สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้เป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ ตอนนี้ก็ยังรู้ตัวว่าเป็นเด็กอยู่ และยังไม่บรรลุนิติภาวะเท่าที่ควร
แต่ว่าปีนี้เป็นปีสุดท้ายของการเรียนแล้วค่ะ เจ้าของกระทู้เลยอยากจะรบกวนขอคำแนะนำสำหรับอาชีพในอนาคตค่ะ
คือเรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นคนที่เรียนรู้ได้ดีแต่ไม่ค่อยขยันเท่าที่ควรค่ะ ตอนเข้ามหาวิทยาลัย เทอมแรก เราก็เกรดไม่ดี
พ่อแม่ก็กดดันค่ะ เราก็ทำไงล่ะ พอพยายามฟิต ฟิตมากๆๆๆ ผลที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ เราสามารถทำข้อสอบได้และยัง
ได้คะแนนดีด้วยค่ะ ช่วงนั้นได้เกรดเฉลี่ยต่อเทอม 3.7+ (สำหรับเราคือมันเยอะมากๆแล้วค่ะ แต่สำหรับบางคนอาจจะไม่เนาะ)
เราก็ขยันมาก แต่พอลองย้อนกลับมาดูตัวเอง เราทำเพื่อใคร คำตอบคือ เพื่อพ่อแม่และครอบครัวค่ะ ไม่ใช่ตัวเราเอง
เพราะพวกเขาค่อนข้างจะกดดันเราเพื่อให้เราได้คะแนนดีๆ ทั้งก่อนหน้านี้ที่จะเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะได้หรอกค่ะ เพราะเราเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ เลยไม่เคยทบทวนบทเรียนอะไรเลย
สอบโควต้ามหาลัยดังๆไม่ได้เลย หรือจะเป็นสอบตรงมหาลัยทางภาคกลางก็ไม่ได้ค่ะ พ่อกับแม่เลยตัดสินใจว่าจะให้เราเรียน
คณะครุศาสตร์ มหาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งค่ะ แต่ว่าเราก็เชื่อเค้านะ เพราะเราไม่ทราบว่าตัวเองอยากเป็นอะไรตอนนั้น
คือเราค่อนข้างโลเลค่ะ เปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับอาชีพทุกๆปี ไม่ซ้ำกันซักปีค่ะ ตอนม.6 ที่เราเบนสายมาตามใจพ่อแม่เพราะ
สายแพทย์เราไปไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ขยันและไม่ได้เก่งถึงขั้นนั้นด้วย วิชาคณิต วิทย์ อะไรก็ไม่ได้เลยค่ะ คะแนนสอบเต็ม 100
ได้ 18 อะไรแบบนี้ เราแบบโอเค ตามแม่ พ่อแม่เค้าทำงานเกี่ยวกับฝ่ายบุคคลค่ะ เค้าก็เห็นว่าอาชีพนึงน่าสนใจ รายได้ดี งานมั่นคง
อ่ะ พอเราสอบติดแล้ว เราก็เข้าเรียนที่นั่นค่ะ แล้วก็ตามที่บอกข้างต้น เรากากมากในเทอมแรก แต่ก็ฟิต เพราะมีจิตที่ตั้งมั่น
ว่าจะต้องเป็นที่ 1 ของห้องให้ได้ แล้วก็ได้ที่ 1 จริงๆค่ะ แต่ได้ที่ 2 ของสาขานะคะ ต้นเหตุมันอยู่ตรงที่เราไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร
และเราตามใจพ่อแม่ จนเรียนมาได้ปีสุดท้าย อ่ะ โครงการครูคืนถิ่น สอบชิงทุน อะไรในชีวิตไม่เคยจะสอบได้เลยค่ะ
ตอนนี้ที่เราอยากรบกวนขอคำแนะนำคือ ระหว่างการเป็นครูนี้ หลังจากเรียนจบมา จะทำยังไงต่อไป
ช้อยส์แรก อยู่บ้าน อ่านหนังสือ รอสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู
ช้อยส์ที่สอง ไปสมัครเป็นครูอัตราจ้าง ที่โรงเรียนใกล้บ้าน
ช้อยส์ที่สาม ไปเป็นติวเตอร์ฝึกหัด ที่สถาบันหนึ่งในจังหวัดที่เคยไปเรียน
ตอนแรก พ่อกับแม่คือหวังในตัวเรามากๆค่ะ เราเป็นลูกคนเดียวด้วยอ่ะ แล้วทีนี้ เราฟิตเรียนจัดเกินไป ทำให้เราป่วยค่ะ
