เรื่องที่ 28 : ขุนแผน ฟ้าฟื้น ความคัลท์ที่สัมผัสได้ และไม่ทิ้งลายแฟนตาซี



ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ปีนับตั้งแต่พี่มากพระโขนง ภาพยนตร์ไทยที่ใจกล้าหยิบเอายุคสมัยอดีตมาผสมผสานกับบริบทไทยสมัยใหม่ แต่ก็ไม่ประดักเดิก และเต็มไปด้วยไอเดียที่บรรเจิดจนกลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของไทยจนถึงวันนี้ และก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันที่จะมีภาพยนตร์ไทยใจกล้าอีกเรื่องโผล่มา แถมยังได้ มาริโอ้ เมาเร่อ ที่เคยเป็นพี่มาก และนางเอกน้องใหม่ที่หน้าตาคล้ายใหม่ ดาวิกา เหมือนกับรอเวลาอะไรบางอย่าง

ต้องยอมรับว่า ไม่ค่อยได้ดูหนังพี่โขมสักเท่าไหร่ แต่ก็เคยดูหนังที่แกเขียนบทเองมาหลายเรื่อง ซึ่งก็จำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ว่ามีเรื่องไหนบ้าง ตอนแรกเห็นตัวอย่างออกมา ก็แอบอะไรหว่า ยำหนังจี้ แบบพี่มากอีกแล้วหรือไง จนกระทั่งได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ผมจึงได้รู้ว่าหนังไทยมันต้องการคนมีความทะเยอทะยานและไปให้สุดไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง  และงานมันจะออกมาเป็นแบบที่คนทำทะเยอทะยานเอง แต่มันออกมาดีหรือเปล่า ไม่รู้555555

"ขุนแผน ฟ้าฟื้น เป็นเรื่องราวของแก้ว หนุ่มสุพรรณโชคชะตาอาภัพให้สูญเสียความทรงจำตั้งแต่เด็ก แถมไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อน จึงต้องใช้ชีวิตอย่างผิดระเบียบสังคมในสมัยนั้น จนต้องมาเจอกับ อ. เดช หมอผีลึกลับที่มาเสนอว่าจะช่วยสั่งสอนวิชาอาคมให้ ท่ามกลางมิตรภาพในวันวาน อย่างพิม และ ช้าง ที่เริ่มทำให้แก้วเริ่มลังเลจากความทรงจำที่ขาดหายว่า จะให้โชคชะตานำทางเขาสู่เป้าหมาย หรือจะดิ้นรนด้วยความสามารถที่ถูกกดทับไว้ ในขณะเดียวกัน บ้านเมืองก็กำลังเป็นภัยจากคุณไสยมืดที่หวังจะสร้างความปั่นป่วน แก้วต้องรีบออกตามหาคำตอบของความทรงจำ และปกป้องคนที่เขารัก ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป"

เนื้อเรื่อง

ลองนึกสภาพของสมัยขุนช้างขุนแผน แต่ผนวกรวมกับสังคมสมัยนี้ดูครับ นี่แหล่ะเอกลักษณ์เฉพาะของหนังเรื่องนี้ หนังเต็มไปด้วยการปั่นหัวคนดูสุด ๆ ฉากที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีในตอนนั้นโผล่มาไม่หยุดตั้งแต่เปิดเรื่อง คิดสภาพแบบพี่มากที่มีชิงช้าสวรรค์ แต่หนังเรื่องนี้เล่นไปไกลมากกว่านั้น แต่ก็ยังรักษาโทนเรื่องทั้งหมดได้อยู่หมัด แม้จะแอบ ๆ เป๋ไปบ้างเล็กน้อยกับมุกตลกที่กระหน่ำยิงเข้ามาทุก ๆ 5 นาที แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายของความเป็นหนังแฟนตาซี แต่ก็คัลท์ คัลท์มาก ช่วงแรกของเรื่องคือการโชว์ความกาวแบบไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ไม่มีอะไรมาห้าม ตรรกะอะไรของวรรณคดี โยนทิ้งไปให้หมด ช่วงกลางจะเป็นช่วงที่หนังจริงจังขึ้นแต่ก็มีมุขฮาใส่เข้ามาตลอด ช่วงสุดท้ายคือช่วงที่โคตรอลังเหมือนเอาส่วนประกอบของวรรณกรรมดั้งเดิมมาใช้ ใครที่คิดว่าหนังจะดูจริงจัง มันก็จริง แต่ช่วง 20 นาทีแรก จะมีแต่คำว่า หา หา แล้วก็ขำไปด้วย ตอนไปดู คนขำกันทั้งโรง กับความใจกล้าของเรื่องนี้ เพราะหนังมีหลายรสมาก หยิบจับอะไรมาเยอะ จนแอบคิดว่ารุงรัง หลวม ๆ ตามสูตรไปหน่อย แต่ก็เอาอยู่ถึงทุกรสชาติของภาพยนตร์

