.
ตามกฎหมายของนาซีเยอรมัน
Nazi Germany
ชาวยิวส่วนใหญ่จะต้องจบชีวิตด้วยการส่งไปที่ค่ายกักกัน
แต่ก็มีชาวยิวบางคนที่ได้ดำรงตำแหน่งสูงสุด
ในกองทัพนาซีเยอรมันในอาณาจักรไรซ์ที่ 3 Third Reich
อาณาจักรไรซ์ที่ 1 ช่วง Holy Roman Empire (800–1806)
อาณาจักรไรซ์ที่ 2 ช่วง German Empire (1871–1918)
อาณาจักรไรซ์ที่ 3 ช่วงเถลิงอำนาจของพรรค Nazi
สิ้นสุดลงเมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในเดือนพฤษภาคม ปี 1945
Mischlinge
ชาวยิวส่วนใหญ่จะถูกส่งไปค่ายกักกันและตายที่
Holocaust
แต่ก็มีชาวยิวอีกนับแสนคนที่ทำสงครามให้กับนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
และส่วนใหญ่ก็ได้รับรางวัลเกียรติยศเช่นกัน
Mischlinge คือ ชื่อชาวยิวที่นาซีเยอรมันเรียกขาน
เพราะมีเชื้อสายที่ผสมระหว่างชนเผ่าชาวยิวกับชนเผ่าอารยัน
Mischlinge จะได้รับอนุมัติให้รับใช้ชาติ แต่ห้ามดำรงตำแหน่งสูงสุด
เว้นแต่บุคคลนั้นเป็นประโยชน์อย่างแรงกับนาซีเยอรมัน
แต่ก็มีพวก Mischlinge จำนวนหลายสิบคน
ที่บังคับบัญชากองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
จอมพลอากาศ
Erhard Milch มีพ่อเป็นยิว
แต่
Herman Goering ให้เกียรติกับท่านมากโดยกล่าวว่า
" ผมคือผู้ตัดสินใจว่าใครจะเป็นยิวหรือไม่ "
แต่พวก Mischlinge ในเยอรมันแตกต่างกันมาก
กับพวก Mischlinge ในโปแลนด์และสหภาพโซเวียตที่ถูกนาซีเยอรมันยึดครอง
พวกนาซีเยอรมันไม่สนใจสัดส่วนสายเลือดชาวยิวแต่อย่างใด
ใครก็ตามที่มีเชื้อสายยิวผสมจะถูกตีตราว่าเป็นชาวยิวทันที
และทุกคนต่างเผชิญหน้ากับชะตากรรมแบบเดียวกับชาวยิว
เว้นแต่คนทรยศบางคนที่รอดตาย
แต่มีชาวยิวรัสเซียจำนวนหนึ่งไม่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้
แต่กลับได้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในกองทัพนาซีเยอรมัน
.