เพราะกดดันจากครอบครัว เครียดในเรื่องสังคม ภาระงานที่ได้รับมอบหมายก็เยอะ จนเป็นโรคนึงที่คนส่วนใหญ่ตอนนี้เป็นกันค่ะ
ก็คือ โรคซึมเศร้า ตอนนี้ก็ต้องรักษาค่ะ สองปีกว่าแล้วแต่ยังไม่หาย เพราะโรคนี้เป็นมานานค่ะ เราก็ค่อยๆโอเคกับชีวิตมากขึ้นนะ
หลังจากที่ได้บำบัดด้วยอะไรหลายๆอย่าง และมีการปรับพฤติกรรมทั้งเราและคนรอบข้างค่ะ พ่อกับแม่ก็เปลี่ยนไปค่ะ เค้าไม่คาดหวัง
อะไรจากเรามากเกินไป และเค้ายังช่วยหาทางเลือกซึ่งก็คือช้อยส์ต่างๆที่มาขอคำแนะนำค่ะ เค้าบอกว่า ถ้าเราได้บรรจุครู
งานก็มั่นคงดี รายได้ก็ดี เงินเดือนขึ้นเรื่อยๆ แต่เราอาจจะไม่มีอิสระมาก แถมยังต้องมีความรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างสูงด้วยค่ะ
เราเลยแบบ...กว่าจะสอบได้คงจะกินเวลาโขอยู่ เพราะเราไม่ขยันด้วย ช่วงนี้สมองเริ่มจะไม่เปิดรับอะไรแล้วค่ะ เรียนรู้อะไรใหม่ๆไป
ก็ลืม ปล่อยทิ้งทุกอย่าง ไม่ใส่ใจ ก็เลยไม่เครียดอะไรเลย ไม่รู้ว่ามันเป็นข้อดีหรือไม่ดีกันแน่ แต่ถ้าเราไปเป็นติวเตอร์
เราจะมีอิสระ เลือกเวลาสอน วันหยุด เอาตามความสะดวกของเราได้ ไม่มีใครบังคับ แค่รับผิดชอบการสอนตามวันเวลาที่เราจัดไว้ให้ได้
ก็พอค่ะ นี่แหละค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ว่าถ้าเราเป็นคนแบบนี้ เราเหมาะกับทางเลือกไหน ที่มันไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไปค่ะ
หรือว่าจะสมมติว่าเป็นตัวเองก็ได้นะคะ แล้วเลือกช้อยส์นั้นเพราะอะไร เราจะขอพิจารณาเหตุผลค่ะ เผื่อจะได้เอาไปเป็นวิธีคิดของเราต่อไป
ขอบคุณมากค่ะ
รบกวนขอคำแนะนำ เรื่องการประกอบอาชีพในอนาคตสำหรับนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบ
แต่ว่าปีนี้เป็นปีสุดท้ายของการเรียนแล้วค่ะ เจ้าของกระทู้เลยอยากจะรบกวนขอคำแนะนำสำหรับอาชีพในอนาคตค่ะ
คือเรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นคนที่เรียนรู้ได้ดีแต่ไม่ค่อยขยันเท่าที่ควรค่ะ ตอนเข้ามหาวิทยาลัย เทอมแรก เราก็เกรดไม่ดี
พ่อแม่ก็กดดันค่ะ เราก็ทำไงล่ะ พอพยายามฟิต ฟิตมากๆๆๆ ผลที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ เราสามารถทำข้อสอบได้และยัง
ได้คะแนนดีด้วยค่ะ ช่วงนั้นได้เกรดเฉลี่ยต่อเทอม 3.7+ (สำหรับเราคือมันเยอะมากๆแล้วค่ะ แต่สำหรับบางคนอาจจะไม่เนาะ)
เราก็ขยันมาก แต่พอลองย้อนกลับมาดูตัวเอง เราทำเพื่อใคร คำตอบคือ เพื่อพ่อแม่และครอบครัวค่ะ ไม่ใช่ตัวเราเอง
เพราะพวกเขาค่อนข้างจะกดดันเราเพื่อให้เราได้คะแนนดีๆ ทั้งก่อนหน้านี้ที่จะเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะได้หรอกค่ะ เพราะเราเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ เลยไม่เคยทบทวนบทเรียนอะไรเลย
สอบโควต้ามหาลัยดังๆไม่ได้เลย หรือจะเป็นสอบตรงมหาลัยทางภาคกลางก็ไม่ได้ค่ะ พ่อกับแม่เลยตัดสินใจว่าจะให้เราเรียน
คณะครุศาสตร์ มหาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งค่ะ แต่ว่าเราก็เชื่อเค้านะ เพราะเราไม่ทราบว่าตัวเองอยากเป็นอะไรตอนนั้น
