ขุนแผน ฟ้าฟื้น (2019)

     ล่าสุดไม่รู้ด้วยอารมณ์อย่างไร จับพลัดจับผลูได้ไปนั่งดู ขุนแผน ฟ้าฟื้น (2019) ซึ่งในใจก็แอบกังวลอยู่ว่าจะโอเคมั้ย เพราะจากที่ดูใน Trailer นี่มันมีความแฟนตาซีมาก กลัวว่าเล่นใหญ่ไปจะกลายเป็นพังเสียเอง [ แอบฮาตั้งแต่ใส่เพลง เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ) มาใน Teaser แล้ว ]

     ด้วยความที่ส่วนตัวชื่นชอบผลงานของผู้กำกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ มาก่อน ซึ่งแม้ว่าจะดร็อบลงในผลงานอย่าง ขุนพันธ์ (2016) แต่ผลงานท็อบฟอร์มเรื่องเยี่ยมอย่าง ไชยา (2007) และ อันธพาล (2012) จึงทำให้ตัดสินใจเข้าไปเสพจนได้

     หลังจากที่ดูจบออกมาจากโรง ปรากฏว่าผิดคาด รู้สึกว่า 'หนังทำออกมาได้โอเคดี สนุกใช้ได้เลยแหละ !' 
เรื่องย่อ

     ขุนแผน ฟ้าฟื้น (2019) ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ ก้องเกียรติ โขมศิริ พร้อมเหล่านักแสดงนำ อาทิ มาริโอ้ เมาเร่อ (แก้ว), ณัทธนพล ทินโรจน์ (ช้าง), ฟ้า ยงวรี งามเกษม (พิม), แองเจลิน่า โฟรม็องโต้ และนักแสดงอีกคับคั่ง เรื่องราวของแก้ว เด็กหนุ่มสุพรรณบุรีที่จดจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้ เขาออกเดินทางตามหาความทรงจำว่าเขาเป็นใครและเป็นลูกของใคร ในขณะเดียวกันก็ต้องผจญภัยไปกับแก๊งค์เพื่อนสุดฮา โดยมีวิชาคาถาอาคมที่ร่ำเรียนมาคอยช่วยเหลือเพื่อกำจัดอุปสรรคที่ขวางกั้น (Credit - Pantip)
ตีความวรรณคดี 'ขุนช้างขุนแผน' ในแนวทางร่วมสมัยน่าสนใจ
     จุดชอบจุดแรกที่ผมประทับใจมาก ก็คือ การกล้านำวรรณคดีอย่าง 'ขุนช้างขุนแผน' มาตีความใหม่ในแนวทางหนังไทยแฟนตาซี ทำให้หนังมีความสดใหม่ สร้างสรรค์แตกต่างจากที่เคยเห็นๆ มา (ซึ่งผมก็ค่อนข้างชื่นชมในความทะเยอทะยานของผู้กำกับนะ ทำให้เราได้เห็นรูปแบบใหม่ของหนังไทยที่แปลกตาได้ขนาดนี้) ดังนั้นในส่วนเส้นเรื่อง หนังก็จะหยิบเส้นเรื่องเดิมจากวรรณคดีมา นำมาดัดแปลงใส่ตัวตนใหม่เข้าไป บางส่วนอาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะ แต่เราก็จะพอสังเกตแนวทางหนังได้ว่า "นี่มันเส้นเรื่องคล้ายคลึงกับบทประพันธ์ 'ขุนช้างขุนแผน' ที่เราเคยเรียนมาเลย"
     ความประทับใจต่อมาที่ชอบมาก คือ ในการดัดแปลงใส่ตัวตนใหม่ให้กับวรรณคดี 'ขุนช้างขุนแผน' มีการนำเรื่องพิลึกพิลั่นที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในหนังแนวพีเรียดแบบนี้ใส่เข้ามาเพียบเลย อย่างการเอาช็อตหนังฮอลลีวู้ดหลายๆ เรื่องมายำรวมในเรื่อง เพื่อเรียกความสร้างสรรค์และความฮาขึ้นมา (ที่สังเกตเห็นตอนนี้อย่างน้อยก็ La La Land, Aladdin, Harry Potter, Avenger: Infinity War - Endgame และยังมีอีกหลายเรื่องที่ดูแล้วรู้เลยว่าเอามาจากหนังฮอลลีวู้ดแน่นอน !) นอกจากนี้ยังเสียดสีสังคมด้วยการเอาเรื่องราวที่เราพบเจอในปัจจุบันมาเสียดสีด้วย ซึ่งด้วยวิธีนี้ปรากฏว่าพอทำออกมา 'มันดันเวิร์ค 555' หนังมีความสดใหม่ต่างจากหนังไทยพีเรียดที่เคยทำมา คือมันมีความแฟนตาซีปนตลก ผสานกับแนวพีเรียดยุคเก่า (อย่างแค่ชื่อเมืองว่า 'ยูท่า' ก็แปลกแล้ว เมืองก็ถูกดีไซน์มาแปลกตา ดูร่วมสมัย)
     พอแนวทางหนังถูกดันให้แหกกรอบจากความสมจริงแบบหนังไทยพีเรียดแล้ว เวลาที่หนังอยากจะทดลองใส่อะไรเข้ามา ก็ใส่เข้ามาได้สบาย (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เวิร์คดี) รวมทั้งหนังก็พยายามบอกตั้งแต่ต้นเรื่องอยู่แล้วว่า 'มันเป็นหนังแฟนตาซีนะ อย่าไปซีเรียสกับความสมจริงสมจังมาก' พอเราดูก็เลยไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรมาก (แม้จะมีแปร่งๆ ไปบ้าง)

