ต้องออกตัวก่อนว่าจขกท.ไม่ใช่หน้าม้านะคะ
แค่อยากมาชื่นชมร้าน KT Optic สาขาตลาดแม่เหียะ เชียงใหม่ ในฐานะลูกค้าคนนึงเท่านั้นค่ะ
..........................................
เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมา จขกท.ไปตัดแว่น progressive ครั้งแรกในชีวิต ด้วยความที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตามาก ทั้งปวดเบ้าตา ภูมิแพ้ขึ้นตา และตาแห้ง จึงอยากได้แว่นตาดีๆ ใส่สบาย ใส่ได้ทั้งวัน (เหมือนให้รางวัลปลอบใจตัวเอง) ก็เลยเลือกเลนส์ย่อบางน้ำหนักเบา 1.6 ตัดแสงสีฟ้า และเป็นเลนส์ auto ปรับสีด้วย
ราคาแว่นทำเอากระเป๋าเบา แต่เราผ่อน 0% 10 เดือนแน่ะ คิดว่าน่าจะช่วยให้ลืมๆราคาเต็มมันไปได้
สายตาเรามีครบทั้งสั้น ยาว เอียง แถมตาข้างซ้ายยังมองเห็นได้น้อยกว่าปกติ (ทราบจากการตรวจลานตา) แว่นตาดีๆน่าจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น
วัดสายตาเสร็จแล้ว เราก็เดินตัวเบาหวิวออกจากร้าน รอเวลาร้านโทรมาเรียกให้ไปรับของ ราวๆหนึ่งอาทิตย์
ระหว่างนั้นก็พูดคุยกับคนรอบข้าง ถึงประสบการณ์การใส่แว่น progressive ไปพลางๆ แต่.. คุณพระ! ทำไมพวกเค้าบ่นกันจัง เราจะเป็นหนึ่งในนั้นในอนาคตไม๊เนี่ย??
บางคนใส่แล้วเบลอมาก กลับไปที่ร้าน ร้านก็แค่ปรับขาแว่นให้ และบอกให้ปรับตัวให้เข้ากับแว่นให้ได้!!!!
บางคนทนไม่ได้ ทิ้งแว่นลงแม่น้ำ แล้วร้องว่า.. ปล่อยให้ไหลไป~ ให้ลอยลงสู่ทะเล ... แล้วหาแว่นใหม่ใส่แทน รวยจ้ะ ไม่เครียด (อันนี้คงใช้กับเราไม่ได้)
บางคนต้องไปให้ร้านคู่แข่งวัดค่าสายตาให้ใหม่ แล้วกลับไปวีนเหวี่ยงร้านเดิมว่าวัดค่าสายตาไม่ถูก ตัดให้ชั้นใหม่ซะดีๆ (แล้วก็ตัดให้ใหม่จริงๆ)
เราก็ได้แต่ภาวนา ขออย่าให้สิ่งร้ายๆนี้เกิดกับเราเลย.. พลีซซ
ยังไม่ครบกำหนด ร้านก็โทรมา..
วันนั้นเรารีบไปเอาแว่นทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำสระผม เพราะตั้งใจจะขัดห้องน้ำให้เสร็จก่อน แต่ไม่รอละ (ห้องน้ำก็ไม่ขัดละด้วย 555) ก็แหม.. มันตื่นเต้นนี่นา
และถึงแม้ว่าพนักงานวัดสายตาที่นั่นจะหน้าตา Oppa แค่ไหนก็ตาม สภาพเรายามปกติ หรือยามยายเพิ้งเข้าสิงก็ชราภาพไม่ต่างกัน อ่อยยังไงก็ไม่ขึ้น ตัดใจเสียแล้วรีบไปดูแว่นตากันดีกว่า
แต่แล้วก็เหมือนฝันร้าย.. เราปะทะกับความเบลอตั้งแต่ครั้งแรกที่สวมแว่นตา ในใจนึกกลัว แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าอาจจะไม่ชินเฉยๆ
"ลองดูสักหนึ่งอาทิตย์นะครับ ถ้าไม่ดีขึ้นก็กลับมาที่ร้าน เราจะหาค่าที่ดีที่สุดให้ครับ"
แม้พนักงานจะบอกแบบนั้น แต่เรากลับรู้สึกกลัว มีแต่คำพูดของเพื่อนๆดังเข้ามาแทนที่ในหัว..
