ประมาณปี2561 ขอบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้เรามีอาการปวดท้องอยู่บ่อยๆ แต่เราคิดว่าอาจเป็นโรคกระเพาะและเราก็เที่ยวดื่มเหล้าบ่อยๆด้วยช่วงนั้น.
จนมาวันหนึ่งเราเกิดปวดท้องมากกินยาแก้ปวดก็ไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลแถวบ้านไปตรวจและผลตรวจออกมาเราเป็นซีสต์แต่ตอนนั้นไม่ได้ใหญ่มากหมอแนะนำให้กินยาก่อนและนัดตรวจอีกครั้งว่าเพิ่มขนาดหรือเปล่า ถ้าเพิ่มไม่ยุบก็ต้องทำการผ่าตัด แต่ด้วยความที่ไม่ชอบไปโรงพยาบาลเราก็ไม่ไปตามนัด กินยาบ้างไม่กินบ้างยังทำตัวเหมือนเดิมจนเวลาผ่านไปเรารู้สึกท้องข้างซ้ายโตขึ้นและเจ็บทุกครั้งจนที่บ้านบอกให้ไปหมอเราเลยตัดสินใจไปตรวจอีกครั้งแต่ครั้งนี้ซีสต์ของเราใหญ่ขึ้น7.1 ซม.หมอบอกว่าต้องผ่าตัดออก เรากลับมาบ้านเล่าให้พี่สาวฟังแต่ไม่ได้บอกพ่อแม่เราให้พี่สาวปิดว่าเราเป็นแค่โรคกระเพาะเฉยๆ พี่สาวจึงหาข้อมูลว่าผ่าที่ไหนดี พี่สาวแนะนำไปที่รามา
รามามี2แบบมีของรัฐบาลและพรีเมี่ยมราคาก็แตกต่างกันออกไปการผ่าตัดมี2แบบ
แบบที่1ของรัฐบาลคือส่องกล้องราคาประมาณ 50,000-70,000.นอน3คืน4วัน
แบบที่2ของรัฐบาลคือเปิดหน้าท้องราคาจะถูกลงมาประมาณ 35,000. นอน4คืน5วัน
ส่วนของพรีเมี่ยมราคาเท่าเอกชนทั่วไปหลักแสนขึ้นไป
เราไปรามาไปที่ตึกเก่าทำเรื่องผ่าตัดและหมอก็ทำการตรวจอีกครั้งและก็นัดวันผ่า จนมาถึงวันที่ต้องมาผ่าตัดซีสต์หมอนัดวันที่4 มิถุนา2562 มานอนรอ งดอาหารหลังเทียงคืน แต่ได้ผ่าวันที่5 ตอน13.30 หมอบอกผ่าตัดประมาณชั่วโมงกว่าแต่ต้องนอนรอดูอาการประมาณ2ชั่วโมงถึงจะออกไปห้องพักได้ การผ่าตัดคุณหมอจะใช่วิธีการดมยาสลบ (เราผ่าตัดแบบเปิดแผลหน้าท้อง) ระหว่างการผ่าตัดเราไม่รู้สึกอะไรเลย
จนมาถึงห้องพักตอนไหนไม่รู้และไม่รู้ด้วยว่าหลับไปนานเท่าไหร่ พอเราตื่นขึ้นมาเรารู้สึกเวียนหัวมากหน้ามืดเหมือนจะอ้วก เจ็บแผลและรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวและหิวน้ำด้วยแต่พยาบาลบอกให้งดอาหารและน้ำต้องรอหมอมาตรวจตอนเช้า ผ่านไปสักพักเราปวดฉี่แต่เราลุกไม่ไหวขยับตัวไม่ได้เลยพยาบาลจึงทำการสวนปัสสาวะเราอายมากเลยเพราะไม่เคยทำมาก่อน ( เราคิดในใจไม่น่าเลยน่าจะรีบรักษาตั้งแต่แรกคงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ไหนจะสวนปัสสาวะไหนจะสายน้ำเกลือนอนก็ต้องราบกับเตียงลุกก็ไม่ได้แผลก็เจ็บ ลำบากมากๆเลย )
