คันไซทริป-ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่รัก Part 1 น้ำตก Nachi กับ เส้นทางแสวงบุญ Kumano Kodo และ hidden gem Cafe

ทริปนี้ตามหาใบไม้เปลี่ยนสี ที่ภูมิภาค คันไซ กันนะครับ

สวัสดีครับทริปนี้เราเดินทางในช่วง ต้นเดือนธันวาคม 
โดยเราบินจาก กรุงเทพไปลงที่คันไซ โอซาก้า โดยเราจะไปเที่ยวกันแบบเหนือใต้และกลางของคันไซ เลยนะครับ 
โดยขออนุญาตแบ่งเป็น 3 รีวิวการเดินทางย่อยๆ3 รีวิวนะ
เริ่มเที่ยวทางใต้ของเขตคันไซก่อน เพื่อที่จะไปน้ำตกนาชิ ที่จังหวัดวากายามา
จากนั้นเราก็จะขึ้นไปทางเหนือเกือบของเขตคันไซ โดยเราจะไปที่เมือง kinosaki onsen
และสุดท้ายก็กลับมาที่ เกียวโต ก่อนกลับไทยครับ
สำหรับรีวิวอันแรกนี้เราจะเริ่มกันด้วยการพาไปเที่ยวที่ เมือง นาชิคัสสึอูระ (Nachikatsuura) ที่วากายามา ซึ่งอยู่ทางใต้ของภูมิภาคคันไซ
ผมให้ชื่อ รีวิวนี้ว่า 
คันไซทริป-ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่รัก Part 1 น้ำตก Nachi กับ เส้นทางแสวงบุญ Kumano Kodo และ hidden gem Cafe

โดยเดินทางจากสถานี Shin-Osaka โดยสารรถไฟ LTD. EXP KUROSHIO ไปลงที่สถานี Kiikatsuura
ราคาประมาณ 7000  JPY ใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่า 
เราเลือกที่จะนอน1คืนที่โรงแรมไม่ไกลจากสถานี Kiikatsuura
เพื่อที่จะตื่นแต่เช้าไปเที่ยวตามconcept คือ เที่ยวแต่เช้า แสงสวย/คนน้อย
ตอนเช้าแล้วครับอากาศดี วิวนอกหน้าต่างนี่แสงยังไม่มาเลย แต่ก็ดูทรงแล้วไม่เจอฝนชัวร์ อันนี้ถือว่าสวรรค์

โดยกิจกรรมในวันนี้คือ

Kumano Kodo เป็น เส้นทางศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ถูกนำมาใช้เพื่อแสวงบุญไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ "Kumano Sanzan"
หรือศาลเจ้าสามแห่งแห่ง Kumano: Kumano Hongu Taisha, Kumano Nachi Taisha และ
Kumano Hayatama Taisha รวมถึง น้ำตกนาชิ ซึ่งใน 2004 เส้นทางแสวงบุญ Kumano Kodo ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO
"เส้นทางศักดิ์สิทธิ์และเส้นทางแสวงบุญในเทือกเขาKii"

สำหรับวันนี้เราเลือกที่จะใช้ที่ One Day pass ซึ่งราคา One Day pass เนี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 JPY ถ้าจำไม่ผิดนะ
ซึ่งสถานีรถบัสก็จะอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟที่เรามาลงกันเมื่อวานนั่นแหละ
เรามาถึงที่นี่ก่อนเวลาพอสมควร ที่รถบัสจะออกอากาศดีแสงแดดสวย


แถวๆสถานีมี onsen แบบ foot bath ด้วยนะครับ แช่เท้าเพลินๆได้
ผมก็เดินถ่ายรูปเล่นๆก็เจอน้องหมาชิบะนั่งอาบแดดอยู่ตรงหน้าบ้าน ใจอยากเข้าไปเล่นด้วยแต่กลัวน้องกัด