"เค้าก็ปรับแค่ขาแว่นให้เท่านั้นแหล่ะ เราก็ต้องพยายามใส่"
"ถ้าทนได้ก็ทนใส่ ตาจะปรับเอง"
"แว่น progressive ไม่ผิดนะ คนใส่ผิดที่มองไม่เป็นเอง แต่ละระยะมันต้องมองให้ถูกว่าเนื้อเลนส์อยู่ตรงไหน"
"เสียค่าโง่ละ ใช้แว่นสองอันดีที่สุด ทำไมต้อง progressive"
... so sad ..
ที่แย่ที่สุด คือ เราใส่แว่นทำงานกับ computer ไม่ได้เลย เห็นตัวหนังสือซ้อนกัน ทั้งยังปวดเบ้าตามาก
ทนได้แค่สามวัน ก็ไปบ่นกับเพื่อน เพื่อนจึงแนะนำร้านแว่นตาร้านนึงให้เราไปวัดค่าสายตาใหม่ และเอาค่านั้นไปแจ้งกับทาง KT Optic เพื่อขอให้ตัดแว่นใหม่ แต่เรารู้สึกเกรงใจทั้งสองร้าน จึงตัดสินใจกลับไปที่ KT Optic อีกครั้ง ด้วยความหวังเล็กๆว่าเค้าจะสอนวิธีมองเลนส์ให้ตรงจุด หรือปรับขาแว่นให้เท่านั้น ไม่กล้าหวังมากกว่านี้เลย เพราะเลนส์ราคาแพงมาก ใครจะยอมตัดให้ใหม่..
แต่ทันทีที่เราบอกทางร้านว่าไม่โอเคกับแว่น ทั้งๆที่ยังใส่ไม่ครบอาทิตย์ เรากลับไม่ได้ยินเสียงตัดพ้อของพนักงานที่นั่น ไม่มีแม้แต่อาการทางสีหน้า เราถูกพาไปวัดค่าสายตาใหม่ทันที ซึ่งแน่นอน เป็นการวัดที่ละเอียดเหมือนครั้งแรกนั่นแหล่ะ แต่เราระมัดระวังในการตอบคำถามมากขึ้น ยามที่พนักงานเปลี่ยนเลนส์ และถามเราว่าอันไหนดีกว่า เราจะให้เค้าย้อนกลับเพื่อเปรียบเทียบให้แน่ใจทุกครั้ง
จะเรียกว่า surprise ก็ได้ หรืออาจจะเป็นภาพจำจากสิ่งที่ได้ยินมา ทำให้เราคิดว่าคงจะเจอเรื่องแย่ๆแบบเดียวกัน พอมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก็อดตื้นตันไม่ได้ แม้ว่าจะจ่ายเงินในราคาสูงลิ่วไปแล้วก็ตาม ก็รู้สึกขอบคุณสำหรับบริการดีๆที่มีให้เราจริงๆ
เมื่อสอบถามไปว่า มีอะไรผิดพลาดในครั้งแรก และต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ก็ได้รับคำตอบว่า เลนส์ที่จะตัดให้ใหม่นี้ จะลดค่าสายตาลงให้ และขยายพื้นที่ในส่วนของเลนส์ระยะกลางให้มากกว่าเดิม เพราะกิจกรรมหลักเราคือการทำงานกับ computer
ที่สำคัญคือ "ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ"
ค่าสายตาเดิม
ค่าสายตาใหม่
....ผ่านไปอีกเกือบหนึ่งอาทิตย์ วันนี้เราได้รับแว่นตากลับมาพร้อมเลนส์ใหม่ ที่ใส่แล้วสบายตามาก อ่านชัดใสแจว ไม่มีมวลความเบลอมาปะทะเหมือนคราวแรก รู้สึกดีใจที่ได้รับการเอาใส่ใจ ไม่ผลักไส หรือกดดันให้เราพยายามใส่แว่นตาที่ไม่พอดี เหมือนที่เคยได้ยินมา
หลายคนติงว่าเราจ่ายแพงเกินราคา แต่เราเชื่อว่า ราคาย่อมมาพร้อมกับคุณภาพและบริการที่ดี เหมือนที่เราได้รับครั้งนี้ ขอบคุณ KT Optic อีกครั้งนะคะ
ประสบการณ์ (ดีๆ) จากการตัดแว่น progressive ที่ KT Optic (ตลาดแม่เหียะ)
แค่อยากมาชื่นชมร้าน KT Optic สาขาตลาดแม่เหียะ เชียงใหม่ ในฐานะลูกค้าคนนึงเท่านั้นค่ะ
..........................................
เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมา จขกท.ไปตัดแว่น progressive ครั้งแรกในชีวิต ด้วยความที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตามาก ทั้งปวดเบ้าตา ภูมิแพ้ขึ้นตา และตาแห้ง จึงอยากได้แว่นตาดีๆ ใส่สบาย ใส่ได้ทั้งวัน (เหมือนให้รางวัลปลอบใจตัวเอง) ก็เลยเลือกเลนส์ย่อบางน้ำหนักเบา 1.6 ตัดแสงสีฟ้า และเป็นเลนส์ auto ปรับสีด้วย
ราคาแว่นทำเอากระเป๋าเบา แต่เราผ่อน 0% 10 เดือนแน่ะ คิดว่าน่าจะช่วยให้ลืมๆราคาเต็มมันไปได้
สายตาเรามีครบทั้งสั้น ยาว เอียง แถมตาข้างซ้ายยังมองเห็นได้น้อยกว่าปกติ (ทราบจากการตรวจลานตา) แว่นตาดีๆน่าจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น
วัดสายตาเสร็จแล้ว เราก็เดินตัวเบาหวิวออกจากร้าน รอเวลาร้านโทรมาเรียกให้ไปรับของ ราวๆหนึ่งอาทิตย์
ระหว่างนั้นก็พูดคุยกับคนรอบข้าง ถึงประสบการณ์การใส่แว่น progressive ไปพลางๆ แต่.. คุณพระ! ทำไมพวกเค้าบ่นกันจัง เราจะเป็นหนึ่งในนั้นในอนาคตไม๊เนี่ย??
บางคนใส่แล้วเบลอมาก กลับไปที่ร้าน ร้านก็แค่ปรับขาแว่นให้ และบอกให้ปรับตัวให้เข้ากับแว่นให้ได้!!!!
บางคนทนไม่ได้ ทิ้งแว่นลงแม่น้ำ แล้วร้องว่า.. ปล่อยให้ไหลไป~ ให้ลอยลงสู่ทะเล ... แล้วหาแว่นใหม่ใส่แทน รวยจ้ะ ไม่เครียด (อันนี้คงใช้กับเราไม่ได้)
บางคนต้องไปให้ร้านคู่แข่งวัดค่าสายตาให้ใหม่ แล้วกลับไปวีนเหวี่ยงร้านเดิมว่าวัดค่าสายตาไม่ถูก ตัดให้ชั้นใหม่ซะดีๆ (แล้วก็ตัดให้ใหม่จริงๆ)
เราก็ได้แต่ภาวนา ขออย่าให้สิ่งร้ายๆนี้เกิดกับเราเลย.. พลีซซ
ยังไม่ครบกำหนด ร้านก็โทรมา..
วันนั้นเรารีบไปเอาแว่นทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำสระผม เพราะตั้งใจจะขัดห้องน้ำให้เสร็จก่อน แต่ไม่รอละ (ห้องน้ำก็ไม่ขัดละด้วย 555) ก็แหม.. มันตื่นเต้นนี่นา
และถึงแม้ว่าพนักงานวัดสายตาที่นั่นจะหน้าตา Oppa แค่ไหนก็ตาม สภาพเรายามปกติ หรือยามยายเพิ้งเข้าสิงก็ชราภาพไม่ต่างกัน อ่อยยังไงก็ไม่ขึ้น ตัดใจเสียแล้วรีบไปดูแว่นตากันดีกว่า
แต่แล้วก็เหมือนฝันร้าย.. เราปะทะกับความเบลอตั้งแต่ครั้งแรกที่สวมแว่นตา ในใจนึกกลัว แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่าอาจจะไม่ชินเฉยๆ
"ลองดูสักหนึ่งอาทิตย์นะครับ ถ้าไม่ดีขึ้นก็กลับมาที่ร้าน เราจะหาค่าที่ดีที่สุดให้ครับ"
แม้พนักงานจะบอกแบบนั้น แต่เรากลับรู้สึกกลัว มีแต่คำพูดของเพื่อนๆดังเข้ามาแทนที่ในหัว..
