จุดประสงค์ของกระทู้นี้คือการเเนะนำภาพยนตร์จาก Bollywood ที่ผมมีโอกาสได้รับชม เเละคิดว่าเเต่ละเรื่องนั้นมีคุณภาพไม่ต่างจากหนังฝั่ง Hollywood เลย ขออนุญาตยกหนังจำพวก PK, 3 Idiots, Lunchbox ไว้บนหิ้งนะครับ เพราะน่าจะมีสมาชิกท่านอื่นรีวิวไปเยอะเเล้ว
เริ่มกันเลยนะครับ
1. Sanju
คะเเนนจาก IMDB 7.8
หนังอินเดียบทเทพอีกเรื่องจากผลงานของผู้กำกับสุดเทพ Rajkumar Hirani (ผกก. 3 idiots กับ PK นั่นแหละ) ที่แม้ Sanju จะไม่สามารถเทียบสองเรื่องก่อนหน้าได้ แต่มันก็ทำให้คนดูหนังอย่างเราๆได้รู้ว่าผู้กำกับคนนี้มาตรฐานสูงลิบลิ่วเลย มีออกมาอีกกี่เรื่องก็จะตามดู
หนังสร้างมาจากเรื่องจริง (มั้ง) ของดาราบอลลีวู๊ดสุดโด่งดัง ซันเจย์ ดัตต์ หรือ ซานจู ที่ถูกทั้งประเทศกล่าวหาว่าเป็น'ผู้ก่อการร้าย'จากเหตุการระเบิดมุมไบในปี 1993 ซานจูพยายามว่าจ้างนักเขียนชีวประวัติชื่อดังอย่าง วินนี่ ดิอาส (นางเอกคนเดียวกันกับเรื่อง PK ชื่อน่าจะอ่านว่า อนุชการ์ ชาร์มา) โดยซานจูจะค่อยๆเล่าประวัติตัวเอง และในเรื่องเล่าของซานจูก็จะมีเรื่องราวของเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา กัมลิ ซึ่ง ณ ปัจจุบันตัดขาดกับซานจูมาร่วม 10 ปี
องค์แรกของหนังทำให้นึกถึง Requiem for a Dream เวอร์ชันฮินดีได้เลย และทำได้ถึงอารมณ์ซะด้วย มันทั้งหดหู่ กดดัน น่าสมเพชในเวลาเดียวกัน เป็นช่วงเวลาที่พระเอกต้องดิ้นรนต่อสู้กับอาการติดยาเสพติดโดยมีพ่ออยู่เคียงข้าง ช่วงนี้ได้เห็นว่าพ่อของซานจูพยายามทำเพื่อเขามากแค่ไหน
พาร์ทหลังๆซึ้งมากครับ ตั้งแต่การช่วยเหลือของกัมลิ บทบาทของพ่อแม่ที่มีต่อลูก หนังกลายมาเป็นหนังสอบสวน(เกือบจะ)เต็มตัว ทั้งหมดเพื่อสืบหาว่าซานจูคือผู้ก่อการร้ายตัวจริงหรือไม่ (ได้อารมณ์ประมาณเรื่อง Nightcrawler นิดๆ)
หนังดีจริงๆ เป็นการตีเเผ่อิทธิพลของวงการสื่อได้อย่างดีเยี่ยม (เเค่เครื่องหมาย ? ก็อาจจะทำให้คนบางคนถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดีไปตลอดชีวิตได้) ที่สำคัญยังมีข้อคิดเยอะมาก ได้พลังบวกด้วย อยากให้ลองหามาดูกัน เข้าไปรับชมใน Netflix โลด รับรองไม่ผิดหวังครับ
ประโยคเด็ดจากหนัง
'ถ้าผมไปงานเลี้ยงกับคุณ หนังสือพิมพ์ก็จะลงข่าวว่า 'ซานจูจูบปากกับมาเฟีย' ถ้าผมไม่ไป หนังสือพิมพ์ก็จะลงข่าวว่า 'ซานจูถูกมาเฟียฆ่าตาย' งั้นผมจะไม่ไป เพราะทางเลือกแรก มันจะทำให้พ่อของผมถูกตราหน้าว่าเป็น 'พ่อของผู้ก่อการร้าย' แต่หากผมตายจริงๆ อย่างน้อยพ่อของผมก็จะไม่ถูกเหยียดหยาม และจะสามารถเชิดหน้าขึ้นสู้ได้ด้วยความภาคภูมิใจ'