นายพล Balkan
ในปี 1941 กองทัพนาซียเยอรมัน
Wehrmacht ได้ยึดครองยูโกสลาเวีย
เหตุการณ์ครั้งนั้น ตกอยู่ในสายตาของ
Boris Shteifon อดีตนายทหารยศพันเอกของรัสเซีย
ที่ทำหน้าที่ในกองทัพจักรพรรดิ์รัสเซียและร่วมทำสงครามกลางเมืองรัสเซียมาก่อน
หลังจากการพ่ายแพ้ของฝ่ายขาว(ที่สร้างกระแสนิยมพระเจ้าซาร์/ฝ่ายขวา)ในรัสเซีย
ท่านได้ลี้ภัยมาอยู่ที่คาบสมุทรบอลข่าน
Balkans
และได้เขียนบันทึกความทรงจำและทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของกองทัพ
ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทหาร military science
Boris Shteifon ตอนนั้นอายุ 59 ปีแล้ว
จึงไม่สนใจกลับมาเป็นทหารอาชีพอีก
แต่การที่นาซีเยอรมันมายึดครองประเทศนี้
ทำให้
Josip Broz Tito ผู้นำคอมมิวนิสต์ยูโกสลาเวีย
ต้องการต่อต้านและรบกับผู้บุกรุกนาซีเยอรมัน
แต่ในช่วงที่สู้รบกับพวกนาซีเยอรมัน
พลพรรคของ Josip Broz Tito มักจะถือโอกาส
เข่นฆ่าผู้ลี้ภัยที่เป็นพวกทหารฝ่ายขาวของรัสเซียด้วย
เพราะชิงชังพวกนิยมเจ้ารัสเซีย/ฝ่ายขวา
Boris Shteifon จึงได้รับการเสนอตำแหน่งนายทหารจากนาซีเยอรมัน
ให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม
RPC (กองกำลังทหารช่างฝ่ายนิยมเจ้า)
แบบศัตรูของศัตรูคือ พันธมิตรของฝ่ายตน
แม้ว่านาซีเยอรมันจะรู้ดีว่าท่านมีเชื้อสายชาวยิวทางพ่อ
ส่วนแม่ของท่านเป็นชาวรัสเซียและท่านผ่านพิธีล้างบาปในศาสนาคริสต์แล้ว
แต่พวกนาซีเยอรมันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ตามที่
Ilya Kuksin นักวิจัยประวัติศาสตร์รัสเซียได้วิเคราะห์ว่า
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพนาซีเยอรมัน Wehrmacht เล็งเห็นว่า
ท่านมีทักษะทางทหารเป็นอย่างดีและต่อต้านพวกคอมมิวนิสต์อย่างแรง
พลโท Boris Shteifon เป็นผู้นำกองทัพจนช่วงวันสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2
และเสียชีวิดเพราะโรคหัวใจวายในวันที่ 30 เมษายน 1945
กองทัพของท่านบุกฝ่าเข้าไปในออสเตรีย ก่อนยอมจำนนกับกองทัพอังกฤษ
แม้ว่าทางสหภาพโซเวียตรัสเซียจะต้องการให้ส่งทหารกองทัพนี้กลับไปที่รัสเซีย แต่ก็ไม่ได้ผล
เพราะทหารส่วนใหญ่ของกองทัพนี้ไม่ได้เป็นพลเมืองของสหภาพโซเวียตแล้ว
หลังจากลี้ภัยออกมาจากรัสเซียช่วงหลังการปฏิวัติรัสเซีย
จึงไม่มีเอกสารทะเบียนราษฏร์ว่าเป็นพลเมืองสหภาพโซเวียต
.
เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่หน่วยงานข่าวกรองสองหน่วย
นายพล
Boris Holmston-Smyslovsky
มาจากตระกูลขุนนางที่มีต้นกำเนิดจากชาวยิว
หลังจากผ่านเบ้าหลอมของสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามกลางเมืองรัสเซีย
เช่นเดียวกับนทหารรัสเซียอีกหลายพันคนที่ถูกเนรเทศ/ต้องลี้ภัยทางการเมือง
แต่ทว่า ทหารส่วนใหญ่ต่างเป็นพวกนิยมฝ่ายขาว (ฝ่ายขวา/นิยมเจ้ารัสเซีย)
ต่างกระตือรือร้นที่จะแก้แค้นพวกบอลเชวิค(ฝ่ายปกครองสหภาพโซเวียตรัสเซีย)
เลยต่างพากันเข้าข้างพวกเยอรมันในช่วงสงครามครั้งนั้น
นายพล Boris Holmston-Smyslovsky เข้ารับราชการทหารเยอรมัน
ต่อเนื่องจนกระทั่ง
Adolf Hitler จะเข้ามาเถลิงอำนาจ
ในปี 1928-1932 ท่านผ่านการฝึกฝนการลาดตระเวน/สืบราชการลับ
ที่
Reichswehr Truppenamt (กองอาสาป้องกันชาติเพราะช่วงนั้นห้ามเยอรมันมีทหารประจำการ)
การปฏิบัติงานที่นั่น ท่านได้สร้างผลงานที่ดีเด่น