     อย่างที่ผมชอบประทับใจ ก็เช่นฉากเหล่านี้ (Spoil) 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- ช็อตขี่ม้าไล่ล่ากันเหมือนหนังคาวบอย แต่ใช้ธนูแทนปีน 

- ฉากเต้นเปิดเรื่องเหมือนอย่าง La La Land (แล้วก็ Enchanted ด้วย), ฉากแก้วกับพิมขี่กุมารบินแบบใน Aladdin แต่ดันเปิดเพลง ลาลาลอย ของ The Toy แทน A Whole New World

- ที่ชอบที่สุด แล้วไม่คิดว่าจะนำมาใส่ คือ ฉากตอนที่แก้วย้อนอดีตหลังจากจะดึงดาบฟ้าฟื้นลงมา เห็นปุ๊ปนี่รู้สึกเลยว่า มันดึงช็อตนี้มาเหมือน ตอนที่ Rey ใน Star Wars ได้จับไลท์เซเบอร์เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็สติโดนดูดเข้าไปในอีกโลกนึง แถมโลกที่โดนดูด ดันไปเป็น Copy ใน Avengers: Infinity War ซะงั้น ฉากที่ยืนเปล่าเปลี่ยวอยู่บนเวิ้งน้ำ (พอตอนนี้ช็อตนี้ รู้สึกเลยว่า เอ้อ กล้าใส่เข้ามานะ 555)

- ช็อตสู้กันท้ายเรื่อง ตอนที่แก้ววิ่งนำดาบฟ้าฟื้นที่หักไปแล้ว ฟันลงไปยังศัตรู ภาพใน Avengers: Endgame ลอยมาเลย 

     ยังมี Reference อีกมากมายที่ผมอาจจะพลาดไป ยังไงก็แนะนำมากันได้นะครับ...

    นอกจากแนวแฟนตาซีแล้ว หนังยังมีความเป็นหนังแอ็คชันสูงมาก คือด้วยความที่ผู้กำกับ ก้องเกียรติ ชอบแนวทางแอ็คชั่นมาแต่เดิมอยู่แล้ว (ดูจาก ขุนพันธ์ 1-2) ในความเป็นหนังแอ็คชั่นเลยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในขุนแผน ฟ้าฟื้น ซึ่งก็ทำได้โอเคนะ มันส์ใช้ได้เลย เหมือนพัฒนาแนวทางแอ็คชันมาจากขุนพันธ์ แต่ทำได้ดีกว่าเดิม

    [ ทั้งนี้ก็อย่าไปคาดหวังว่ามันจะดีในระดับหนังฮอลลีวู้ด เพราะด้วยทั้งเทคนิค งบประมาณ มันคงจะสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้     สำหรับฉากแอ็คชันที่ชอบที่สุด ก็คงไม่พ้นฉากตอนที่กลุ่มอาตมาด เข้ามาช่วยเหลือแก้ว แล้วร่ายมนต์เสก 'ท้าวเวสสุวรรณ' ขึ้นมา รู้สึกว่าทำซีนนี้ได้ดี แถม CG ก็สวยดีด้วย

