ท่านพุทธทาสเกิดมาในยุคที่โลกเพิ่งเห็นอานุภาพของปรมาณู ในขณะที่คนไทยยุคนั้นเพิ่งเริ่มอ่านออกเขียนเป็น หลายบ้านยังไม่รู้จักทีวีตู้เย็นเลย เพราะฉะนั้นท่านจึงเห็นความจำเป็นตามบริบทของสังคม ที่ศาสนาจำเป็นต้องถูกอธิบายให้สอดคล้องและดึงดูดผู้คนในโลกที่ต้องปรับตัวตามวิทยาศาสตร์และยุคแห่งการใช้เหตุผล ท่านจึงเลือกเฟ้นเอาเฉพาะบรมธรรมออกมาท้าทายชาวโลก ให้เห็นว่าศาสนาพุทธไม่จำเป็นต้องยึดถือขนบเดิมและพึ่งพาสิ่งเหนือธรรมชาติ เฉพาะเรื่องทุกข์และการดับทุกข์ซึ่งอธิบายได้สมบูรณ์แบบในเชิงตรรกะ
แต่พอถึงปัจจุบันจะเห็นว่าวิทยาศาสตร์ใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เทคโนโลยีจะพัฒนาได้อีกไม่มาก และจะไม่มีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่อะไรอีก ชีวิตมนุษย์ส่วนใหญ่กลายเป็นจักรกลที่หมุนเวียนไปตามระบบทุนนิยมและความพึงพอใจทางวัตถุ ซึ่งก็ตรงตามคำพยากรณ์ท่านพุทธทาสที่ย้ำมาตลอด แต่ปัญหาคือบรมธรรมที่ท่านพุทธทาสเฟ้นสอนจะช่วยมนุษย์ออกจากวัตถุนิยมได้ยังไง จะเห็นได้ว่าโลกยุคใหม่แม้การปัจจัยที่บังคับให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงเช่นการปล้นชิงฆ่าฟันจะลดลง แต่มนุษย์ก็กลับพบความทุกข์ยากในชีวิตรูปแบบอื่นอย่างรุนแรงเหมือนเดิม ปัญหาคือเรื่องความทุกข์เรื่องความพ้นทุกข์แม้เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สุดแต่แก้ไขยากที่สุด คนรุ่นใหม่ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีทางรู้ว่านิพพานัง ปรมัง สุขังมันเป็นเป็นยังไง เพราะฉะนั้นทางที่ง่ายที่สุดก็คือเลิกนับถือศาสนาเสีย ยอมปล่อยตัวไหลไปตามวัตถุนิยมง่ายๆ หาความสุขเข้าตัวให้มาก เอาเปรียบคนอื่นให้ได้ถ้ามีโอกาส ทำความดีเพียงเพื่อให้ได้ภาพลักษณ์ในสังคม บาปกรรมใดถ้าคนอื่นไม่รู้ไม่โดนลงโทษไม่ก็จงตั้งใจทำให้สำเร็จ ฯลฯ จะเห็นว่าคนรุ่นใหม่อัตราการไม่มีศาสนาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ เด็กรุ่นใหม่ไม่เชื่อเรื่องคนดีมีจริงกันแล้ว หนทางมีอำนาจคือการประพฤติอันธพาลแต่หน้าไหว้หลังหลอกให้สำเร็จ ในบัตรประชาชนเขียนว่าศาสนาพุทธแต่ใจจริงเป็นลัทธิจารวาก เพราะสามารถใช้ชีวิตสบาย slow life โดยที่ไม่ต้องออกไปแสวงอะไรที่มันลำบากและต้องใช้ความเพียรขั้นสูงอีก
ย้อนกลับมาที่ศาสนาพุทธ จะเห็นว่าดั้งเดิมพระไตรปิฎกเขียนบรรยายครอบคลุมไว้ทั้งหมด เหมาะสำหรับหมู่ชนทุกระดับ ทั้งความเชื่อลัทธิเดิมที่ก็คงมีความจริงอยู่บ้างและสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ไว้สูงสุด แม้แต่สัมมาทิฏฐิก็ยังแสดงไว้ชัดว่ามีทั้งระดับสาสวะและระดับโลกุตระที่พระพุทธเจ้ารับรองไว้ทั้งคู่ ดังนั้นแม้สวรรค์นรกจะพิสูจน์ง่ายๆไม่ได้แต่ก็มีประโยชน์ไม่น้อยสำหรับโลกียะชนซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่เสียด้วย ถึงท่านพุทธทาสจะเน้นย้ำถึงนรกสวรรค์ที่อายตนะและปฏิจจสมุปบาทที่ไม่จำเป็นต้องข้ามภพข้ามชาติ แต่ท่านเองก็เลี้ยงสัตว์ไว้เยอะน่าจะต้องเห็นว่าสัตว์แต่ละตัวเกิดมานิสัยสันดานไม่เท่ากัน บางตัวนิสัยผู้ดี บางตัวก็สันดานอันธพาลง่ายต่อการประพฤติหยาบช้า เรื่องนี้ถ้าไม่อธิบายให้ดีด้วยคนจะกลับเสื่อมศรัทธาเมื่อได้เห็นคนชั่วข่มเหงรังแกคนดี แล้วจะปล่อยให้นรกสวรรค์ที่อายตนะมาปกป้องคุ้มครองคนดีได้ยังไง จะปล่อยให้คนดียอมรับชะตากรรมทุกข์ยากและให้อภัยอย่างเดียวหรือ ระบบศีลธรรมแบบนี้มันยอมรับไม่ได้