ทำให้ต่อมา ท่านมีสายการบังคับบัญชาใน
Abwehr
ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองทางทหารของเยอรมัน
แม้ว่าลำดับวงศ์ตระกูลของท่านจะเป็นชาวยิว
แต่ทักษะความสามารถของท่านทำให้เรื่องนี้ไม่มีปัญหา
ในปี 1943 พลเรือเอก
Wilhelm Canaris
หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ Abwehr
ได้ขอร้องภาระกิจลับเป็นการส่วนตัวกับท่าน
เพราะเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของนาซีเยอรมันถูกจับกุมในข้อหากบฏ
Holmston-Smyslovsky ยอมรับแผนของ RPC
เพื่อต่อสู้กับพรรคบอลเชวิคสหภาพโซเวียตรัสเซีย
เพราะท่านเชื่อว่าชาวรัสเซียต้องทำสงครามกับพวกนี้
ตลอดระยะเวลาสงครามโลกครั้งที่ 2
Holmston - Smyslovsky ได้ทำการสืบราชการลับ
ทำการลาดตระเวนและลงมือก่อวินาศกรรม
ในแนวหลังของสหภาพโซเวียตรัสเซีย
และทำการกำจัดพลพรรคสหายสหภาพโซเวียต
สำหรับภารกิจเหล่านี้ ท่านเป็นผู้บัญชาการ
กองกำลังติดอาวุธชาวรัสเซียที่แข็งแกร่ง 10,000 คน
และตั้งชื่อว่า กองทัพแห่งชาติรัสเซียที่ 1
ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติลงในเวลาต่อมา
ในเดือนพฤษภาคม 1945
ท่านนำกองทัพจำนวนหลายร้อยคนที่กำลังพ่ายแพ้ ไปลี้ภัยที่
Liechtenstein
รัฐบาลของรัฐเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ปฏิเสธที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหภาพโซเวียต
โดยปฏิเสธข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม เพราะอ้างว่าไม่มีพยานหลักฐาน
Holmston-Smyslovsky ยังทำหน้าที่สืบราชการลับต่อไป
แต่ให้บริการกับสหรัฐอเมริกา ทั้งยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา
ให้กับเจ้าหน้าที่ทั่วไปของกองกำลังของสหพันธรัฐเยอรมัน
และประธานาธิบดี Juan Peron อาร์เจนตินา
ในปี 1988
Boris Holmston-Smyslovsky เสียชีวิตตอนวัย 90 ปี
ในประเทศลิกเตนสไตน์ที่ท่านรักมาก
หลังจากลี้ภัยมาที่นี่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เรียบเรียง/ที่มา
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
.
นาซีเยอรมันรู้ว่าใครเป็นชาวยิว
เพราะการขึ้นทะเบียนเป็นคนยิว ระบบทะเบียนราษฏร์ในยุโรปมีมานานแล้ว
รองลงมาผู้ชายยิวต้องขริบอวัยวะเพศชายเป็นประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติ
ขณะที่คนยุโรปในยุคนั้นยังไม่รู้จักขัอดีของการขริบ
การทำพิธีศาสนาภายในบ้าน ต้องมีหนังสือ/เครื่องหมายหลงเหลืออยู่
หรือมีคนเห็น Rabbi ครูสอนศาสนาเดินทางเข้าออกในบ้านผู้ต้องสงสัย
หรือเพื่อนบ้านสงสัยปากโป้งไปร้องเรียนหวังเงินรางวัล
กับต้องการให้พ้นผิดฐานให้ความช่วยเหลือชาวยิว
นามสกุลผิดเพื่อน ถูกคนในชาติที่เข้าไปอยู่
ตั้งนามสกุลแบบล้อเลียนเหยียดหยาม เช่น
นิโกรขาว Schwarze ขาว negger นิโกร เช่น
อดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอเนียร์ อาโนล์ ชเวกเนกเกอร์
ยิวจะสืบทอดทายาท/สายเลือดทางแม่เป็นหลักก่อน
เพราะมีหลายครั้งที่ยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปมาก
ดังนั้นแรบไบยิวจึงออกกฏระบุว่า
ถ้าแม่เป็นยิว ลูกชายหญิงเกิดมาก็เป็นยิวหมด
สืบทอดความเป็นยิวต่อ ๆ ไปไม่ขาดสาย
มีผลทำให้หลานเหลนโหลน ฯลฯ เป็นยิวทั้งหมด
ทำให้สามารถรักษาเผ่าพันธุ์ยิวได้ยาวนานกว่าหลายชนชาติ
.
