ชมพู ฟรุ๊ตตี้
https://bit.ly/2nO7w73
สุทธิพงษ์ วัฒนจัง หรือที่รู้จักในชื่อว่า
"ชมพู ฟรุ๊ตตี้" เกิดวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ชื่อเล่น
"ชมพู" ตั้งตามชื่อของ
"คุณชมพู อรรถจินดา" ทนายความชื่อดัง เป็นบุตรคนสุดท้องคนที่ 6 ของครอบครัว และมีพี่ต่างมารดา 4 คน บิดาประกอบอาชีพช่างตัดเสื้อ มารดาประกอบอาชีพครู สำเร็จการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนวรบุตรวิทยา ก่อนที่จะย้ายไปศึกษาต่อชั้นป.6 ที่โรงเรียนเซนต์จอห์น เมื่อจบการศึกษามศ.3 คุณชมพูได้เข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพ และจบการศึกษาชั้นอุดมศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
คุณชมพูมีเชื้อสายอังกฤษจากทางคุณพ่อ เนื่องจากแท้จริงแล้วคุณปู่เป็นช่างตัดเสื้อชาวอังกฤษที่ถูกเกณฑ์เพื่อมาร่วมรบในสงคราม จนได้มาพบรักกับหญิงสาวชาวไทย ซึ่งเป็นคุณย่าของคุณชมพู เมื่อมีคุณพ่อ คุณปู่ได้เผยแพร่วิชาการตัดเสื้อให้แก่ท่าน แต่คุณชมพูใช้นามสกุลวัฒนจัง ซึ่งเป็นนามสกุลพ่อแม่บุญธรรมของคุณพ่อ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณชมพูมี 2 นามสกุล คือนามสกุล
"วัฒนจัง" และ นามสกุล
"Kenny" ซึ่งเป็นนามสกุลของคุณปู่
ในวัยเด็กคุณชมพูเป็นเด็กที่มีลักษณะนิสัยซุกซน ไม่อยู่นิ่ง คุณชมพูมักมีนิสัยที่มักจะนำนาฬิกา หรืออุปกรณ์กลไกต่างๆ มาแกะแยกชิ้นส่วนเล่นอยู่เสมอ อีกทั้งในช่วงป. 1 ขณะเวลาคาบเรียน คุณชมพูได้ออกนอกห้องเพื่อปีนต้นไม้เล่นทำให้ในวัยเด็กคุณชมพูมักถูกเรียกว่า
"เห้งเจีย" เนื่องจากความซุกซน ไม่อยู่นิ่งของเขามีความคล้ายคลึงกับลิงเห้งเจียหรืออีกชื่อที่รู้จักกันในนามว่า
"หงอคง"
เดิมทีคุณชมพูอาศัยอยู่ที่ซอยสังข์ทอง และย้ายไปอยู่ซอยเปี่ยมสุขตามลำดับ เมื่ออายุได้ 7 ขวบ ครอบครัวของคุณชมพูได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่แฟลตดินแดน ทำให้แม่ของคุณชมพูมีความเป็นห่วงถึงสภาพแวดล้อมที่อาจจะพาลูกของตนออกนอกลู่นอกทาง แต่เมื่อคุณชมพูเริ่มมีความสนใจทางด้านดนตรีตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยมีวง
"The impossible" เป็นวงดนตรีในดวงใจ จนคุณแม่ได้สังเกตุเห็นถึงความสนใจทางด้านดนตรีของเขา เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงสนับสนุนลูกชายของเธออย่างเต็มที่
นอกจากความชื่นชอบส่วนตัวและการสนับสนุนจากทางคุณแม่แล้วนั้น สิ่งที่มีอิทธิพลต่อเขาเป็นอย่างยิ่งคือรุ่นพี่ที่อาศัยอยู่แฟลตข้างห้อง
