รีวิวฮ่องกงสายเฮ้ลตี้ ฝ่าม็อบไปปีนเขาที่ Suicide Cliff --เสียแค่เหงื่อแต่ได้วิวหลักแสน--

[CR] รีวิวฮ่องกงสายเฮ้ลตี้ ฝ่าม็อบไปปีนเขาที่ Suicide Cliff --เสียแค่เหงื่อแต่ได้วิวหลักแสน--

กระทู้รีวิว

ทริปถ่ายรูป นักปีนเขา (Climber) ฮ่องกง เที่ยวภูเขา ภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์

ปีนเขา กิจกรรมอีกอย่างที่ทำได้ในฮ่องกง ต้องบอกว่าฮ่องกงมีเส้นทางปีนเขาสนุกๆเยอะมากค่ะ
Suicide cliff คือหนึ่งในเส้นทางยอดฮิตสำหรับสายปีน
ใครชอบวิวเมือง วิวมุมสูง คือตอบโจทย์มาก มีโดรนเอาโดรนไป มีกล้องอะไรก็แบกไปค่ะ เพราะวิวบนนั้นถ่ายยังไงก็สวย

-- มาเริ่มจากวิธีการเดินทาง --
ขอนำภาพบางส่วนมาจาก Street view ใน Google map กับ รีวิวในลิ้งนี้ค่ะ(Souce: https://cutt.ly/get5tCu)
เพราะตอนแรกไม่ได้แพลนไว้ว่าจะรีวิวเลยไม่ได้เก็บภาพช่วงต้นไว้ แต่พอไปปีนมา วิวบนนั้นคือของดีโอทอปที่อยากมาบอกต่อ อ่ะเริ่ม!

นั่งMTR ไปลงสถานี Choi Hung ค่ะ ออกจากสถานีทาง Exit C1 เลี้ยวขวาเดินมาประมาณ 200 เมตรก็จะเจอป้ายรสบัสเล็ก รถสีเขียว
จากตรงนี้สามารถขึ้นได้2สายคือ 1A กับ 11

จุดที่ต้องลง: ตรงนี้ต้องใช้การกะเอา เพราะมันไม่ได้มีป้ายรถเมล์บอกตรงนั้น ก็คือพอเจอแยกตามภาพข้างล่างนี้ให้ตะโกน Stop แจ้งคนขับค่ะ
เราปักหมุดGPSของจุดที่ต้องลงมา ตามนี้ค่ะ 22°20'03.0"N 114°13'30.1"E

จากตรงนี้เตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะเดินขึ้นเขายาวๆค่ะ สามารถใช้Google map โดยเลือกปลายทางเป็น Suicide Cliff
แล้วก็เดินตามแมพไปได้เลยค่ะ เริ่มจากเดินไปถนนFei Ngo Shan คือลงจากบัสแล้วเดินขึ้นบันไดไปตามภาพด้านล่างนี้เลย

เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆจะผ่านโซนหมู่บ้าน จากนั้นก็เริ่มเป็นป่า อากาศดี เดินสบาย

เดินหน้าต่อไปค่ะ จนเจอทางแยกนี้ ให้เดินไปทางขวาก็คือถนน Fei Ngo Shand เหมือนเดิมค่ะ

จากนั้นคอยดูทางขวามือไว้ค่ะ เมื่อเจอป้ายเตือนอันนี้ นี้แหละค่ะจุดเริ่มต้นของจริง ป้ายเตือนไว้อย่างน่ากลัวแต่เราก็อย่าไปกลัวค่ะ
ทำใจพร้อมแล้วก็เริ่มปีนเขากันเลย

ทางเดินขึ้นไปเป็นบันไดหิน ข้างทางก็จะเป็นป่า มีฮวงซุ้ยให้ขนลุกเบาๆ จากตรงนี้ถึงยอดใช้เวลาประมาณ 30-40นาที

ขึ้นอยู่กับความแกร่งของแรงขาและแรงกายเลยค่ะ เพราะจากจุดนี้คือเดินขึ้นอย่างเดียวเลย

ระหว่างทางเดิน ก็จะมีวิวเมืองสวยๆให้เก็บอยู่เรื่อยๆ ก็ได้แวะพักไปด้วยในตัวค่ะ เราเริ่มตอนประมาณห้าโมงเย็น เพราะอยากได้วิวพระอาทิตย์ตกตอนถึงหน้าผา วันที่เราไปปีน จริงๆอากาศเป็นมลพิษค่ะ มีควันหนาเลย ฟ้าที่ถ่ายออกมาก็จะแดงๆหน่อย เมืองก็เห็นไม่ค่อยชัด T.T