เช้าวันต่อมาพอสายๆคุณหมอมาถามอาการมาตรวจก็บอกยังทานอะไรไม่ได้ต้องรอตอนบ่าย พอถึงตอนบ่ายพยาบาลเอาน้ำซุป น้ำข้าว กับโอวันตินมาให้กินแต่กินไปได้นิดหน่อยรู้สึกเจ็บแผลและรู้สึกไม่สบายท้องเลยเรียกพยาบาลมา พยาบาลบอกว่าการผ่าตัดแบบนี้ทำให้ระบบลำไส้ยังทำงานผิดปกติอยู่ถึงทำให้เกิดอาการแบบที่เป็น ตกตอนเย็นลุกไปฉี่เองครั้งแรกเจ็บมากฉี่ไม่ค่อยออก มันรู้สึกเจ็บๆแสบๆตอนปัสสาวะ นอนก็ลำบากลุกมานั่งก็ลุกไม่ไหว
จนมาถึงวันออกจากโรงพยาบาล สายๆหมอมาตรวจแล้วบอกกลับบ้านได้เราก็ให้คนไปทำเรื่องออกโรงพยาบาลแต่ในใจยังไม่อยากออกเลยเพราะยังเจ็บแผลอยู่. พอมาถึงห้องเกิดอาการเจ็บที่แผลและเดินลุกลำบากมากเวียนหัวตลอด รู้สึกอยากจะอ้วกหน้ามืดทำอะไรไม่ได้เลยเราต้องอยู่แบบนี้เป็นอาทิตย์ถึงดีขึ้นแต่ก็ยังเดินลุกช้าๆลำบากเพราะยังรู้สึกเจ็บแปลบๆที่แผลอยู่
สุดท้ายนี้ที่จริงตอนแรกก็ไม่ได้อยากเอามาลงเพราะเห็นว่ามันผ่านมาแล้วหลายเดือน แต่คิดว่าประสบการณ์ครั้งนี้อาจมีประโยชน์แค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าการที่ผ่าตัดซีสต์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด. อยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพกันมากๆอย่าคิดว่าการไปหาหมอเป็นการเสียเวลาหรือไม่อยากไปและเป็นกำลังใจให้กับคนที่มีปัญหาแบบนี้ค่ะ สู้ๆๆนะค่ะ
นี้เป็นการเขียนครั้งแรกของเรา เราอาจจะเขียนยาวไปหน่อยผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะค่ะ
ประสบการณ์ครั้งแรกของการผ่าตัดซีสต์รังไข่ข้างซ้ายที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
จนมาวันหนึ่งเราเกิดปวดท้องมากกินยาแก้ปวดก็ไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลแถวบ้านไปตรวจและผลตรวจออกมาเราเป็นซีสต์แต่ตอนนั้นไม่ได้ใหญ่มากหมอแนะนำให้กินยาก่อนและนัดตรวจอีกครั้งว่าเพิ่มขนาดหรือเปล่า ถ้าเพิ่มไม่ยุบก็ต้องทำการผ่าตัด แต่ด้วยความที่ไม่ชอบไปโรงพยาบาลเราก็ไม่ไปตามนัด กินยาบ้างไม่กินบ้างยังทำตัวเหมือนเดิมจนเวลาผ่านไปเรารู้สึกท้องข้างซ้ายโตขึ้นและเจ็บทุกครั้งจนที่บ้านบอกให้ไปหมอเราเลยตัดสินใจไปตรวจอีกครั้งแต่ครั้งนี้ซีสต์ของเราใหญ่ขึ้น7.1 ซม.หมอบอกว่าต้องผ่าตัดออก เรากลับมาบ้านเล่าให้พี่สาวฟังแต่ไม่ได้บอกพ่อแม่เราให้พี่สาวปิดว่าเราเป็นแค่โรคกระเพาะเฉยๆ พี่สาวจึงหาข้อมูลว่าผ่าที่ไหนดี พี่สาวแนะนำไปที่รามา
รามามี2แบบมีของรัฐบาลและพรีเมี่ยมราคาก็แตกต่างกันออกไปการผ่าตัดมี2แบบ
แบบที่1ของรัฐบาลคือส่องกล้องราคาประมาณ 50,000-70,000.นอน3คืน4วัน
แบบที่2ของรัฐบาลคือเปิดหน้าท้องราคาจะถูกลงมาประมาณ 35,000. นอน4คืน5วัน
ส่วนของพรีเมี่ยมราคาเท่าเอกชนทั่วไปหลักแสนขึ้นไป