ขณะที่เด็กชายชมพูวัย 9 ขวบกำลังนอนคุดขู้อยู่ในห้องแฟลตทรงสี่เหลี่ยม เขาได้ยินเสียงดนตรีดังแว่ว เสียงที่ลอยมากระทบโสตประสาทของเด็กชายชมพูดังมากพอจนสามารถจับใจความได้ เสียงดนตรีเหล่านี้ได้กระตุ้นบางสิ่งบางอย่างที่แฝงอยู่ภายในตัวของเด็กชายชมพูวัย 9 ขวบคนนี้
fb passakorn sukchaiwrangkun
คุณชมพูได้รับการฝึกฝนทางด้านดนตรีจากพี่ๆ ที่อาศัยอยู่แฟลตข้างห้อง ในช่วงแรกนั้นคุณชมพูจะมีหน้าที่เป็นคนไปซื้อน้ำและอาหารตามคำสั่งของพวกพี่ๆ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการสอนดนตรี เมื่อรุ่นพี่ฝึกซ้อมดนตรีเสร็จ คุณชมพูจะขอยืมกีต้าร์เพื่อนำมาฝึกซ้อม
ภาพของเด็กชายชมพูวัย 9 ขวบที่กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นกีต้าร์จนไม่ออกไปไหนเฉกเช่นเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันสะกิดใจของมารดา
เมื่อมีลูกพี่ลูกน้องนำกีต้าร์มาจำนำ เธอจึงรับจำนวนกีต้าร์ตัวนั้นเพื่อนำไปให้ลูกชายตัวน้อยที่กำลังหลงใหลในเครื่องดนตรีชิ้นนี้
เมื่อได้กีต้าร์เครื่องดนตรีสุดโปรดมาอยู่ในกำมือ ตั้งแต่นั้นเมื่อเลิกเรียนคุณชมพูจะรีบกลับบ้านเพื่อมาเล่นกีต้าร์ที่เขารัก ความรักความชื่นชอบในดนตรีทำให้คุณชมพูได้เข้าไปสมัครเรียนสอนดนตรีในยุคนั้น อย่าง โรงเรียนสยามกลการ และโรงเรียนเวชสวรรค์การดนตรี
เมื่อย่างเข้าวัย 10 ขวบ เป็นครั้งแรกที่คุณชมพูได้มีโอกาสแต่งเพลงอย่างจริงจัง และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ฝีมือทางดนตรีของคุณชมพูเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนเป็นครั้งแรก เมื่อทางโรงเรียนเวชสวรรค์การดนตรีได้ส่งเขาเข้าสู่เวทีประกวดโฟล์คซองชิงถ้วยพระราชทาน เพื่อเล่นโชว์ช่วงพักนับคะแนนเท่านั้น แม้จะเป็นการเล่นโชว์ในช่วงพักนับคะแนน แต่ฝีมือทางด้านดนตรีของคุณชมพูกลับโดดเด่น จนทำให้ทางวงชาตรีเห็นแววชักชวนคุณชมพูมาร่วมเล่นดนตรี แต่ทางแม่คุณชมพูเห็นว่าคุณชมพูอายุยังไม่มากนัก จึงไม่ได้ให้คุณชมพูเข้าร่วมกับวงชาตรี
วันเวลาผ่านไปจนถึง ณ ตอนที่คุณชมพูอยู่ประมาณชั้น ป.5 ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมทัศนศึกษาถ้ำกระบอก คุณชมพูได้นำเอากีต้าร์คู่ใจไปพร้อมกับการเดินทางในครั้งนี้ จนกระทั่งเมื่อคุณชมพูและเพื่อนๆ ได้ไปถึงยังที่หมาย ในขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ กำลังเดินเที่ยวชมสถานที่อย่างเพลิดเพลิน คุณชมพูเกิดหลงทางจึงได้นำกีต้าร์คู่ใจของตนขึ้นมาเล่น ท่ามกลางผู้คนที่กำลังสัญจรไปมา นับตั้งแต่วันนั้นคุณชมพูก็กลายเป็นคนดังที่มักถูกพูดถึงความชื่นชอบในการเล่นกีต้าร์