"เค้าก็ปรับแค่ขาแว่นให้เท่านั้นแหล่ะ เราก็ต้องพยายามใส่"
"ถ้าทนได้ก็ทนใส่ ตาจะปรับเอง"
"แว่น progressive ไม่ผิดนะ คนใส่ผิดที่มองไม่เป็นเอง แต่ละระยะมันต้องมองให้ถูกว่าเนื้อเลนส์อยู่ตรงไหน"
"เสียค่าโง่ละ ใช้แว่นสองอันดีที่สุด ทำไมต้อง progressive"
... so sad ..
ที่แย่ที่สุด คือ เราใส่แว่นทำงานกับ computer ไม่ได้เลย เห็นตัวหนังสือซ้อนกัน ทั้งยังปวดเบ้าตามาก
ทนได้แค่สามวัน ก็ไปบ่นกับเพื่อน เพื่อนจึงแนะนำร้านแว่นตาร้านนึงให้เราไปวัดค่าสายตาใหม่ และเอาค่านั้นไปแจ้งกับทาง KT Optic เพื่อขอให้ตัดแว่นใหม่ แต่เรารู้สึกเกรงใจทั้งสองร้าน จึงตัดสินใจกลับไปที่ KT Optic อีกครั้ง ด้วยความหวังเล็กๆว่าเค้าจะสอนวิธีมองเลนส์ให้ตรงจุด หรือปรับขาแว่นให้เท่านั้น ไม่กล้าหวังมากกว่านี้เลย เพราะเลนส์ราคาแพงมาก ใครจะยอมตัดให้ใหม่..
แต่ทันทีที่เราบอกทางร้านว่าไม่โอเคกับแว่น ทั้งๆที่ยังใส่ไม่ครบอาทิตย์ เรากลับไม่ได้ยินเสียงตัดพ้อของพนักงานที่นั่น ไม่มีแม้แต่อาการทางสีหน้า เราถูกพาไปวัดค่าสายตาใหม่ทันที ซึ่งแน่นอน เป็นการวัดที่ละเอียดเหมือนครั้งแรกนั่นแหล่ะ แต่เราระมัดระวังในการตอบคำถามมากขึ้น ยามที่พนักงานเปลี่ยนเลนส์ และถามเราว่าอันไหนดีกว่า เราจะให้เค้าย้อนกลับเพื่อเปรียบเทียบให้แน่ใจทุกครั้ง
จะเรียกว่า surprise ก็ได้ หรืออาจจะเป็นภาพจำจากสิ่งที่ได้ยินมา ทำให้เราคิดว่าคงจะเจอเรื่องแย่ๆแบบเดียวกัน พอมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก็อดตื้นตันไม่ได้ แม้ว่าจะจ่ายเงินในราคาสูงลิ่วไปแล้วก็ตาม ก็รู้สึกขอบคุณสำหรับบริการดีๆที่มีให้เราจริงๆ
เมื่อสอบถามไปว่า มีอะไรผิดพลาดในครั้งแรก และต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ก็ได้รับคำตอบว่า เลนส์ที่จะตัดให้ใหม่นี้ จะลดค่าสายตาลงให้ และขยายพื้นที่ในส่วนของเลนส์ระยะกลางให้มากกว่าเดิม เพราะกิจกรรมหลักเราคือการทำงานกับ computer
ที่สำคัญคือ "ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ"
ค่าสายตาเดิม
ค่าสายตาใหม่
....ผ่านไปอีกเกือบหนึ่งอาทิตย์ วันนี้เราได้รับแว่นตากลับมาพร้อมเลนส์ใหม่ ที่ใส่แล้วสบายตามาก อ่านชัดใสแจว ไม่มีมวลความเบลอมาปะทะเหมือนคราวแรก รู้สึกดีใจที่ได้รับการเอาใส่ใจ ไม่ผลักไส หรือกดดันให้เราพยายามใส่แว่นตาที่ไม่พอดี เหมือนที่เคยได้ยินมา
หลายคนติงว่าเราจ่ายแพงเกินราคา แต่เราเชื่อว่า ราคาย่อมมาพร้อมกับคุณภาพและบริการที่ดี เหมือนที่เราได้รับครั้งนี้ ขอบคุณ KT Optic อีกครั้งนะคะ