ตัวละคร

ตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์เฉพาะ แก้ว ที่รับบทโดย มาริโอ้ เมาเร่อ ผู้เคยฝากผลงานไทยฟิวชั่นไว้ก่อนหน้าอย่างพี่มากพระโขนง ก็แสดงเป็นแก้วได้อย่างน่ารัก น่าชัง ซื่อบื้อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะโง่ แถมยังมีเสน่ห์เท่มาก ซึ่งแปลกดีที่นักแสดงลูกครึ่งได้มาเล่นหนังสไตล์แบบนี้ ดันเข้ากันอย่างประหลาด ฟ้า ยงรวี รับบทเป็น พิม ตัวละครโปรดของผมเลย คนอะไรสวย มีความสามารถที่คาดไม่ถึง แต่ก็มีจริตของความลังเล ความไม่แน่ใจ แต่ก็มีมิติที่น่าสนใจแถมยังแสดงออกได้ในระดับดีเลยในงานภาพยนตร์แรก เช่นเดียวกับ ฟิลลิปส์ ที่รับบทเป็น ช้าง ที่ฉีกภาพลักษณ์ของขุนช้างมาเป็นหนุ่มนักเรียนนอกผู้เป็นมิตรกับทุกคน หวังดีกับเพื่อนทั้งสองคน ซึ่งสำเนียงฮอร์ลันดามันดันเข้ากับตัวละครนี้ซะด้วยสิ อ. เดช พี่ต๊อบไม่ได้มาเล่น ๆ ลืมเรื่องก่อนหน้าเลย แกมากาว กาวกว่าในตัวอย่างอีก กาวยังไง ไปดูครับ หรือแม้แต่กุมารทองน้องมะนาวที่ออกมาไม่เยอะ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด ส่วนตัวละครอื่น ๆ ก็ช่วยสร้างสีสันให้แม้จะขาดมิติไปหน่อย แต่ก็พอรับได้ เพราะหนังก็เฉลี่ยบทออกมาได้ลงตัว แค่ไม่ได้ลงลึกเหมือนตัวละครหลักเท่านั้นเอง

ภาพและเสียงประกอบ

ภาพสวยสมกับเป็นงานพี่โขม แต่การตัดต่อมีปัญหาอยู่หลายฉาก CG ออกไปทางการ์ตูนมากกว่า ซึ่งดูสวยดี แต่อาจจะลอย ๆ ไปนิด
แต่ก็เข้ากับเหตุการณ์ในเรื่องถ้าไม่คิดมากอะไร

เสียงประกอบเหมือนเป็นไบโพลาร์ เดี๋ยวก็ตึ๊งโป๊ะ เดี๋ยวก็ออร์เครสต้า ซึ่งดันช่วยขับให้สถานการณ์ในหนัง WTF มาก คำชมนะเนี่ย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ประเด็น

หนังมีความ COMING OF AGE แบบไทย ๆ ถึงการเติบโต การเลือกเส้นทาง การตัดสินใจของตัวละคร ที่อาจจะไม่ได้ลุ่มลึก
แต่ก็กำลังดี ไม่ได้ประดักประเดิก หรือสวยหรูจนเกินไป

สรุป

ถือเป็นหนังที่ม้ามืดอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะดีเกินกว่าที่คาด หนังมีความกาวมาก ๆ แต่เป็นความกาวที่เข้าถึงง่าย ดูเพลิน มีครบทุกรส อาจจะมีปัญหาในส่วนของการตัดต่อที่ไม่ค่อยดี และองค์ประกอบของเรื่องที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งความทะเยอทะยานอีกครั้ง ซึ่งผลจะออกมาเป็นยังไง ชอบก็ได้ เกลียดก็ได้ แต่หนังไม่แย่แน่นอน จนดูจบแล้ว แอบคิดว่า ถึงเวลาหรือยังที่เราจะหยิบวรรณคดีไทยมารีบู๊ต ฟิวชั่นแบบนี้อีก 

อย่าง ขุนแผน ฟ้าฟื้น นี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความสำเร็จนี้
ถ้าไปได้สวยสร้างเป็นจักรวาลวรรณคดีไทยได้เลย ถ้ากล้าทำออกมาก็กล้าดูล่ะครับ!

คิดภาพ ไกรทองแบบสไตล์ godzilla กับ พระอภัยมณี มารีบู๊ตแบบสิ บันเทิงเถิดเทิงแน่
หนังจบแล้ว แต่ถ้ารายได้ดี อาจจะมีภาคต่อก็เป็นได้ ซึ่งต้องมาลุ้นว่าจะถูกใจคนดูหรือไม่ แต่สำหรับผม
ได้ดูก็โคตรจะโชคดีแล้ว

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

8 / 10 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่