ขอเกริ่นก่อนว่า เราเป็นคนประเภทที่ทำอะไรได้หลายๆอย่าง แต่ไม่ได้ดีสักอย่าง
เหมือนกับเป็ด บินได้ ว่ายน้ำได้ วิ่งได้ แต่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรเมื่อนึกถึงเป็นก็ยังเห็นแค่ภาพสัตว์ต้วมเตี้ยมๆ เดินส่ายตูดๆ ร้องก๊าบๆ แค่นั้นเอง ถ้าเทียบกับเราให้เห็นภาพ
ยกตัวอย่างเช่น เราเรียนดีตั้งแต่ประถม จนจบมหาลัย ตั้งแต่ ม.ปลายจนจบมหาลัย เป็นที่ 1 ของห้อง ของชั้นปีตลอด หลายคนก็คาดหวังว่าคงเห็นเราในแวดวงวิชาการ รับราชการ หรือเรียนต่อปริญญาโทเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ใช่ พอเรียนจบรู้สึกว่าอยากใช้ชีวิต ทำงานหาเงิน เพราะฐานะที่บ้านระดับปานกลาง ไม่อยากเป็นภาระพ่อแม่ แล้วเราก็เลือกทำงานที่ไม่ตรงกับที่เรียนมาเลย (จบวิทยาการคอมพิวเตอร์) แต่เลือกไปทำงานโรงแรมในส่วนต้อนรับ โดยให้เหตุผลกับเจ้าของโรงแรมตอนสัมภาษณ์งาน ว่าอยากทำงานกับคน อยากลองรับมือกับคนในหลายๆรูปแบบ ทำได้เกือบ 2 ปี เงินไม่ได้เยอะแต่สิ่งที่ได้รับมาเต็มๆ คือ เป็นคนมีความอดทนมากขึ้น
เรื่องที่ 2 ระหว่างเปลี่ยนงานใหม่จากสายที่เราจบมาส่วนใหญ่ก็เป็นโปรแกรมเมอร์ แต่เราก็เพิ่งจะรู้ว่าเราชอบงานแนวศิลป์มากกว่า อยากเรียนรู้งานกราฟฟิก ออกแบบ ซึ่งไม่ได้มีในหลักสูตรที่เรียนมา และในสมัยนั้นก็ยังไม่ค่อยมีแหล่งให้เรียนรู้ด้วยตัวเองมากนัก เลยไปสมัครงานที่ร้านทำป้ายโฆษณา เพื่อต้องการเรียนรู้การใช้โปรแกรม Photoshop แบบที่มืออาชีพเค้าใช้ สามารถประกอบอาชีพได้ เข้าไปสมัครโดยใช้งานไม่เป็น อาจจะเป็นบ้างประมาณ 20% โดยบอกเจ้าของบริษัทว่า ดิฉันมีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และเป็นคนเรียนรู้ไวค่ะ เค้าตกลงรับแบบงงๆ ให้ทดลองทำงาน 1 ชิ้นภายในวันนั้น ถ้าทำได้เค้าจะรับ ซึ่งเราก็ทำได้และเค้าก็รับทำงาน เราก็ศึกษาจนใช้งานได้ดีตามที่เราหวังแต่ก็ยังไม่ถึงกับขั้นเทพมาก แต่ก็พอรับงานออกแบบด้วยตัวเองเป็นรายได้เสริม
เรื่องที่ 3 หลายคนคิดว่าทำงานกราฟฟิกไปน่าจะเปิดร้านของตัวเองได้ แต่ก็ไม่ พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าเป็นวิชาไว้ประดับตัวแต่เราไม่ได้หลงไหลคลั่งไคล้มากมายประกอบกับเข้าสู่ยุคดิจิตอล งานทำป้ายก็ไม่ได้เยอะ แต่ละร้านตัดราคากัน แข่งกันมากเกินไป ก็มองหางานอื่น มาเจอกับงานที่ร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกแห่งหนึ่ง