ซานจูกล่าวกับหัวหน้ามาเฟียที่มาขอให้เขาไปร่วมงานเลี้ยง ในขณะที่ตอนนั้น ซานจูกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายระดับประเทศ
คะเเนนความชอบส่วนตัว
สำหรับผมให้ 9.5 เต็ม 10 เลยครับ บทพูดดี กระชากอารมณ์ ภาพสวย หัก 0.5 จาก CG ตอนระเบิดที่ไม่เนียนเอาเสียเลย 555
2. Kai Po Che (2013)
คะเเนนจาก IMDB 7.6
เมื่อเพื่อนซี้ทั้งสามคน ประกอบด้วย โกวินท์ หนุ่มเนิร์ด ผู้มีความรู้ด้านวิชาการเเละด้านการเงิน อิชาน หนุ่มอารมณ์ร้อน อดีตนักคริกเก็ตฝีมือดีประจำภูมิภาค เป็นคนรักเพื่อนเเละทุ่มเททุกอย่างเพื่อคริกเก็ต เเละโอมี ลูกของนักบวชเเถมยังเป็นหลานของนักการเมือง มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นร้านขายอุปกรณ์กีฬาเเละสร้างทีมคริกเก็ตเป็นของตัวเอง ทั้งหมดจึงต้องหาทางรวบรวมเงินทุนสำหรับเปิดร้านมาให้ได้ เเละเนื่องด้วยบุคลิกที่เเตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทำให้ระหว่างทางอาจจะมีการทะเลาะเบาะเเว้งกันบ้าง
เหตุเกิดจากอิชานได้ค้นพบเด็กคนหนึ่ง ชื่อว่า อาลี ซึ่งมีพรสวรรค์ด้านการตีลูกคริกเก็ต อิชานจึงต้องการที่จะปลุกปั้นให้อาลีเติบโตขึ้นมาเป็นนักคริกเก็ตฝีมือเยี่ยมให้ได้ ซึ่งอาลีนั้นมีพ่อเป็นแกนนำของพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามของโอมี ทำให้เรื่องราวหลังจากนั้นจะมีประเด็นด้านการเมืองเข้ามาสอดเเทรกอย่างเข้มข้น
ช่วงเเรกโทนของหนังจะเน้นเรื่องมิตรภาพแบบลูกผู้ชาย จนกระทั่งหนังมีการสับเปลี่ยนโทนไปเป็นเรื่องของโศกนาฏกรรมทางการเมืองและนำไปสู่บทสรุปที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเลย ส่วนเรื่องของคริกเก็ต มีการกล่าวถึงเยอะพอสมควร ใครที่ไม่ทราบกฏิกาอาจจะงงๆคำศัพท์บ้าง (ผมก็เช่นกัน) แต่ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร
คะเเนนความชอบส่วนตัว
เรื่องนี้ผมให้ 8.5 เต็ม 10 ครับ หนังดีมาก เล่าเรื่องได้น่าติดตาม ชอบการเปลี่ยนอารมณ์ของหนังมาก เเต่ตอนจบยังขยี้กว่านี้ได้อีกนิดนึง
3. Andhadhun (2018)
คะเเนนจาก IMDB 8.4
Andhadhun เป็นเรื่องราวของนักเปียโนตาบอดนามว่า อากาซ ที่อุทิศชีวิตให้กับการฝึกซ้อมเปียโน เขาอาศัยอยู่ในบ้านตามลำพังกับเเมว 1 ตัว วันหนึ่งฝีมือของอากาซได้ไปเตะตา โซฟี ลูกสาวเจ้าของร้านอาหาร จึงได้ชวนอากาซมาเล่นเปียโนประจำที่ร้านของเธอเสียเลย เเละอากาซก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อผู้ชมทุกคนต่างหลงรักเเละประทับใจในฝีมือ