คือเราค่อนข้างโลเลค่ะ เปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับอาชีพทุกๆปี ไม่ซ้ำกันซักปีค่ะ ตอนม.6 ที่เราเบนสายมาตามใจพ่อแม่เพราะ
สายแพทย์เราไปไม่ได้ค่ะ เพราะไม่ขยันและไม่ได้เก่งถึงขั้นนั้นด้วย วิชาคณิต วิทย์ อะไรก็ไม่ได้เลยค่ะ คะแนนสอบเต็ม 100
ได้ 18 อะไรแบบนี้ เราแบบโอเค ตามแม่ พ่อแม่เค้าทำงานเกี่ยวกับฝ่ายบุคคลค่ะ เค้าก็เห็นว่าอาชีพนึงน่าสนใจ รายได้ดี งานมั่นคง
อ่ะ พอเราสอบติดแล้ว เราก็เข้าเรียนที่นั่นค่ะ แล้วก็ตามที่บอกข้างต้น เรากากมากในเทอมแรก แต่ก็ฟิต เพราะมีจิตที่ตั้งมั่น
ว่าจะต้องเป็นที่ 1 ของห้องให้ได้ แล้วก็ได้ที่ 1 จริงๆค่ะ แต่ได้ที่ 2 ของสาขานะคะ ต้นเหตุมันอยู่ตรงที่เราไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร
และเราตามใจพ่อแม่ จนเรียนมาได้ปีสุดท้าย อ่ะ โครงการครูคืนถิ่น สอบชิงทุน อะไรในชีวิตไม่เคยจะสอบได้เลยค่ะ
ตอนนี้ที่เราอยากรบกวนขอคำแนะนำคือ ระหว่างการเป็นครูนี้ หลังจากเรียนจบมา จะทำยังไงต่อไป
ช้อยส์แรก อยู่บ้าน อ่านหนังสือ รอสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู
ช้อยส์ที่สอง ไปสมัครเป็นครูอัตราจ้าง ที่โรงเรียนใกล้บ้าน
ช้อยส์ที่สาม ไปเป็นติวเตอร์ฝึกหัด ที่สถาบันหนึ่งในจังหวัดที่เคยไปเรียน
ตอนแรก พ่อกับแม่คือหวังในตัวเรามากๆค่ะ เราเป็นลูกคนเดียวด้วยอ่ะ แล้วทีนี้ เราฟิตเรียนจัดเกินไป ทำให้เราป่วยค่ะ
เพราะกดดันจากครอบครัว เครียดในเรื่องสังคม ภาระงานที่ได้รับมอบหมายก็เยอะ จนเป็นโรคนึงที่คนส่วนใหญ่ตอนนี้เป็นกันค่ะ
ก็คือ โรคซึมเศร้า ตอนนี้ก็ต้องรักษาค่ะ สองปีกว่าแล้วแต่ยังไม่หาย เพราะโรคนี้เป็นมานานค่ะ เราก็ค่อยๆโอเคกับชีวิตมากขึ้นนะ
หลังจากที่ได้บำบัดด้วยอะไรหลายๆอย่าง และมีการปรับพฤติกรรมทั้งเราและคนรอบข้างค่ะ พ่อกับแม่ก็เปลี่ยนไปค่ะ เค้าไม่คาดหวัง
อะไรจากเรามากเกินไป และเค้ายังช่วยหาทางเลือกซึ่งก็คือช้อยส์ต่างๆที่มาขอคำแนะนำค่ะ เค้าบอกว่า ถ้าเราได้บรรจุครู
งานก็มั่นคงดี รายได้ก็ดี เงินเดือนขึ้นเรื่อยๆ แต่เราอาจจะไม่มีอิสระมาก แถมยังต้องมีความรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างสูงด้วยค่ะ
เราเลยแบบ...กว่าจะสอบได้คงจะกินเวลาโขอยู่ เพราะเราไม่ขยันด้วย ช่วงนี้สมองเริ่มจะไม่เปิดรับอะไรแล้วค่ะ เรียนรู้อะไรใหม่ๆไป
ก็ลืม ปล่อยทิ้งทุกอย่าง ไม่ใส่ใจ ก็เลยไม่เครียดอะไรเลย ไม่รู้ว่ามันเป็นข้อดีหรือไม่ดีกันแน่ แต่ถ้าเราไปเป็นติวเตอร์
เราจะมีอิสระ เลือกเวลาสอน วันหยุด เอาตามความสะดวกของเราได้ ไม่มีใครบังคับ แค่รับผิดชอบการสอนตามวันเวลาที่เราจัดไว้ให้ได้
ก็พอค่ะ นี่แหละค่ะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ว่าถ้าเราเป็นคนแบบนี้ เราเหมาะกับทางเลือกไหน ที่มันไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไปค่ะ
หรือว่าจะสมมติว่าเป็นตัวเองก็ได้นะคะ แล้วเลือกช้อยส์นั้นเพราะอะไร เราจะขอพิจารณาเหตุผลค่ะ เผื่อจะได้เอาไปเป็นวิธีคิดของเราต่อไป
ขอบคุณมากค่ะ