ในตำแหน่ง Barista หรือคนชงกาแฟ ไปทำโดยไม่มีความรู้เรื่องนี้อีกแล้ว กาแฟสดก็ไม่เคยดื่ม เคยแต่กาแฟ 3 in 1 ตอนฝึกใหม่ๆแทบจะลาออกทุกวัน แต่ก็พยายาม อดทนเพราะเงินเดือนดี ก็ทำไปเรื่อยๆจนวันหนึ่งมีการฝึกอบรม ก็มีวิทยาการมาแนะนำผังองค์กร ตำแหน่งต่างๆ การเติบโตในสายงานนี้ ก็แค่คิดกับตัวเองเล่นๆว่า ฉันอยากมีรูปตัวเองอยู่ในสไลด์นั้นจังเลย คงจะเท่ น่าดู คิดแค่นั้นจริงๆ
และก็มีโอกาสเข้ามา สอบเลื่อนตำแหน่งเป็น Senoir Barista ก็สอบผ่าน ทำไปอีกสักพักก็สอบเลื่อนอีกครั้ง ในตำแหน่งที่เราต้องการ ได้มาแบบงงๆและมีรูปตัวเองอยู่ในสไลด์นั้นจริงๆ โดยตำแหน่งนี้มีแค่ 15 คนทั้งประเทศ แน่นอน เราจะเป็นที่รู้จักของผู้ใหญ่ หัวหน้า ผู้จัดการสาขา ตอนนั้นภูมิใจมาก
ก็ทำมาได้ 2 ปี แล้วก็ด้วยเนื้องานต้องมีการเดินทางอยู่ตลอด แรกๆก็สนุก แต่พอนานไปก็ต้องดูแลมากขึ้น เดินทางบ่อยจนสุขภาพไม่ดี และเริ่มเบื่อกับการเดินทาง ก็เลยมองหาอาชีพใหม่อีกครั้ง
เรื่องที่ 4 ด้วยความเป็นคนทำอาหารอร่อย จากที่เพื่อนๆบอกมา ก็เป็นคนทำอาหารเวลากินเลี้ยง สังสรรค์กับเพื่อนๆ เลยเกิดความคิดเปิดร้านอาหารเล็กๆ โดยไม่มีความรู้การทำธุรกิจใดใดเลย เรื่องนี้พลาดมากในชีวิต เปิดได้ไม่กี่เดือน เจ๊งจ้า เงินเก็บหมด บวกหนี้สินนิดหน่อย ก็ได้บทเรียนมาเยอะ กับความรู้ที่รู้ไม่จริง รู้ไม่ลึก ไม่แตกฉาน แค่ทำได้และความอยากทำมันไม่พอ เอาล่ะต้องหางานใหม่อีกครั้ง
จนมาได้งานปัจจุบัน สมัครเข้าไปในตำแหน่ง Assistant ของบริษัทต่างชาติ บ.เล็กๆ คนไม่เยอะ เริ่มไม่อยากวุ่นวายกับใคร ก็ทำมาเรื่อยๆ บอสก็เห็นว่าทำกราฟฟิกได้ ก็ให้ทำกราฟฟิก เลื่อนขั้นมาเป็น web designer ก็คอยศึกษางานทำเว็บไซต์จากรุ่นพี่ที่ทำงาน คอยช่วยเค้าทำบ้างพวกงานดูแลระบบ จนตอนนี้เค้าลาออก ก็เลื่อนมาทำแทนเค้า
เรื่องที่ 5 เป็นคนมีงานอดิเรกคือการทำงานฝีมือ ถักโครเชต์ เคยถักพวกตุ๊กตาขายเป็นรายได้เสริมช่วงเรียนมหาลัย แล้วก็ห่างหายไปช่วงหนึ่ง พอมีเวลาก็จะกลับมาทำ เพราะทำให้มีสมาธิดี ก็จะมีคนคอยบอกว่า ทำขายสิ นุ่นนี่นั่นอยู่ตลอด เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราอยากทำมากขนาดนั้น
เรื่องที่ 6 ส่วนตัวเราเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้เรื่องทั่วๆไป ทุกเรื่อง อ่านหนังสือ หลายแนว ปรัชญา ความรู้ แนวให้แง่คิดให้กำลังใจ หุ้น เทรนด์ธุรกิจ ข่าวดารา การเมือง ข่าวสำคัญๆ การแพทย์ คือสนใจเรื่องไหนอยากรู้เรื่องไหนก็จะอ่าน จะศึกษา เพื่อนๆรอบตัวชอบมาปรึกษาและไม่ว่าเรื่องอะไรเราก็มีคำตอบให้เสมอ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรจนถึงขั้นหลงไหล
หรือเราอาจจะเป็นแค่คนขี้เบื่อคนนึง ทำอะไรได้ไม่นาน แค่รู้สึกว่า ฉันทำอะไรก็ได้นี่หว่า แต่ทำไมไม่ดีเลิศเลยสักเรื่อง ดีมากพอที่จะนำไปประกอบอาชีพหรือทำเงินได้เยอะๆ หรือเราเพราะเรายังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เป็นคนไม่จริงจังหรือเปล่า มีใครที่เป็นแบบนี้บ้างคะ มาแชร์กันหน่อย
ไม่ได้มีปัญหากับการใช้ชีวิตอะไร คือมีงานทำ มีบ้านอยู่ มีรถขับ ดูแลพ่อแม่ได้ ยังไม่มีลูก แต่ชีวิตมันเอื่อยๆอ่ะค่ะ
***เพิ่มเติมนิดนึง ก่อนหน้านี้มีบางช่วงที่รู้สึกชีวิตซ้ำซากจำเจมากๆ เบื่อๆ ไม่อยากพบเจอใคร ไม่อยากเข้าสังคม ไม่มีความสุข จนรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า เคยลองทำแบบทดสอบมาหลายๆครั้งๆก็อยู่ในระดับเริ่มเป็น มีอาการนิดหน่อย แต่เราก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ พอหายรู้สึกก็พยายามมานั่งลิสต์ดูทีละข้อว่าอะไรทำให้รู้สึกแบบนั้น ก็พยายามปรับทัศนคติตัวเอง ออกไปพบเจอเพื่อนบ้าง ทำอะไรที่ไม่ซ้ำซาก ออกกำลังกาย หาสัตว์มาเลี้ยง หางานอดิเรกทำมันก็ดีขึ้นมาก ความรู้สึกพวกนั้นก็หายไป
สาเหตุส่วนหนึ่งเคยคิดว่า ทำไมวะ เราทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง มีแต่คนชื่นชม มีแต่คนบอก เธอเก่ง เธอทำได้ นู่นนี่นั่น แต่กลับรู้สึกว่าทำไมมันไม่ได้ดี มันน่าจะดีได้กว่านี้ ทำไมมันไม่ดีเลิศในด้านนั้นๆไปสักที ทุกวันนี้ก็เป็น เป็ด เหมือนเดิม ใช้ความสามารถนิดๆหน่อยๆที่มี เอาตัวรอดไปวันๆ อยู่ได้ แต่ไม่เห็นหนทางร่ำรวย หรือสบายไปมากกว่านี้ งงกับตัวเอง เหมือนคน 2 บุคคลิก บางวันขยันจนลืมเหนื่อย บางวันเอื่อยจนลืมขยัน มีใครเป็นแบบนี้บ้าง แก้ยังไงคะ หรือใช้ชีวิตกันยังไง เป็นปัญหาไหม ช่วยแชร์หน่อยค่ะ
มีใครเป็น "มนุษย์เป็ด" บ้างไหมคะ มาบ่นๆ มาระบายเฉยๆ