ดังนั้นจะเห็นยิวหน้าตาแปลก ๆ เช่น
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอเนียร์ อาโนล์ ชเวกเนกเกอร์ เป็นต้น
ผู้กำกับภาพยนตร์/ดาราฝรั่งบางคน หรือยิวในอินเดีย/จีน
รายละเอียดอ่านได้จาก
สู่ความเป็นอัจฉริยะด้วยการพัฒนาพลังสมอง
ชาวยิวมีผิวดำ ที่เอธิโอเปียก็มี เพราะตามคัมภีร์ระบุว่า
บรรพชนเคยแต่งงานกับคนผิวดำและมีลูกมีหลานเป็นคนผิวดำ
รวมทั้งยังรักษาศาสนา/วัฒนธรรมแบบยิวได้อยู่
ยิวเคยอพยพมาที่ยิวในชื่อ
ปฏิบัติการโซโลมอน และโมเสส
Yityish Titi Aynaw Miss Israel 2013 Ethiopian-born Jew
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงแล้ว
ยิวได้ตั้งประเทศอิสราเอล ก็เริ่มมีการเช็คบิลชาวยิวที่ร่วมมือกับนาซีเยอรมัน
เฉพาะคนที่ทำร้าย/รังแกชาวยิว มีหลายชาติ ดังรายชื่อ
http://bit.ly/2B3C7R6
ส่วนคนที่ทำตามหน้าที่รัฏฐการก็ให้อภัย/ไม่เอาผิดแต่อย่างใด
.
ส่วนเรื่องศาสนายูดาย(ยิว) กินหมูหรือไม่ ปกติจะไม่กิน/ห้ามกิน
แต่ถ้านับถือศาสนาคริสต์บางนิกาย เช่น ออโธดอกซ์ อนุญาตให้กินได้
กุ้งลอบเตอร์ ห่าน ไก่งวง กินได้
ยกเว้นแต่สัตว์น้ำไม่มีเลือด เช่น ปู หอย อันนี้ห้ามกิน
คนไทยที่ไปทำงานแถวตะวันออกกลางบอกกันเองว่า
เปรมมากกับอาหารประเภทนี้ ปูไข่ตัวใหญ่ ๆ หอยตัวใหญ่ ๆ สดสด
เพราะคนยิว/คนมุสลิมแถวตะวันออกกลางไม่กินกัน
คนท้องถิ่นที่นั่นเลยดูคนไทยว่า
เป็นคนแปลกประหลาด/กินของฮะรอม ตรงข้าม ฮะลาล
แต่ทั้งนี้ยกเว้น ชาวมุสลิมในเขตเอเซียอาคเนย์
ที่ครูสอนศาสนาอิสลามยุคแรกต้องอนุโลม
ให้กินสัตว์น้ำไม่มีเลือดเช่น ปู หอย ได้
เพราะครูสอนศาสนายุคแรกรู้ว่า ถ้าห้ามกินอาจจะเสียมวลชน
เพราะคนแถวนี้อาหารทะเลประเภทนี้ หากินง่ายกว่าสัตว์ป่าสัตว์เลี้ยง
ที่ต้องลงทุนลงแรงในการล่าหรือเสียเวลาในการเลี้ยงกว่าจะโต
แต่ตอนนี้มีมุสลิมแถวนี้บางกลุ่มก็เริ่มไม่กินกันแล้ว
ชาวยิวรัสเซียผู้ดำรงตำแหน่งนายพลกองทัพนาซีเยอรมัน
ชาวยิวส่วนใหญ่จะต้องจบชีวิตด้วยการส่งไปที่ค่ายกักกัน
แต่ก็มีชาวยิวบางคนที่ได้ดำรงตำแหน่งสูงสุด
