอบคุณและกลับ ไม่ต้องไปติเขาต่อหน้าแบบนั้นถ้าไม่ซื้อ เขาก็เสียงดังใส่เรา ว่าคนไทยก็เป็นแบบนี้ขี้เกรงใจ ของชำรุดยังจะเอามาหลอกขาย เราก็บอกว่าเขาไม่ได้หลอก เขาก็แจ้งและถ่ายรูปให้ดูแล้ว สรุปเราก็ทะเลาะกันอีกตามเคย

3. เป็นคนสะอาด แต่รก ขอขยายความหน่อยนะคะ สะอาดในที่นี้คือ สะอาดในเรื่องที่ไม่เป็นเป็นเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น เราไปเช่าบ้านหลังหนึ่ง โดยจะอยู่กันประมาณสองเดือน ด้วยความที่เป็นบ้านเก่า พื้นกระเบี้องจึงเป็นสีเหลืองๆ เขาก็จะบ่นๆ ว่าพื้นไม่สะอาด เดินไม่สบายเท้า แล้วเขาก็หันมาถามเรา เราก็บอกว่าเราไม่มีปัญหาอะไร อยู่ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเรา แต่เขาให้เราหาบริษัททำความสะอาดมา พอเราบอกราคาเขาก็บ่นว่าแพง ซึ่งบางครั้งเราไม่ได้อยากได้ยิน ไม่รู้จะบ่นทำไมนักหนา เลยบอกให้ไปหาเอง พอเขาได้ยินเช่นนั้น เขาก็พุด-ดันเราว่า ขอบคุณนะที่ช่วยถึงแม้จะนิดหนึ่งก็ตาม และสรุปก็ได้ราคาพอๆกัน และเขาก็ไม่เอา และลงมือขัดเอง ซึ่งเราไม่เห็นด้วย ถ้าจะทำ ทำเองอย่าให้เราไปยุ่งด้วย เพราะมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น เขาไปหาอุปกรณ์มา เรียกเรามานั่งฟัง เขาอ่านฉลากข้างขวด อธิบายขั้นตอน ซึ่งเราก็มาเพื่อตัดความรำคาญ และเราก็ขอตัวไปทำงานต่อทิ้งให้เขาขัดพื้นไป ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง หลังจากที่ทำไปบ่นไป กระเบื้องไม่ถึงสิบแผ่นกลางห้องก็สะอาดขึ้นมานิดหนึ่ง และเขาก็เดินจากไปและบ่นว่ามันขัดออกยาก ทิ้งกองอุปกรณ์ไว้กลางบ้าน ซึ่งเราก็รอดูว่าเขาจะกลับมาทำต่อไหม ผ่านไปสองวัน ไม่พูดุถึง ไม่กลับมาทำต่อ สรุปเราก็ต้องเป็นคนเก็บอุปรกรณฺพวกนั้นเอง 

เดี่ยวพรุ่งนี้มากต่อนะคะ........
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่