มองภาพรวมหนัง
     หลังจากร่ายข้อดีไปแล้ว กลับมามองภาพรวมหนังกันบ้าง แน่นอนว่า ด้วยการที่หนังพยายามใส่หลายๆ อย่างยัดเข้ามาในหนัง ทำให้เส้นเรื่องรวมดูสับสนเพราะ มีเยอะเกินไป ดูล้น การให้เวลาในแต่ละส่วนของหนังทำได้ไม่เต็มที่ แถมแนวทางหนังที่ใส่มามีความหลากหลายมาก ทำให้ควบคุมได้ยาก ช็อตหลุดๆ จึงมีให้เห็นเยอะพอสมควร แม้แต่งานตัดต่อบางส่วนก็เหมือนงานหลุด เช่น มาซีนนี้อยู่ดีๆ ตัดฉับไปอีกซีนนึงเฉยเลย จังหวะหนังที่ไม่เฉียบ
     ดังนั้นในแง่ของภาพยนตร์ ขุนแผน ฟ้าฟื้น เลยไม่ได้ถือว่าเป็นหนังที่เนี้ยบมากนัก มีแผลพอสมควร บทหนังหลุดๆ ก็มี การดำเนินเรื่องก็ไม่ได้สม่ำเสมอคงที่ตลอดทั้งเรื่อง มีช่วงออกทะเล แต่ก็ยังดีที่วนกลับมาได้ในท้ายเรื่อง มุกตลกที่ยิงมาก็มีทั้งตรงเป้าแล้วก็แป๊ก (ส่วนใหญ่ผมก็ขำนะ)
     ในส่วนเอฟเฟ็ค CG อยู่ในระดับดี แม้จะมีไม่เนียนบ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่สามารถดูได้ เรื่องการแสดง ที่รู้สึกว่าแสดงได้ดีที่สุดคงไม่พ้น มาริโอ้ เพราะด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้สามารถเอาตัวรอดไปได้ แต่ก็ยังไม่ได้มีซีนที่แสดงความสามารถทางการแสดงให้รู้สึกประทับใจกว่านี้ ส่วนอีกคนที่รู้สึกว่าแสดงได้มีเสน่ห์มาก ก็คือ คุณต๊อก ศุภกร ในบทอาจารย์เดช เวลามีซีนที่พี่ต็อกโผล่ออกมาทีไร สามารถดึงความสนใจได้ตลอด (ฮาด้วย)

สรุป
     สำหรับผม ขุนแผน ฟ้าพื้น (2019) ผมให้คะแนน 7/10 ( ถ้ามองที่ความสนุกและมองเฉพาะในระดับหนังไทย ผมให้ 7.5/10 ) จัดเป็นหนังไทยที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งในปีนี้ แม้จะไม่สมบูรณ์ ไม่เนียนกลมกล่อม มีทั้งขาดและล้น แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความพยายามในการครีเอตเรื่อง และความพยายามในการสร้างหนังของทีมงาน ก็ทำให้พอจะมองข้ามข้อเสียต่างๆ ไปได้ อีกทั้งหนังก็ทำได้สนุกเพลิน - รั่ว กาว และลูกบ้าเยอะดี (ทั้งลูกบ้าและลูกมั่วเลย) สามารถดูได้แบบไม่คิดมาก ส่วนตัวผมให้ผ่านครับ ดูเป็นสไตล์หนังคัลท์ที่ Entertain คนดูในฉบับพี่ก้องเกียรติดี

     แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้เป็นหนังที่ดูแล้วชอบทุกคน ถ้าใครต้องการดูหนังคุณภาพที่เนียนและสมบูรณ์ ขุนแผน ฟ้าฟื้น (2019) ถือว่าไม่ตอบโจทย์มากนัก แต่ถ้าหากต้องการดูหนังแอ็คชันแฟนตาซีของไทยที่น่าสนใจ มีความคิดสร้างสรรค์ มีลูกบ้าในการนำเสนอ ก็อยากจะแนะนำ ขุนแผน ฟ้าฟื้น (2019) ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ แนะนำว่าให้รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปให้น้อยที่สุด จะทำให้เซอร์ไพร์สกับหนังได้เต็มที่

     สุดท้ายขอจบด้วยสองประโยคนี้ละกัน เป็นประโยคที่ติดหูผมที่สุดในเรื่อง ได้อารมณ์ฮึกเหิมดีด้วย

     ป.ล. ในหนังมีฉาก End Credit 2 ตัวนะครับ อย่าลืมดูกันนะครับ
     ป.ล.2 ชอบฉากใด ประทับใจหนังหรือคิดเห็นอย่างไร ก็มาพูดคุยกันได้นะครับ หากรีวิวผิดพลาดประการใดหรือไม่ถูกใจประการใด ก็ต้องขออภัยด้วยครับ หากมีการเปิดเผยเนื้อหาในหนัง ก็รบกวนฝากใส่ Spoil กันไว้ให้สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูเผื่อไว้ด้วยนะครับ