ในกองทัพนาซีเยอรมันในอาณาจักรไรซ์ที่ 3 Third Reich
อาณาจักรไรซ์ที่ 1 ช่วง Holy Roman Empire (800–1806)
อาณาจักรไรซ์ที่ 2 ช่วง German Empire (1871–1918)
อาณาจักรไรซ์ที่ 3 ช่วงเถลิงอำนาจของพรรค Nazi
สิ้นสุดลงเมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในเดือนพฤษภาคม ปี 1945
Mischlinge
ชาวยิวส่วนใหญ่จะถูกส่งไปค่ายกักกันและตายที่ Holocaust
แต่ก็มีชาวยิวอีกนับแสนคนที่ทำสงครามให้กับนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
และส่วนใหญ่ก็ได้รับรางวัลเกียรติยศเช่นกัน
Mischlinge คือ ชื่อชาวยิวที่นาซีเยอรมันเรียกขาน
เพราะมีเชื้อสายที่ผสมระหว่างชนเผ่าชาวยิวกับชนเผ่าอารยัน
Mischlinge จะได้รับอนุมัติให้รับใช้ชาติ แต่ห้ามดำรงตำแหน่งสูงสุด
เว้นแต่บุคคลนั้นเป็นประโยชน์อย่างแรงกับนาซีเยอรมัน
แต่ก็มีพวก Mischlinge จำนวนหลายสิบคน
ที่บังคับบัญชากองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
จอมพลอากาศ Erhard Milch มีพ่อเป็นยิว
แต่ Herman Goering ให้เกียรติกับท่านมากโดยกล่าวว่า
" ผมคือผู้ตัดสินใจว่าใครจะเป็นยิวหรือไม่ "
แต่พวก Mischlinge ในเยอรมันแตกต่างกันมาก
กับพวก Mischlinge ในโปแลนด์และสหภาพโซเวียตที่ถูกนาซีเยอรมันยึดครอง
พวกนาซีเยอรมันไม่สนใจสัดส่วนสายเลือดชาวยิวแต่อย่างใด
ใครก็ตามที่มีเชื้อสายยิวผสมจะถูกตีตราว่าเป็นชาวยิวทันที
และทุกคนต่างเผชิญหน้ากับชะตากรรมแบบเดียวกับชาวยิว
เว้นแต่คนทรยศบางคนที่รอดตาย
แต่มีชาวยิวรัสเซียจำนวนหนึ่งไม่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้
แต่กลับได้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในกองทัพนาซีเยอรมัน
ในปี 1941 กองทัพนาซียเยอรมัน Wehrmacht ได้ยึดครองยูโกสลาเวีย
เหตุการณ์ครั้งนั้น ตกอยู่ในสายตาของ Boris Shteifon อดีตนายทหารยศพันเอกของรัสเซีย
ที่ทำหน้าที่ในกองทัพจักรพรรดิ์รัสเซียและร่วมทำสงครามกลางเมืองรัสเซียมาก่อน
หลังจากการพ่ายแพ้ของฝ่ายขาว(ที่สร้างกระแสนิยมพระเจ้าซาร์/ฝ่ายขวา)ในรัสเซีย
