เรื่องแต่งเรื่องนี้เป็นเรื่องผีที่ผมแต่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ต้น ชายหนุ่มผู้พานพบประสบการณ์สยองขวัญมานับไม่ถ้วน เพราะเนื่องจากเขามี "สัมผัสที่ 6" ซึ่งสามารถสัมผัสสิ่งเร้นลับที่อยู่รอบตัวเขาได้ ถึงแม้จะเป็นคนธรรมดา แต่ต้นก็ต้องเจอเรื่องราวแบบนี้ต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น
เรื่องนี้ต้นไม่ได้ใช้สัมผัสที่ 6 ในการพบเจอผีสางอีกแล้ว แต่เรื่องนี้เขาจะได้รับรู้ถึงการเจอผีของเพื่อนๆ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่มีสัมผัสที่ 6 เลย
สมัยที่ต้นยังอายุ 16 ปี ต้นต้องรับมือกับรายงานใหญ่ในวิชาสายศิลป์-คำนวณ ซึ่งเป็นรายงานวิชาภาษาอังกฤษสุดปวดหัวที่คุณครูสั่งราวกับจะแกล้งเด็กนักเรียน เพราะฉะนั้นเลยมีเพื่อนๆ อีก 4 คนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับต้นมาทำงานที่บ้านต้นด้วยกัน
เพื่อนทั้ง 4 คนของต้นเป็นเด็กที่พ่อแม่ปล่อยให้ลูกมีอิสระ ไม่เหมือนบางครอบครัวที่ยังเป็นห่วงลูกอยู่ และด้วยความที่เพื่อนทั้ง 4 นั้นเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ตั้งแต่สมัยม.ต้น เลยไม่มีปัญหาที่จะไปบ้านเพื่อนอย่างบ้านต้น เพื่อนทั้ง 4 ประกอบไปด้วย เอก คิว จอม และตั้ม
ขณะที่ทุกคนทำรายงานอังกฤษเสร็จแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงห้าทุ่ม หากจะกลับไปบ้านก็คงดึกเกินไป ก็เลยมาขอพักบ้านต้น ทางบ้านต้นไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนๆ จึงพักที่บ้านต้นอย่างสบายใจ โดยเพื่อนๆ จะนอนห้องเดียวกับต้น ห้องนอนต้นเป็นห้องนอนเล็กๆ บนชั้นสองของตึกแถว ในห้องมีเตียงนอนเล็กๆ พอนอนได้ 1 คน มีโต๊ะทำการบ้านอยู่ตรงข้ามกับเตียง ตรงหัวนอนมีตู้หนังสือเล็กๆ ที่มีแต่หนังสือจิตวิทยาและการ์ตูน มีตู้เสื้อผ้าเก่าๆ วางไว้ตรงข้างๆ โต๊ะทำการบ้าน ถ้าเข้ามาในห้องจะดูอึดอัดสักหน่อยหากมากันหลายๆ คน แต่เพื่อนๆ ของต้นก็ยังหาที่นอนกันได้ เอกกับคิวได้ผ้าห่มผืนหนา 2 ผืนและหมอนอีก 3 ใบจากพ่อแม่ของต้น และเพื่อนทั้ง 4 คนก็จัดแจงเอาผ้าห่มมาปูตรงข้างเตียง แล้วเอาหมอนมาเรียงกันยาวไปถึงโต๊ะทำการบ้าน ต้นยกเก่าอี้ทำการบ้านไปไว้ตรงหน้าตู้หนังสือเพื่อไม่ให้เกะกะ และนั่งอ่านการ์ตูนบนเก้าอี้นั้นรอเพื่อนๆ จัดแจงที่นอน
พอถึงห้าทุ่มครึ่ง ทุกคนก็เริ่มไปปิดไฟนอนกันแล้ว บรรยากาศดูวังเวง ลมจากพัดลมค่อยๆ พัดมาหาต้นที่นอนคุดคู้อยู่ ลมนั้นทำให้ต้นคลายร้อนอยู่บ้าง แต่บางครั้งต้นก็สะดุ้งเพร่ะนึกว่าเป็นผีมาจับขา แต่ต้นก็สะกดความกลัวแล้วนอนต่อ
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเบาๆ จากคนๆ หนึ่ง ลอยมาตามอากาศ เสียงนั้นพูดขึ้นมาว่า "มาเล่าเรื่องผีมะ" ต้นรับลุกขึ้นมา เห็นคิวกำลังนั่งยองๆ หันหน้ามาหาต้น แล้วหัวเราะคิกคัก ต้นรู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของเสียง จึงไล่ให้คิวไปนอน เพราะต้นง่วงเต็มทีแล้ว แถมยังกลัวลมจากพัดลมยังไม่หาย