จนคุณชมพูได้รับสมญานามว่า
"ไอ้กีต้าร์"
เวลาไปไหนมาไหนผู้คนในโรงเรียนมักเรียกขานเขาในสมญานามนี้เสมอ เมื่อโด่งดังเป็นคนรู้จักในแวดวงสังคมของโรงเรียน คุณชมพูมีความคิดว่ากีต้าร์นั้นทำให้ตนเองมีตัวตน ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเครื่องดนตรีกีต้าร์ยิ่งมีมากยิ่งขึ้น
ภาพสมัยเล่นดนตรีในนามวงนานา
ig chompufruity
ขณะคุณชมพูอายุได้ประมาณ 12-13 ปี คุณชมพูได้มีโอกาสมีผลงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง เมื่อรุ่นพี่จากโรงเรียนเซนต์จอห์นชักชวนเขาไปออกเทปอยู่ประมาณ 3 ชุด ในนามของวง "นานา" โชคไม่ดีที่ผลงานไม่ประสบความสำเร็จทำให้ไม่มีใครจดจำและรู้จักเขาจากผลงานเพลงชิ้นนี้
เมื่อขึ้นชั้นมศ.3 คุณชมพูร่วมตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนในนามว่า "VSOP" ซึ่งเป็นชื่อของเหล้าชนิดหนึ่ง โดยมีชื่อวง "VIP" เป็นต้นแบบ อีกทั้งชื่อวงยังคล้องกับชื่อของสมาชิกทุกคนในวงอีกด้วย แต่เมื่อใช้ชื่อวงนี้ไป สมาชิกเห็นว่าพวกเขาทุกคนไม่ดื่มเหล้า หากตั้งชื่อวงในลักษณะนี้คงไม่เป็นการดี ประกอบกับในช่วงนั้น "วง Oueen" วงดนตรีสากลจากต่างประเทศกำลังเป็นที่โด่งดัง และมีคนได้กล่าวไว้ว่าพวกเขาคือ "ราชาในนามของราชินี" สมาชิกในวงของคุณชมพูจึงได้ตั้งชื่อวงใหม่ว่า "Princess" เพื่อให้คล้องกับชื่อของวง Oueen
หาก Queen คือเจ้าชายในนามของราชินี พวกเขาก็จะขอเป็นเจ้าชายในนามของเจ้าหญิงแต่เจ้าชายในนามของเจ้าหญิงอยู่เพียงไม่นานนักก็จำเป็นต้องสละบัลลังก์ เพราะเมื่อสำเร็จการศึกษาชั้นมศ. 3 สมาชิกเจ้าชายในวงต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตนเอง
ig chompufruity
คุณชมพูก็เช่นกัน เมื่อสำเร็จการศึกษาชั้นมศ.3 คุณชมพูได้เข้าศึกษาต่อที่ช่างอุตสาหกรรมกรุงเทพฯ
คุณชมพูได้รวบรวมสมาชิกที่กระจัดกระจายแยกย้ายไปคนละทางเพื่อเข้าร่วมประกวดดนตรีที่โอเชี่ยนพระขโนง เพราะมี "คุณปราจีน ทรงเผ่า" นักดนตรีและนักแต่งเพลงวง The impossible วงดนตรีในดวงของคุณชมพู แต่สุดท้ายพวกเขากลับต้องสละสิทธิ์เนื่องจากติดงานเล่นดนตรีให้ร้านอาหารที่อยู่ใกล้สถานที่ประกวด