ท่านได้ลี้ภัยมาอยู่ที่คาบสมุทรบอลข่าน Balkans
และได้เขียนบันทึกความทรงจำและทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของกองทัพ
ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทหาร military science
Boris Shteifon ตอนนั้นอายุ 59 ปีแล้ว
จึงไม่สนใจกลับมาเป็นทหารอาชีพอีก
แต่การที่นาซีเยอรมันมายึดครองประเทศนี้
ทำให้ Josip Broz Tito ผู้นำคอมมิวนิสต์ยูโกสลาเวีย
ต้องการต่อต้านและรบกับผู้บุกรุกนาซีเยอรมัน
แต่ในช่วงที่สู้รบกับพวกนาซีเยอรมัน
พลพรรคของ Josip Broz Tito มักจะถือโอกาส
เข่นฆ่าผู้ลี้ภัยที่เป็นพวกทหารฝ่ายขาวของรัสเซียด้วย
เพราะชิงชังพวกนิยมเจ้ารัสเซีย/ฝ่ายขวา
Boris Shteifon จึงได้รับการเสนอตำแหน่งนายทหารจากนาซีเยอรมัน
ให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม RPC (กองกำลังทหารช่างฝ่ายนิยมเจ้า)
แบบศัตรูของศัตรูคือ พันธมิตรของฝ่ายตน
แม้ว่านาซีเยอรมันจะรู้ดีว่าท่านมีเชื้อสายชาวยิวทางพ่อ
ส่วนแม่ของท่านเป็นชาวรัสเซียและท่านผ่านพิธีล้างบาปในศาสนาคริสต์แล้ว
แต่พวกนาซีเยอรมันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ตามที่ Ilya Kuksin นักวิจัยประวัติศาสตร์รัสเซียได้วิเคราะห์ว่า
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพนาซีเยอรมัน Wehrmacht เล็งเห็นว่า
ท่านมีทักษะทางทหารเป็นอย่างดีและต่อต้านพวกคอมมิวนิสต์อย่างแรง
พลโท Boris Shteifon เป็นผู้นำกองทัพจนช่วงวันสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2
และเสียชีวิดเพราะโรคหัวใจวายในวันที่ 30 เมษายน 1945
กองทัพของท่านบุกฝ่าเข้าไปในออสเตรีย ก่อนยอมจำนนกับกองทัพอังกฤษ
แม้ว่าทางสหภาพโซเวียตรัสเซียจะต้องการให้ส่งทหารกองทัพนี้กลับไปที่รัสเซีย แต่ก็ไม่ได้ผล
เพราะทหารส่วนใหญ่ของกองทัพนี้ไม่ได้เป็นพลเมืองของสหภาพโซเวียตแล้ว
หลังจากลี้ภัยออกมาจากรัสเซียช่วงหลังการปฏิวัติรัสเซีย
จึงไม่มีเอกสารทะเบียนราษฏร์ว่าเป็นพลเมืองสหภาพโซเวียต
.
เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่หน่วยงานข่าวกรองสองหน่วย
นายพล Boris Holmston-Smyslovsky
มาจากตระกูลขุนนางที่มีต้นกำเนิดจากชาวยิว
หลังจากผ่านเบ้าหลอมของสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามกลางเมืองรัสเซีย
เช่นเดียวกับนทหารรัสเซียอีกหลายพันคนที่ถูกเนรเทศ/ต้องลี้ภัยทางการเมือง
แต่ทว่า ทหารส่วนใหญ่ต่างเป็นพวกนิยมฝ่ายขาว (ฝ่ายขวา/นิยมเจ้ารัสเซีย)
ต่างกระตือรือร้นที่จะแก้แค้นพวกบอลเชวิค(ฝ่ายปกครองสหภาพโซเวียตรัสเซีย)
เลยต่างพากันเข้าข้างพวกเยอรมันในช่วงสงครามครั้งนั้น
นายพล Boris Holmston-Smyslovsky เข้ารับราชการทหารเยอรมัน
ต่อเนื่องจนกระทั่ง Adolf Hitler จะเข้ามาเถลิงอำนาจ
ในปี 1928-1932 ท่านผ่านการฝึกฝนการลาดตระเวน/สืบราชการลับ
ที่ Reichswehr Truppenamt (กองอาสาป้องกันชาติเพราะช่วงนั้นห้ามเยอรมันมีทหารประจำการ)
การปฏิบัติงานที่นั่น ท่านได้สร้างผลงานที่ดีเด่น
ทำให้ต่อมา ท่านมีสายการบังคับบัญชาใน Abwehr
ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองทางทหารของเยอรมัน
แม้ว่าลำดับวงศ์ตระกูลของท่านจะเป็นชาวยิว
แต่ทักษะความสามารถของท่านทำให้เรื่องนี้ไม่มีปัญหา
ในปี 1943 พลเรือเอก Wilhelm Canaris
หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับ Abwehr
ได้ขอร้องภาระกิจลับเป็นการส่วนตัวกับท่าน
เพราะเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของนาซีเยอรมันถูกจับกุมในข้อหากบฏ
Holmston-Smyslovsky ยอมรับแผนของ RPC
เพื่อต่อสู้กับพรรคบอลเชวิคสหภาพโซเวียตรัสเซีย
เพราะท่านเชื่อว่าชาวรัสเซียต้องทำสงครามกับพวกนี้
ตลอดระยะเวลาสงครามโลกครั้งที่ 2
Holmston - Smyslovsky ได้ทำการสืบราชการลับ
ทำการลาดตระเวนและลงมือก่อวินาศกรรม
ในแนวหลังของสหภาพโซเวียตรัสเซีย
และทำการกำจัดพลพรรคสหายสหภาพโซเวียต
สำหรับภารกิจเหล่านี้ ท่านเป็นผู้บัญชาการ
กองกำลังติดอาวุธชาวรัสเซียที่แข็งแกร่ง 10,000 คน
และตั้งชื่อว่า กองทัพแห่งชาติรัสเซียที่ 1
ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติลงในเวลาต่อมา
ในเดือนพฤษภาคม 1945
ท่านนำกองทัพจำนวนหลายร้อยคนที่กำลังพ่ายแพ้ ไปลี้ภัยที่ Liechtenstein
รัฐบาลของรัฐเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ปฏิเสธที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหภาพโซเวียต
โดยปฏิเสธข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม เพราะอ้างว่าไม่มีพยานหลักฐาน
Holmston-Smyslovsky ยังทำหน้าที่สืบราชการลับต่อไป
แต่ให้บริการกับสหรัฐอเมริกา ทั้งยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา
ให้กับเจ้าหน้าที่ทั่วไปของกองกำลังของสหพันธรัฐเยอรมัน
และประธานาธิบดี Juan Peron อาร์เจนตินา
ในปี 1988
Boris Holmston-Smyslovsky เสียชีวิตตอนวัย 90 ปี