Edit : แก้ไขคำผิดครับ
(ต้น)เรื่องเล่ายามเที่ยงคืน
เรื่องนี้ต้นไม่ได้ใช้สัมผัสที่ 6 ในการพบเจอผีสางอีกแล้ว แต่เรื่องนี้เขาจะได้รับรู้ถึงการเจอผีของเพื่อนๆ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่มีสัมผัสที่ 6 เลย
สมัยที่ต้นยังอายุ 16 ปี ต้นต้องรับมือกับรายงานใหญ่ในวิชาสายศิลป์-คำนวณ ซึ่งเป็นรายงานวิชาภาษาอังกฤษสุดปวดหัวที่คุณครูสั่งราวกับจะแกล้งเด็กนักเรียน เพราะฉะนั้นเลยมีเพื่อนๆ อีก 4 คนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับต้นมาทำงานที่บ้านต้นด้วยกัน
เพื่อนทั้ง 4 คนของต้นเป็นเด็กที่พ่อแม่ปล่อยให้ลูกมีอิสระ ไม่เหมือนบางครอบครัวที่ยังเป็นห่วงลูกอยู่ และด้วยความที่เพื่อนทั้ง 4 นั้นเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ตั้งแต่สมัยม.ต้น เลยไม่มีปัญหาที่จะไปบ้านเพื่อนอย่างบ้านต้น เพื่อนทั้ง 4 ประกอบไปด้วย เอก คิว จอม และตั้ม
ขณะที่ทุกคนทำรายงานอังกฤษเสร็จแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงห้าทุ่ม หากจะกลับไปบ้านก็คงดึกเกินไป ก็เลยมาขอพักบ้านต้น ทางบ้านต้นไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนๆ จึงพักที่บ้านต้นอย่างสบายใจ โดยเพื่อนๆ จะนอนห้องเดียวกับต้น ห้องนอนต้นเป็นห้องนอนเล็กๆ บนชั้นสองของตึกแถว ในห้องมีเตียงนอนเล็กๆ พอนอนได้ 1 คน มีโต๊ะทำการบ้านอยู่ตรงข้ามกับเตียง ตรงหัวนอนมีตู้หนังสือเล็กๆ ที่มีแต่หนังสือจิตวิทยาและการ์ตูน มีตู้เสื้อผ้าเก่าๆ วางไว้ตรงข้างๆ โต๊ะทำการบ้าน ถ้าเข้ามาในห้องจะดูอึดอัดสักหน่อยหากมากันหลายๆ คน แต่เพื่อนๆ ของต้นก็ยังหาที่นอนกันได้ เอกกับคิวได้ผ้าห่มผืนหนา 2 ผืนและหมอนอีก 3 ใบจากพ่อแม่ของต้น และเพื่อนทั้ง 4 คนก็จัดแจงเอาผ้าห่มมาปูตรงข้างเตียง แล้วเอาหมอนมาเรียงกันยาวไปถึงโต๊ะทำการบ้าน ต้นยกเก่าอี้ทำการบ้านไปไว้ตรงหน้าตู้หนังสือเพื่อไม่ให้เกะกะ และนั่งอ่านการ์ตูนบนเก้าอี้นั้นรอเพื่อนๆ จัดแจงที่นอน
พอถึงห้าทุ่มครึ่ง ทุกคนก็เริ่มไปปิดไฟนอนกันแล้ว บรรยากาศดูวังเวง ลมจากพัดลมค่อยๆ พัดมาหาต้นที่นอนคุดคู้อยู่ ลมนั้นทำให้ต้นคลายร้อนอยู่บ้าง แต่บางครั้งต้นก็สะดุ้งเพร่ะนึกว่าเป็นผีมาจับขา แต่ต้นก็สะกดความกลัวแล้วนอนต่อ
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเบาๆ จากคนๆ หนึ่ง ลอยมาตามอากาศ เสียงนั้นพูดขึ้นมาว่า "มาเล่าเรื่องผีมะ" ต้นรับลุกขึ้นมา เห็นคิวกำลังนั่งยองๆ หันหน้ามาหาต้น แล้วหัวเราะคิกคัก ต้นรู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของเสียง จึงไล่ให้คิวไปนอน เพราะต้นง่วงเต็มทีแล้ว แถมยังกลัวลมจากพัดลมยังไม่หาย
Edit : แก้ไขคำผิดครับ