จากนั้นขึ้นรถ Kumano Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย naki no taki mae ใช้เวลา 30 นาที 
ซึ่งโดยปกติแล้วในการเดินแสวงบุญเค้ามักจะเริ่ม ที่ Diamondzaka แล้วเดินสู่เส้นทางแสวงบุญไปจบที่น้ำตกนาชิ
แต่เราเลือกที่จะไปที่น้ำตกนาชิก่อนเลยแล้วเดินย้อนกลับมาที่ Diamondzaka ครับ
ผมไปลงรถที่ป้าย naki no taki mae ก็ สอย softcream มาสักนึงอันเลยจ้า
แล้วเดินต่อ 5 นาทีการเดินเข้าไปดูน้ำตกนาชิ กัน 

ด้านล่างนี่เป็นแผนที่ ที่เราจะเดินกันในวันนี้โดยเราจะเริ่มกันที่ บริเวณด้านใต้ของน้ำตกเพื่อที่จะไปดูน้ำตกในระยะใกล้ชิด 


เราก็เดินไปเรื่อยๆ 2 ข้างทางเป็นป่าสน  

ถึงแหละครับ น้ำตกนาชิ  อมยิ้ม01

โดยที่ น้ำตกนาชิ เนี๊ย 
สูง 133เมตรที่ตกลงมา น้ำตกที่ไหลต่อเนื่องชั้นเดียวที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
ซึ่งตั้งอยู่บริเวณฐานน้ำตกแล้วไม่พียงแต่จะรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกแห่งนี้เท่านั้น
หากแต่ยังจะได้รู้สึกสดชื่นกับน้ำตกได้ชำระล้างจิตใจใสสะอาดไปด้วยน้ำที่ไหลตกลงมานี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น
"น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นยาอายุวัฒนะ" ซึ่งสามารถดื่มได้จริง ซึ่งด้านซ้ายมือของ น้ำตกก็จะมีศาลเจ้าเล็กๆอยู่ ให้เราเข้าไปสักการะได้ครับ
 

เดินไปเรื่อยๆ กับแดดอ่อนๆ กับรูปถ่าย ย้อนแสง Flare กระจาย
จากนั้นก็เดินขึ้นไปด้านบนตามทางเพื่อที่จะไป วัดเซกันโทจิ (Seigantochi Temple)
ถึงแหละครับ สวยจริงอะไรจริง เจดีย์ 3 ชั้นของวัด เซกันโทจิ โดยมีฉากหลังเป็น น้ำตก นาชิ
สีส้มของเจดีย์ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ และ สีฟ้าของท้องฟ้ามาก........ 
.........กับมุมนี้เป็นมุมยอดนิยม .................


อันนี้ก็มุมยอดนิยม..............................

เดินยาวๆ ไป เราเดินต่อไปที่ Kumano Hayatama Taisha เป็นศาลเจ้าชินโต
อย่างที่บอก รีวิวสีคุมโทนมัน ส้ม ฟ้า และเขียว ตามรูปเลยครับ 


เสา Torii ก่อนเข้าศาลเจ้าครับ 


เดินชิลๆ ไปเรื่อยนี่ก็มาเจอ ใบไม้ปลี่ยนสีบ้าง แอบดีใจไม่น้อย 

เสร็จจากศาลเจ้าแล้ว ผมก็เดิน ต่อจากศาลเจ้าไป ที่ Daimonzaka โดยใช้เส้นทางแสวงบุญ เดินข้าไปในป่าสน 
ซึ่งเค้าว่ากันว่า ป่าสนแถวนี้มีอายุประมาณพันกว่าปี ซึ่งดูจากต้นไม้แล้วก็น่าจะจริง ให้อารมณ์ในการเดินแสวงบุญจริงๆ
มันเงียบสงบเย็น ไร้ผู้คนจริงๆ 