ในประเทศลิกเตนสไตน์ที่ท่านรักมาก
หลังจากลี้ภัยมาที่นี่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
รองลงมาผู้ชายยิวต้องขริบอวัยวะเพศชายเป็นประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติ
ขณะที่คนยุโรปในยุคนั้นยังไม่รู้จักขัอดีของการขริบ
การทำพิธีศาสนาภายในบ้าน ต้องมีหนังสือ/เครื่องหมายหลงเหลืออยู่
หรือมีคนเห็น Rabbi ครูสอนศาสนาเดินทางเข้าออกในบ้านผู้ต้องสงสัย
หรือเพื่อนบ้านสงสัยปากโป้งไปร้องเรียนหวังเงินรางวัล
กับต้องการให้พ้นผิดฐานให้ความช่วยเหลือชาวยิว
นามสกุลผิดเพื่อน ถูกคนในชาติที่เข้าไปอยู่
ตั้งนามสกุลแบบล้อเลียนเหยียดหยาม เช่น
นิโกรขาว Schwarze ขาว negger นิโกร เช่น
อดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอเนียร์ อาโนล์ ชเวกเนกเกอร์
ยิวจะสืบทอดทายาท/สายเลือดทางแม่เป็นหลักก่อน
เพราะมีหลายครั้งที่ยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปมาก
ดังนั้นแรบไบยิวจึงออกกฏระบุว่า
ถ้าแม่เป็นยิว ลูกชายหญิงเกิดมาก็เป็นยิวหมด
สืบทอดความเป็นยิวต่อ ๆ ไปไม่ขาดสาย
มีผลทำให้หลานเหลนโหลน ฯลฯ เป็นยิวทั้งหมด
ทำให้สามารถรักษาเผ่าพันธุ์ยิวได้ยาวนานกว่าหลายชนชาติ
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอเนียร์ อาโนล์ ชเวกเนกเกอร์ เป็นต้น
ผู้กำกับภาพยนตร์/ดาราฝรั่งบางคน หรือยิวในอินเดีย/จีน
รายละเอียดอ่านได้จาก สู่ความเป็นอัจฉริยะด้วยการพัฒนาพลังสมอง
ชาวยิวมีผิวดำ ที่เอธิโอเปียก็มี เพราะตามคัมภีร์ระบุว่า
บรรพชนเคยแต่งงานกับคนผิวดำและมีลูกมีหลานเป็นคนผิวดำ
รวมทั้งยังรักษาศาสนา/วัฒนธรรมแบบยิวได้อยู่
ยิวเคยอพยพมาที่ยิวในชื่อ ปฏิบัติการโซโลมอน และโมเสส
ยิวได้ตั้งประเทศอิสราเอล ก็เริ่มมีการเช็คบิลชาวยิวที่ร่วมมือกับนาซีเยอรมัน
เฉพาะคนที่ทำร้าย/รังแกชาวยิว มีหลายชาติ ดังรายชื่อ http://bit.ly/2B3C7R6
ส่วนคนที่ทำตามหน้าที่รัฏฐการก็ให้อภัย/ไม่เอาผิดแต่อย่างใด
แต่ถ้านับถือศาสนาคริสต์บางนิกาย เช่น ออโธดอกซ์ อนุญาตให้กินได้
กุ้งลอบเตอร์ ห่าน ไก่งวง กินได้
ยกเว้นแต่สัตว์น้ำไม่มีเลือด เช่น ปู หอย อันนี้ห้ามกิน
คนไทยที่ไปทำงานแถวตะวันออกกลางบอกกันเองว่า
เปรมมากกับอาหารประเภทนี้ ปูไข่ตัวใหญ่ ๆ หอยตัวใหญ่ ๆ สดสด
เพราะคนยิว/คนมุสลิมแถวตะวันออกกลางไม่กินกัน
คนท้องถิ่นที่นั่นเลยดูคนไทยว่า
เป็นคนแปลกประหลาด/กินของฮะรอม ตรงข้าม ฮะลาล
แต่ทั้งนี้ยกเว้น ชาวมุสลิมในเขตเอเซียอาคเนย์
ที่ครูสอนศาสนาอิสลามยุคแรกต้องอนุโลม
ให้กินสัตว์น้ำไม่มีเลือดเช่น ปู หอย ได้
เพราะครูสอนศาสนายุคแรกรู้ว่า ถ้าห้ามกินอาจจะเสียมวลชน
เพราะคนแถวนี้อาหารทะเลประเภทนี้ หากินง่ายกว่าสัตว์ป่าสัตว์เลี้ยง
ที่ต้องลงทุนลงแรงในการล่าหรือเสียเวลาในการเลี้ยงกว่าจะโต
แต่ตอนนี้มีมุสลิมแถวนี้บางกลุ่มก็เริ่มไม่กินกันแล้ว