ตอนนั้นเองเขาก็ได้เริ่มเล่นดนตรีโฟล์คซองให้กับทางศาลาโฟรโมสต์ จนเมื่อโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เขาได้เล่นดนตรี ณ ศาลาโฟรโมสต์ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของ "คุณปิง ฟรุ๊ตตี้" มือเบส "วงฟรุ๊ตตี้" วงดนตรีที่มีชื่อเสียงมากระดับหนึ่งในยุคนั้น
คราใดที่เห็นคุณปิง คุณชมพูมักจะมีความคิดที่อยากจะเข้าไปร่วมวงฟรุตตี้อยู่เสมอ ท้ายที่สุดแล้วความต้องการของเขาก็สำริดผล
เพจภาพเก่าวันวาน
ในวันหนึ่งขณะที่คุณชมพูเล่นดนตรีตามปกติ เมื่อลงจากเวทีได้มีคนเข้ามาคุยกับคุณชมพูว่า คุณปิงมีเรื่องที่ต้องการจะคุยกับเขา เมื่อทราบดังนั้นคุณชมพูรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะตนมีความต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกในวงฟรุตตี้ เมื่อเข้าไปพูดคุยกับทางคุณปิง คุณชมพูตัดสินใจรับคำชักชวนของคุณปิงโดยไม่ลังเล
เมื่อเข้าร่วมกับทางวงฟรุตตี้ที่มีแนวทางเพลงร็อค ซึ่งขัดกับแนวทางที่ผ่านมาของคุณชมพูที่ร้องเพลงแนวโฟล์คซอง ส่งผลให้เมื่อร้องเพลงเสียงของคุณชมพูพลังไม่มากพอที่จะสามารถขับร้องเพลงร็อคให้ออกมาได้ดี อีกทั้งคุณชมพูต้องร้องเพลงถึง 4 ที่ภายในคืนเดียวส่งผลให้เสียงของคุณชมพูแหบแห้ง
เมื่อได้พลิกจากแนวทางที่ตนเคยดำรงมาเป็นอีกแนวทางที่ผิดแผกออกไป ทำให้คุณชมพูไม่สามารถปรับตัวกับการร้องเพลงแนวร็อคได้ดีพอ ทำให้มีคน
ติติงถึงเสียงของเขา เมื่อได้ยินดังนั้นคุณชมพูจึงคิดลาออกจากวงเพราะคิดว่าที่นี่คงไม่เหมาะกับตน แต่คุณปิงได้ปรามไว้ โดยให้เหตุผลว่าหากมีคนติติงถึงน้ำเสียงที่ไม่หนักแน่นของเขา ทำไมเขาถึงไม่ฝึกฝนให้เสียงของเขามีพลังขึ้นเล่า
คิดได้ดังนั้นคุณชมพูจึงหวนนึกถึงคำแนะนำของอาถึงวิธีการเกร็งกระบังลมเพื่อทำให้เสียงมีพลังยิ่งขึ้น จากนั้นคุณชมพูจึงฝึกฝนการใช้เสียงจนสามารถทำให้เสียงของคุณชมพูสามารถมีพลังมากพอจะร้องเพลงร็อคได้ในที่สุด
https://bit.ly/2oBi7Tu
จากการเป็นนักร้องนักดนตรีตามร้านอาหาร ตามผับ ตามบาร์ ก้าวเข้าสู่เส้นทางการนักร้องนักดนตรีที่มีผลงานออกเทปกับทางค่ายเพลงชื่อก้อง เมื่อวงฟรุ๊ตตี้ได้เข้าร่วมเป็นวงดนตรีในสังกัดของอาร์เอสจากการชักนำของอาจารย์บุญสม และมีผลงานอัลบั้มชุดแรก ในปี พ.ศ. 2526 กับทางค่ายในชื่อชุด "เหมือนนกไร้ปีก"
https://bit.ly/2nO7w73
พ.ศ. 2527 คุณชมพูได้เป็นนักร้องในอัลบั้มชุด