ผมใช้ เวลาเดิน ประมาณ 30-40 นาทีน่าจะได้ ถ้าจำไม่ผิด ซึ่งเล่นเอาหอบเลยทีเดียว  แนะนำนะครับสำคัญเลยคือ 
ต้องใส่รองเท้าเหมาะแก่การเดินป่านะครับ เพราะทางเดิน ปูด้วยหินเดินค่อนข้างลำบาก

ข้อสังเกตคือในสมัยโบราณการเดินแสวงบุญชาวญี่ปุ่นจะใส่ชุดโบราณในยุคเฮอัน ซึ่งในปัจจุบันเราก็จะเห็นคนญี่ปุ่น
ใส่ชุดแบบนี้ในการเดิน แสวงบุญด้วย โดยมีร้านให้เช่าชุดอยู่ตรงปากทางเข้าครับ แถว diamonzaka
หลังจากเดินเสร็จผมลงมารอรถบัสกลับ ที่ป้าย diamonzaka เพื่อกลับไปที่สถานีรถไฟ Kikatsuura ขึ้นรถไฟกลับไป Kyoto 
แต่เนื่องจาก รอเวลารถมาอิก1ชม. ก็แอบเห็นคาเฟ่ ชิลๆ อยู่ด้านหลัง ป้ายรถเมล์อยู่ลิบๆ ชื่อ "Cafe Codou
สิ่งแรกที่คิด คือ มีคาเฟ่อยู่ตรงนี้ได้งัย ?? แล้วจะขายใครเนี้ย ... ด้วยความที่ตอนที่เราไปมันเงียบมาก และต้องเดินลึกเข้าไปอิก 
เงียบจริงๆนะไม่มีใครแถวนั่นเลย ที่ป้ายรถบัสมีแค่ผมกะเพื่อนทั้งหมด 2 คนอะ
ด้วยความที่เวลาเหลือๆ รออะไรหละ ก็ต้องเข้าสำรวจซะหน่อย



หน้าร้านแอบน่ารัก


บรรยากาศ cozy ภายในร้าน ในร้านนี่อารมณ์ญี่ปุ่นๆ ครับ ชิลเงียบเรียบง่าย บริหารงานโดย คุณป้า 2 คน 


 เราสั่ง Hot latte 2 แก้ว กะ home made cheese  cake มาลอง รสชาตดี สไตล์ญี่ปุ่น


ขอแอบแปะ location cafe นี้นะครับเผื่อใครผ่านไปก็ไปลองได้นะครับ
 

ถือว่าเป็น hidden gem cafe ของผมเลยก็ว่าได้
อย่างที่บอกแถวนี่มันเงียบมาก ผมชอบนะสงบดี ในร้านก็มีผม แค่ 2คน นี่ผมให้คะแนน 10เต็ม เลยครับ
ผมเดินทางกลับมาที่ Kyoto โดยรถไฟซึ่งระหว่างทางรถไฟแล่นเลียบชายฝั่งที่สวยงามบวกกลับแสงอ่อนๆตอนพระอาทิตย์ตก
แถวนี้ส้มกับบ๊วยเค้าดังนะครับอย่าลืมลองกันนะครับ

จบหละครับ สำหรับคันไซทริป-ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่รัก Part 1
Part 2 ผมจะพาไป ตอนเหนือของ ภูมิภาคคันไซ กันนะครับ 
ฝากติดตามด้วนนะครับ 

ฝากติดตาม ด้วยนะครับรูปพิ่มเติม กับ clip video ตาม link นะครับ 
รูปเยอะๆ >>>> https://www.facebook.com/zarzeezitjourneys/
vlog >>>> https://www.youtube.com/channel/UCBLQ19f1hPdOy6WnvO7U10g?view_as=subscriber

........ความชิล มีอยู่จริง.......

หวังว่าน่าจะเป็น guide trip ได้นะครับ สำหรับใครที่วางแผนไปดู ใบไม้เปลี่ยนสีนะครับ 
เดี๋ยวมีทริปน่าสนใจจะรีบมาลงอิกครับ 
 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่