มุ่งมั่นเดินขาลากต่อไป จนเจอลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เราเรียกตรงนี้เป็น Check-point เพราะจากนี้ไปไม่ไกลแล้วค่ะ จุดนี้เป็นอีกจุดที่ควรค่าแก่การถ่ายรูป

ยิ่งถ้ากะเวลาดีๆ มาถึงตอนพระอาทิตย์ใกล้ตก สวยงามมากค่ะ

จากตรงนี้ก็จะมีบันไดซึ่งถ้าดูในGoogle map สถานที่นี้เรียกว่า "Kowloon Peak Television and Radio transmission stations"

ตามเคยเดินหน้าต่อไปอีกนิด จนในที่สุดเราก็ได้เดินลงแล้วค่าาาา~ เห็นวิวเมืองลิบๆนั้นไหม นั้นแหละปลายทางของเรา!

แต๊นแต่น และนี้คือวิวจากหน้าผาค่ะ เรานี่จากหมดแรงๆ เห็นวิวแล้ววิ่งเหมือนอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์เลย แต่อันนี้เป็นทุ่งหิน

คือจากหน้าผาเราสามารถปีนลงไปได้อีกหน่อยค่ะ แล้วแต่ใครใคร่ปีนลงไปมากแค่ไหน เพราะทางค่อนข้างชันมากค่ะ

ตอนเราไปถึงยอดคือเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆ ถ่ายเพลินๆจนพระอาทิตย์ตกแล้ว ก็คิดจะกลับเพราะหิวมากแล้ว
แต่...แล้วเมืองก็เริ่มเปิดไฟ เท่านั้นแหละ ตัดสินใจอยู่ต่ออีกสักหน่อย แล้วก็ได้วิวเมืองกลางคืนมา เรียกว่าเลอค่าที่สุดของทริปนี้

สำหรับการเดินลง ในGoogle map โชว์ว่ามีเส้นทางที่ลงได้จากหน้าผา แต่เราลองพยายามแล้วค่ะ มันชันเกินไปมากที่จะเดินลง
เราเลยเลือกเดินกลับทางเดิมที่ขึ้นมา ลงมาอย่างปลอดภัย ไม่มีอันตรายใดๆ ไม่ท้อแท้ปลิดชิวิตตัวเองไปก่อนตามชื่อหน้าผา

จริงๆ เส้นทางเดินขึ้นไปนั้นมีเส้นสั้นกับยาวนะคะ เส้นยาวที่เคยอ่านในรีวิว คือใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
แต่ได้วิวระหว่างทางขึ้นที่สวยกว่าเส้นนี้ค่ะ (รีวิวเขาว่าไว้)

>> ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการปีน Suicide Cliff

อุปกรณ์ที่ควรเตรียม
-       น้ำดื่ม (เราซื้อไซส์ปกติไปก็เอาอยู่ค่ะ)
-       รองเท้า (อันนี้อยู่ที่ช่วงที่ไป ถ้าช่วงมีฝน แนะนำให้ใส่รองเท้าสำหรับปีนเขาค่ะ เพราะทางเป็นหินกับดินลื่นได้ง่ายๆ แต่ถ้าวันปกติแล้วมีสกิลการปีนเขา
แบบเข้าค่ายลูกเสือเคยเดินป่ามาหน่อย รองเท้าธรรมดาก็รอดอยู่ค่ะ)
-       ไฟฉาย (กรณีอยากอยู่จนดึก เพราะทางเดินขึ้นลงไม่มีไฟค่ะ มืดสนิทเลย)
-       ผ้าเช็ดตัว / ทิชชู่เปียก  (จะได้ไม่ตัวเหนอะหลังเหงื่อออก)
- **ร่างกาย** สำคัญที่สุด พักผ่อนให้เพียงพอ ทานข้าวให้อิ่ม ดื่มน้ำให้พอ ใจพร้อมกายพร้อมเราทำได้

วันที่เราไปปีน อากาศเป็นมลพิษระดับที่ 137 PM2.5 กันไป ดังนั้นก่อนไปเช็คสภาพอากาศกันก่อนนะคะ ตอนแรกเราแอบเซ็งเพราะขึ้นไปแล้วฟ้าไม่ใส
มีหมอกควันจากมลพิษ แต่กลายเป็นสุดท้ายกลับชอบเพราะมันทำให้ภาพที่ถ่ายออกมา(บวกแต่งสีหน่อย) เหมือนเมืองในหนังไซไฟ