"รวมดาว" ซึ่งเป็นอัลบั้มที่นำนักร้องวัยรุ่นชื่อดังมาร่วมร้องเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุงยุคเก่า เพลงละ 1 คู่ โดยคุณชมพูได้คู่กับ "คุณบุ๋ม จุฑามาศ อิสสรานุกฤต" นักร้องสาวจากวงปุยฝ้าย ในบทเพลง "นกเขาคูรัก" ซึ่งในภายหลังทั้งคู่ได้กลายมาเป็นคู่ชีวิตกันในที่สุด ส่วนทางด้านผลงานในนามของวงฟรุ๊ตตี้ ทางวงได้ออกอัลบั้มชุด "คนข้างเคียง" อีกทั้งในปีเดียวกันคุณชมพูยังได้รับงานแสดงชิ้นแรกในภาพยนตร์เรื่อง "ชมพู่แก้มแหม่ม" อีกด้วย
ปีถัดมา พ.ศ. 2528 ฟรุ๊ตตี้ได้ออกอัลบั้มชุด
"รวมดาว 2" กับคุณบุ๋มเช่นเคยในอัลบั้มชุดนี้ทั้งสองกลับมาในเพลง
"พ่อแง่-อน" อีกทั้งวงฟรุตตี้ยังได้ออกผลงานอัลบั้มในชื่อชุดว่า
"2 สไตล์"
https://bit.ly/2nO7w73
จากนั้นทางฟรุตตี้ได้ออกอัลบั้มชุด
"รอยนิรันดร์" มกราคม พ.ศ. 2529
"อยากบอกรัก" มกราคม พ.ศ. 2530
ประวัติความเป็นมาชีวิตของ "ชมพู ฟรุ๊ตตี้" สุดยอดนักแต่งเพลงประกอบละครในตำนาน
คุณชมพูมีเชื้อสายอังกฤษจากทางคุณพ่อ เนื่องจากแท้จริงแล้วคุณปู่เป็นช่างตัดเสื้อชาวอังกฤษที่ถูกเกณฑ์เพื่อมาร่วมรบในสงคราม จนได้มาพบรักกับหญิงสาวชาวไทย ซึ่งเป็นคุณย่าของคุณชมพู เมื่อมีคุณพ่อ คุณปู่ได้เผยแพร่วิชาการตัดเสื้อให้แก่ท่าน แต่คุณชมพูใช้นามสกุลวัฒนจัง ซึ่งเป็นนามสกุลพ่อแม่บุญธรรมของคุณพ่อ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณชมพูมี 2 นามสกุล คือนามสกุล "วัฒนจัง" และ นามสกุล "Kenny" ซึ่งเป็นนามสกุลของคุณปู่
ในวัยเด็กคุณชมพูเป็นเด็กที่มีลักษณะนิสัยซุกซน ไม่อยู่นิ่ง คุณชมพูมักมีนิสัยที่มักจะนำนาฬิกา หรืออุปกรณ์กลไกต่างๆ มาแกะแยกชิ้นส่วนเล่นอยู่เสมอ อีกทั้งในช่วงป. 1 ขณะเวลาคาบเรียน คุณชมพูได้ออกนอกห้องเพื่อปีนต้นไม้เล่นทำให้ในวัยเด็กคุณชมพูมักถูกเรียกว่า "เห้งเจีย" เนื่องจากความซุกซน ไม่อยู่นิ่งของเขามีความคล้ายคลึงกับลิงเห้งเจียหรืออีกชื่อที่รู้จักกันในนามว่า "หงอคง"
เดิมทีคุณชมพูอาศัยอยู่ที่ซอยสังข์ทอง และย้ายไปอยู่ซอยเปี่ยมสุขตามลำดับ เมื่ออายุได้ 7 ขวบ ครอบครัวของคุณชมพูได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่แฟลตดินแดน ทำให้แม่ของคุณชมพูมีความเป็นห่วงถึงสภาพแวดล้อมที่อาจจะพาลูกของตนออกนอกลู่นอกทาง แต่เมื่อคุณชมพูเริ่มมีความสนใจทางด้านดนตรีตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยมีวง "The impossible" เป็นวงดนตรีในดวงใจ จนคุณแม่ได้สังเกตุเห็นถึงความสนใจทางด้านดนตรีของเขา เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงสนับสนุนลูกชายของเธออย่างเต็มที่
นอกจากความชื่นชอบส่วนตัวและการสนับสนุนจากทางคุณแม่แล้วนั้น สิ่งที่มีอิทธิพลต่อเขาเป็นอย่างยิ่งคือรุ่นพี่ที่อาศัยอยู่แฟลตข้างห้อง