วันหนึ่งได้มีอดีตดาราดัง ชื่อ ปราโมด มาทานอาหารที่ร้านเเละว่าจ้างให้อากาซไปเล่นเปียโนให้ที่ห้องเป็นการส่วนตัว เนื่องในโอกาสวันครบรอบของปราโมทกับสิมี ภรรยาของเขาซึ่งอายุต่างกันหลายปี เเละอากาซก็ได้ตอบตกลงพร้อมกับรับค่าจ้างล่วงหน้า
เมื่อถึงวันนัดหมาย อากาซได้ไปที่ห้องของปราโมด เเต่กลับกลายเป็นว่า เขาต้องมาอยู่ท่ามกลางคดีฆาตกรรมสุดโหด! คราวนี้เขาจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างไร เขาซึ่งเป็นคนตาบอดจะเเก้ปัญหาด้วยวิธีการไหน อยากให้ทุกท่านไปลองรับชมกันดูครับ
จะถือว่าเป็นหนังสืบสวนสอบสวนปนเอาชีวิตรอดก็ว่าได้นะครับ เป็นหนังอินเดียที่บทเจ๋งสุดๆ มีหักมุมกันตลอด เเถมสอดเเทรกมุกตลกร้ายเอาไว้อีกด้วย ส่วนในพาร์ทของดนตรีประกอบก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบ เพลงที่ใช้ส่วนใหญ่จะมีเสียงของเปียโนคลาสสิค เรียกได้ว่าเพราะและน่าลุกขึ้นมาเต้นทุกเพลง
คะเเนนความชอบส่วนตัว
เรื่องนี้ผมให้ 9 เต็ม 10 หนังสนุกมากจริงๆ พลิกไปพลิกมาหลายตลบ มีการหักหลังกันไปมาเดาไม่ถูกเลย หักคะเเนนนิดนึงตรงตอนจบที่มีพล็อตโฮลเยอะไปหน่อยครับ
4. Dangal (2016)
คะเเนนจาก IMDB 8.4
ภาพยนตร์ที่กวาดรายได้สูงมากทั้งในอินเดียเเละจีน สารภาพว่าเลือกดูเรื่องนี้เพราะดาราขวัญใจ อามีร์ ข่าน ร่วมเเสดงด้วย โดยพี่มีร์รับบทเป็น Mahavir Singh Phogat อดีตนักมวยปล้ำชื่อดัง ผู้ใฝ่ฝันจะเข้าเเข่งในมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยฃาติอย่าง กีฬาโอลิมปิก แต่เมื่อไม่ประสบผลสำเร็จ เขาจึงส่งต่อความฝันทั้งหมดมาที่ลูก เเต่เนื่องด้วยเหตุผลประการใดมิทราบที่ทำให้เขาไม่สามารถมีลูกชายได้ ลูกสาวทั้งหมดจึงต้องจำใจรับบททดสอบสุดโหดของพ่อที่พยายามจะปลุกปั้นให้ลูกสาวกลายเป็นนักมวยปล้ำระดับโลกให้ได้
หนังดำเนินเรื่องได้รวดเร็ว จริงจัง เล่าถึงความขัดเเย้งในจิตใจของลูกสาวทั้งสองที่คิดว่าตนคือเครื่องมือที่พ่อเอาไว้ไล่ตามความฝันของตัวเอง ฉากฝึกซ้อมเเละฉากเเข่งขันมวยปล้ำดูสมจริง ผนวกกับเพลงประกอบที่ฟังเเล้วโคตรฮึกเหิม พี่มีร์ก็เเสดงได้ดุดันจริงๆ ดูเป็นคุณพ่อที่เเข็งกร้าวไปเลยในบางฉาก
คะเเนนความชอบ
เรื่องนี้ผมให้ 10 เต็ม 10 เลยครับ ชอบสุดๆ ดูเเล้วฮึกเหิม อยากกลับไปดูซ้ำอีกสักรอบ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเเละเเบ่งปันความคิดเห็นนะครับ ความคิดเห็นทั้งหมดเป็นความคิดส่วนตัวของผม หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ปล. ต่อที่คอมเม้นท์ที่ 18 นะครับ
แนะนำหนังอินเดีย เมื่อหนังเเขกมีคุณภาพเทียบเท่าหนังฮอลลีวูด!