เราไปรามาไปที่ตึกเก่าทำเรื่องผ่าตัดและหมอก็ทำการตรวจอีกครั้งและก็นัดวันผ่า จนมาถึงวันที่ต้องมาผ่าตัดซีสต์หมอนัดวันที่4 มิถุนา2562 มานอนรอ งดอาหารหลังเทียงคืน แต่ได้ผ่าวันที่5 ตอน13.30 หมอบอกผ่าตัดประมาณชั่วโมงกว่าแต่ต้องนอนรอดูอาการประมาณ2ชั่วโมงถึงจะออกไปห้องพักได้ การผ่าตัดคุณหมอจะใช่วิธีการดมยาสลบ (เราผ่าตัดแบบเปิดแผลหน้าท้อง) ระหว่างการผ่าตัดเราไม่รู้สึกอะไรเลย
จนมาถึงห้องพักตอนไหนไม่รู้และไม่รู้ด้วยว่าหลับไปนานเท่าไหร่ พอเราตื่นขึ้นมาเรารู้สึกเวียนหัวมากหน้ามืดเหมือนจะอ้วก เจ็บแผลและรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวและหิวน้ำด้วยแต่พยาบาลบอกให้งดอาหารและน้ำต้องรอหมอมาตรวจตอนเช้า ผ่านไปสักพักเราปวดฉี่แต่เราลุกไม่ไหวขยับตัวไม่ได้เลยพยาบาลจึงทำการสวนปัสสาวะเราอายมากเลยเพราะไม่เคยทำมาก่อน ( เราคิดในใจไม่น่าเลยน่าจะรีบรักษาตั้งแต่แรกคงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ไหนจะสวนปัสสาวะไหนจะสายน้ำเกลือนอนก็ต้องราบกับเตียงลุกก็ไม่ได้แผลก็เจ็บ ลำบากมากๆเลย )
เช้าวันต่อมาพอสายๆคุณหมอมาถามอาการมาตรวจก็บอกยังทานอะไรไม่ได้ต้องรอตอนบ่าย พอถึงตอนบ่ายพยาบาลเอาน้ำซุป น้ำข้าว กับโอวันตินมาให้กินแต่กินไปได้นิดหน่อยรู้สึกเจ็บแผลและรู้สึกไม่สบายท้องเลยเรียกพยาบาลมา พยาบาลบอกว่าการผ่าตัดแบบนี้ทำให้ระบบลำไส้ยังทำงานผิดปกติอยู่ถึงทำให้เกิดอาการแบบที่เป็น ตกตอนเย็นลุกไปฉี่เองครั้งแรกเจ็บมากฉี่ไม่ค่อยออก มันรู้สึกเจ็บๆแสบๆตอนปัสสาวะ นอนก็ลำบากลุกมานั่งก็ลุกไม่ไหว
จนมาถึงวันออกจากโรงพยาบาล สายๆหมอมาตรวจแล้วบอกกลับบ้านได้เราก็ให้คนไปทำเรื่องออกโรงพยาบาลแต่ในใจยังไม่อยากออกเลยเพราะยังเจ็บแผลอยู่. พอมาถึงห้องเกิดอาการเจ็บที่แผลและเดินลุกลำบากมากเวียนหัวตลอด รู้สึกอยากจะอ้วกหน้ามืดทำอะไรไม่ได้เลยเราต้องอยู่แบบนี้เป็นอาทิตย์ถึงดีขึ้นแต่ก็ยังเดินลุกช้าๆลำบากเพราะยังรู้สึกเจ็บแปลบๆที่แผลอยู่
สุดท้ายนี้ที่จริงตอนแรกก็ไม่ได้อยากเอามาลงเพราะเห็นว่ามันผ่านมาแล้วหลายเดือน แต่คิดว่าประสบการณ์ครั้งนี้อาจมีประโยชน์แค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าการที่ผ่าตัดซีสต์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด. อยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพกันมากๆอย่าคิดว่าการไปหาหมอเป็นการเสียเวลาหรือไม่อยากไปและเป็นกำลังใจให้กับคนที่มีปัญหาแบบนี้ค่ะ สู้ๆๆนะค่ะ
นี้เป็นการเขียนครั้งแรกของเรา เราอาจจะเขียนยาวไปหน่อยผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะค่ะ