เมื่อได้กีต้าร์เครื่องดนตรีสุดโปรดมาอยู่ในกำมือ ตั้งแต่นั้นเมื่อเลิกเรียนคุณชมพูจะรีบกลับบ้านเพื่อมาเล่นกีต้าร์ที่เขารัก ความรักความชื่นชอบในดนตรีทำให้คุณชมพูได้เข้าไปสมัครเรียนสอนดนตรีในยุคนั้น อย่าง โรงเรียนสยามกลการ และโรงเรียนเวชสวรรค์การดนตรี
เมื่อย่างเข้าวัย 10 ขวบ เป็นครั้งแรกที่คุณชมพูได้มีโอกาสแต่งเพลงอย่างจริงจัง และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ฝีมือทางดนตรีของคุณชมพูเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนเป็นครั้งแรก เมื่อทางโรงเรียนเวชสวรรค์การดนตรีได้ส่งเขาเข้าสู่เวทีประกวดโฟล์คซองชิงถ้วยพระราชทาน เพื่อเล่นโชว์ช่วงพักนับคะแนนเท่านั้น แม้จะเป็นการเล่นโชว์ในช่วงพักนับคะแนน แต่ฝีมือทางด้านดนตรีของคุณชมพูกลับโดดเด่น จนทำให้ทางวงชาตรีเห็นแววชักชวนคุณชมพูมาร่วมเล่นดนตรี แต่ทางแม่คุณชมพูเห็นว่าคุณชมพูอายุยังไม่มากนัก จึงไม่ได้ให้คุณชมพูเข้าร่วมกับวงชาตรี
วันเวลาผ่านไปจนถึง ณ ตอนที่คุณชมพูอยู่ประมาณชั้น ป.5 ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมทัศนศึกษาถ้ำกระบอก คุณชมพูได้นำเอากีต้าร์คู่ใจไปพร้อมกับการเดินทางในครั้งนี้ จนกระทั่งเมื่อคุณชมพูและเพื่อนๆ ได้ไปถึงยังที่หมาย ในขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ กำลังเดินเที่ยวชมสถานที่อย่างเพลิดเพลิน คุณชมพูเกิดหลงทางจึงได้นำกีต้าร์คู่ใจของตนขึ้นมาเล่น ท่ามกลางผู้คนที่กำลังสัญจรไปมา นับตั้งแต่วันนั้นคุณชมพูก็กลายเป็นคนดังที่มักถูกพูดถึงความชื่นชอบในการเล่นกีต้าร์
จนคุณชมพูได้รับสมญานามว่า "ไอ้กีต้าร์"
เวลาไปไหนมาไหนผู้คนในโรงเรียนมักเรียกขานเขาในสมญานามนี้เสมอ เมื่อโด่งดังเป็นคนรู้จักในแวดวงสังคมของโรงเรียน คุณชมพูมีความคิดว่ากีต้าร์นั้นทำให้ตนเองมีตัวตน ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเครื่องดนตรีกีต้าร์ยิ่งมีมากยิ่งขึ้น
ติติงถึงเสียงของเขา เมื่อได้ยินดังนั้นคุณชมพูจึงคิดลาออกจากวงเพราะคิดว่าที่นี่คงไม่เหมาะกับตน แต่คุณปิงได้ปรามไว้ โดยให้เหตุผลว่าหากมีคนติติงถึงน้ำเสียงที่ไม่หนักแน่นของเขา ทำไมเขาถึงไม่ฝึกฝนให้เสียงของเขามีพลังขึ้นเล่า
คิดได้ดังนั้นคุณชมพูจึงหวนนึกถึงคำแนะนำของอาถึงวิธีการเกร็งกระบังลมเพื่อทำให้เสียงมีพลังยิ่งขึ้น จากนั้นคุณชมพูจึงฝึกฝนการใช้เสียงจนสามารถทำให้เสียงของคุณชมพูสามารถมีพลังมากพอจะร้องเพลงร็อคได้ในที่สุด
"อยากบอกรัก" มกราคม พ.ศ. 2530