หนังสร้างมาจากเรื่องจริง (มั้ง) ของดาราบอลลีวู๊ดสุดโด่งดัง ซันเจย์ ดัตต์ หรือ ซานจู ที่ถูกทั้งประเทศกล่าวหาว่าเป็น'ผู้ก่อการร้าย'จากเหตุการระเบิดมุมไบในปี 1993 ซานจูพยายามว่าจ้างนักเขียนชีวประวัติชื่อดังอย่าง วินนี่ ดิอาส (นางเอกคนเดียวกันกับเรื่อง PK ชื่อน่าจะอ่านว่า อนุชการ์ ชาร์มา) โดยซานจูจะค่อยๆเล่าประวัติตัวเอง และในเรื่องเล่าของซานจูก็จะมีเรื่องราวของเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา กัมลิ ซึ่ง ณ ปัจจุบันตัดขาดกับซานจูมาร่วม 10 ปี
องค์แรกของหนังทำให้นึกถึง Requiem for a Dream เวอร์ชันฮินดีได้เลย และทำได้ถึงอารมณ์ซะด้วย มันทั้งหดหู่ กดดัน น่าสมเพชในเวลาเดียวกัน เป็นช่วงเวลาที่พระเอกต้องดิ้นรนต่อสู้กับอาการติดยาเสพติดโดยมีพ่ออยู่เคียงข้าง ช่วงนี้ได้เห็นว่าพ่อของซานจูพยายามทำเพื่อเขามากแค่ไหน
พาร์ทหลังๆซึ้งมากครับ ตั้งแต่การช่วยเหลือของกัมลิ บทบาทของพ่อแม่ที่มีต่อลูก หนังกลายมาเป็นหนังสอบสวน(เกือบจะ)เต็มตัว ทั้งหมดเพื่อสืบหาว่าซานจูคือผู้ก่อการร้ายตัวจริงหรือไม่ (ได้อารมณ์ประมาณเรื่อง Nightcrawler นิดๆ)
หนังดีจริงๆ เป็นการตีเเผ่อิทธิพลของวงการสื่อได้อย่างดีเยี่ยม (เเค่เครื่องหมาย ? ก็อาจจะทำให้คนบางคนถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดีไปตลอดชีวิตได้) ที่สำคัญยังมีข้อคิดเยอะมาก ได้พลังบวกด้วย อยากให้ลองหามาดูกัน เข้าไปรับชมใน Netflix โลด รับรองไม่ผิดหวังครับ
ประโยคเด็ดจากหนัง
'ถ้าผมไปงานเลี้ยงกับคุณ หนังสือพิมพ์ก็จะลงข่าวว่า 'ซานจูจูบปากกับมาเฟีย' ถ้าผมไม่ไป หนังสือพิมพ์ก็จะลงข่าวว่า 'ซานจูถูกมาเฟียฆ่าตาย' งั้นผมจะไม่ไป เพราะทางเลือกแรก มันจะทำให้พ่อของผมถูกตราหน้าว่าเป็น 'พ่อของผู้ก่อการร้าย' แต่หากผมตายจริงๆ อย่างน้อยพ่อของผมก็จะไม่ถูกเหยียดหยาม และจะสามารถเชิดหน้าขึ้นสู้ได้ด้วยความภาคภูมิใจ'
ซานจูกล่าวกับหัวหน้ามาเฟียที่มาขอให้เขาไปร่วมงานเลี้ยง ในขณะที่ตอนนั้น ซานจูกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายระดับประเทศ
คะเเนนความชอบส่วนตัว
สำหรับผมให้ 9.5 เต็ม 10 เลยครับ บทพูดดี กระชากอารมณ์ ภาพสวย หัก 0.5 จาก CG ตอนระเบิดที่ไม่เนียนเอาเสียเลย 555
เหตุเกิดจากอิชานได้ค้นพบเด็กคนหนึ่ง ชื่อว่า อาลี ซึ่งมีพรสวรรค์ด้านการตีลูกคริกเก็ต อิชานจึงต้องการที่จะปลุกปั้นให้อาลีเติบโตขึ้นมาเป็นนักคริกเก็ตฝีมือเยี่ยมให้ได้ ซึ่งอาลีนั้นมีพ่อเป็นแกนนำของพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามของโอมี ทำให้เรื่องราวหลังจากนั้นจะมีประเด็นด้านการเมืองเข้ามาสอดเเทรกอย่างเข้มข้น
ช่วงเเรกโทนของหนังจะเน้นเรื่องมิตรภาพแบบลูกผู้ชาย จนกระทั่งหนังมีการสับเปลี่ยนโทนไปเป็นเรื่องของโศกนาฏกรรมทางการเมืองและนำไปสู่บทสรุปที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเลย ส่วนเรื่องของคริกเก็ต มีการกล่าวถึงเยอะพอสมควร ใครที่ไม่ทราบกฏิกาอาจจะงงๆคำศัพท์บ้าง (ผมก็เช่นกัน) แต่ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร
คะเเนนความชอบส่วนตัว
เรื่องนี้ผมให้ 8.5 เต็ม 10 ครับ หนังดีมาก เล่าเรื่องได้น่าติดตาม ชอบการเปลี่ยนอารมณ์ของหนังมาก เเต่ตอนจบยังขยี้กว่านี้ได้อีกนิดนึง
เรื่องนี้ผมให้ 9 เต็ม 10 หนังสนุกมากจริงๆ พลิกไปพลิกมาหลายตลบ มีการหักหลังกันไปมาเดาไม่ถูกเลย หักคะเเนนนิดนึงตรงตอนจบที่มีพล็อตโฮลเยอะไปหน่อยครับ