ผมก็เลยขอเดาเอาว่าถ้าท่านพุทธทาสได้เห็นบริบทปัจจุบันอาจเปลี่ยนแนวทางการสอนบ้างไหม จากเดิมที่ท่านไม่ได้ปฏิเสธนรกใต้ดินสวรรค์บนฟ้า แต่คำสอนท่านก็ชวนให้คนหลงคิดง่ายๆว่าท่านปฏิเสธ ท่านอาจจะเปลี่ยนมาเน้นสอนว่าท่านยังคงยืนยันว่านรกสววรค์ทั้งหมดมีจริงตามที่พระไตรปิฎกเขียน
ถ้าท่านพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะเปลี่ยนใจกลับมาสอนเรื่องนรกสวรรค์หรือเปล่าครับ
แต่พอถึงปัจจุบันจะเห็นว่าวิทยาศาสตร์ใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เทคโนโลยีจะพัฒนาได้อีกไม่มาก และจะไม่มีการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่อะไรอีก ชีวิตมนุษย์ส่วนใหญ่กลายเป็นจักรกลที่หมุนเวียนไปตามระบบทุนนิยมและความพึงพอใจทางวัตถุ ซึ่งก็ตรงตามคำพยากรณ์ท่านพุทธทาสที่ย้ำมาตลอด แต่ปัญหาคือบรมธรรมที่ท่านพุทธทาสเฟ้นสอนจะช่วยมนุษย์ออกจากวัตถุนิยมได้ยังไง จะเห็นได้ว่าโลกยุคใหม่แม้การปัจจัยที่บังคับให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงเช่นการปล้นชิงฆ่าฟันจะลดลง แต่มนุษย์ก็กลับพบความทุกข์ยากในชีวิตรูปแบบอื่นอย่างรุนแรงเหมือนเดิม ปัญหาคือเรื่องความทุกข์เรื่องความพ้นทุกข์แม้เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สุดแต่แก้ไขยากที่สุด คนรุ่นใหม่ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีทางรู้ว่านิพพานัง ปรมัง สุขังมันเป็นเป็นยังไง เพราะฉะนั้นทางที่ง่ายที่สุดก็คือเลิกนับถือศาสนาเสีย ยอมปล่อยตัวไหลไปตามวัตถุนิยมง่ายๆ หาความสุขเข้าตัวให้มาก เอาเปรียบคนอื่นให้ได้ถ้ามีโอกาส ทำความดีเพียงเพื่อให้ได้ภาพลักษณ์ในสังคม บาปกรรมใดถ้าคนอื่นไม่รู้ไม่โดนลงโทษไม่ก็จงตั้งใจทำให้สำเร็จ ฯลฯ จะเห็นว่าคนรุ่นใหม่อัตราการไม่มีศาสนาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ เด็กรุ่นใหม่ไม่เชื่อเรื่องคนดีมีจริงกันแล้ว หนทางมีอำนาจคือการประพฤติอันธพาลแต่หน้าไหว้หลังหลอกให้สำเร็จ ในบัตรประชาชนเขียนว่าศาสนาพุทธแต่ใจจริงเป็นลัทธิจารวาก เพราะสามารถใช้ชีวิตสบาย slow life โดยที่ไม่ต้องออกไปแสวงอะไรที่มันลำบากและต้องใช้ความเพียรขั้นสูงอีก
ย้อนกลับมาที่ศาสนาพุทธ จะเห็นว่าดั้งเดิมพระไตรปิฎกเขียนบรรยายครอบคลุมไว้ทั้งหมด เหมาะสำหรับหมู่ชนทุกระดับ ทั้งความเชื่อลัทธิเดิมที่ก็คงมีความจริงอยู่บ้างและสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ไว้สูงสุด แม้แต่สัมมาทิฏฐิก็ยังแสดงไว้ชัดว่ามีทั้งระดับสาสวะและระดับโลกุตระที่พระพุทธเจ้ารับรองไว้ทั้งคู่ ดังนั้นแม้สวรรค์นรกจะพิสูจน์ง่ายๆไม่ได้แต่ก็มีประโยชน์ไม่น้อยสำหรับโลกียะชนซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่เสียด้วย ถึงท่านพุทธทาสจะเน้นย้ำถึงนรกสวรรค์ที่อายตนะและปฏิจจสมุปบาทที่ไม่จำเป็นต้องข้ามภพข้ามชาติ แต่ท่านเองก็เลี้ยงสัตว์ไว้เยอะน่าจะต้องเห็นว่าสัตว์แต่ละตัวเกิดมานิสัยสันดานไม่เท่ากัน บางตัวนิสัยผู้ดี บางตัวก็สันดานอันธพาลง่ายต่อการประพฤติหยาบช้า เรื่องนี้ถ้าไม่อธิบายให้ดีด้วยคนจะกลับเสื่อมศรัทธาเมื่อได้เห็นคนชั่วข่มเหงรังแกคนดี แล้วจะปล่อยให้นรกสวรรค์ที่อายตนะมาปกป้องคุ้มครองคนดีได้ยังไง จะปล่อยให้คนดียอมรับชะตากรรมทุกข์ยากและให้อภัยอย่างเดียวหรือ ระบบศีลธรรมแบบนี้มันยอมรับไม่ได้
ผมก็เลยขอเดาเอาว่าถ้าท่านพุทธทาสได้เห็นบริบทปัจจุบันอาจเปลี่ยนแนวทางการสอนบ้างไหม จากเดิมที่ท่านไม่ได้ปฏิเสธนรกใต้ดินสวรรค์บนฟ้า แต่คำสอนท่านก็ชวนให้คนหลงคิดง่ายๆว่าท่านปฏิเสธ ท่านอาจจะเปลี่ยนมาเน้นสอนว่าท่านยังคงยืนยันว่านรกสววรค์ทั้งหมดมีจริงตามที่พระไตรปิฎกเขียน