ยกตัวอย่างเช่น เราเรียนดีตั้งแต่ประถม จนจบมหาลัย ตั้งแต่ ม.ปลายจนจบมหาลัย เป็นที่ 1 ของห้อง ของชั้นปีตลอด หลายคนก็คาดหวังว่าคงเห็นเราในแวดวงวิชาการ รับราชการ หรือเรียนต่อปริญญาโทเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ใช่ พอเรียนจบรู้สึกว่าอยากใช้ชีวิต ทำงานหาเงิน เพราะฐานะที่บ้านระดับปานกลาง ไม่อยากเป็นภาระพ่อแม่ แล้วเราก็เลือกทำงานที่ไม่ตรงกับที่เรียนมาเลย (จบวิทยาการคอมพิวเตอร์) แต่เลือกไปทำงานโรงแรมในส่วนต้อนรับ โดยให้เหตุผลกับเจ้าของโรงแรมตอนสัมภาษณ์งาน ว่าอยากทำงานกับคน อยากลองรับมือกับคนในหลายๆรูปแบบ ทำได้เกือบ 2 ปี เงินไม่ได้เยอะแต่สิ่งที่ได้รับมาเต็มๆ คือ เป็นคนมีความอดทนมากขึ้น
เรื่องที่ 2 ระหว่างเปลี่ยนงานใหม่จากสายที่เราจบมาส่วนใหญ่ก็เป็นโปรแกรมเมอร์ แต่เราก็เพิ่งจะรู้ว่าเราชอบงานแนวศิลป์มากกว่า อยากเรียนรู้งานกราฟฟิก ออกแบบ ซึ่งไม่ได้มีในหลักสูตรที่เรียนมา และในสมัยนั้นก็ยังไม่ค่อยมีแหล่งให้เรียนรู้ด้วยตัวเองมากนัก เลยไปสมัครงานที่ร้านทำป้ายโฆษณา เพื่อต้องการเรียนรู้การใช้โปรแกรม Photoshop แบบที่มืออาชีพเค้าใช้ สามารถประกอบอาชีพได้ เข้าไปสมัครโดยใช้งานไม่เป็น อาจจะเป็นบ้างประมาณ 20% โดยบอกเจ้าของบริษัทว่า ดิฉันมีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และเป็นคนเรียนรู้ไวค่ะ เค้าตกลงรับแบบงงๆ ให้ทดลองทำงาน 1 ชิ้นภายในวันนั้น ถ้าทำได้เค้าจะรับ ซึ่งเราก็ทำได้และเค้าก็รับทำงาน เราก็ศึกษาจนใช้งานได้ดีตามที่เราหวังแต่ก็ยังไม่ถึงกับขั้นเทพมาก แต่ก็พอรับงานออกแบบด้วยตัวเองเป็นรายได้เสริม
เรื่องที่ 3 หลายคนคิดว่าทำงานกราฟฟิกไปน่าจะเปิดร้านของตัวเองได้ แต่ก็ไม่ พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าเป็นวิชาไว้ประดับตัวแต่เราไม่ได้หลงไหลคลั่งไคล้มากมายประกอบกับเข้าสู่ยุคดิจิตอล งานทำป้ายก็ไม่ได้เยอะ แต่ละร้านตัดราคากัน แข่งกันมากเกินไป ก็มองหางานอื่น มาเจอกับงานที่ร้านอาหารแบรนด์ดังระดับโลกแห่งหนึ่ง ในตำแหน่ง Barista หรือคนชงกาแฟ ไปทำโดยไม่มีความรู้เรื่องนี้อีกแล้ว กาแฟสดก็ไม่เคยดื่ม เคยแต่กาแฟ 3 in 1 ตอนฝึกใหม่ๆแทบจะลาออกทุกวัน แต่ก็พยายาม อดทนเพราะเงินเดือนดี ก็ทำไปเรื่อยๆจนวันหนึ่งมีการฝึกอบรม ก็มีวิทยาการมาแนะนำผังองค์กร ตำแหน่งต่างๆ การเติบโตในสายงานนี้ ก็แค่คิดกับตัวเองเล่นๆว่า ฉันอยากมีรูปตัวเองอยู่ในสไลด์นั้นจังเลย คงจะเท่ น่าดู คิดแค่นั้นจริงๆ
และก็มีโอกาสเข้ามา สอบเลื่อนตำแหน่งเป็น Senoir Barista ก็สอบผ่าน ทำไปอีกสักพักก็สอบเลื่อนอีกครั้ง ในตำแหน่งที่เราต้องการ ได้มาแบบงงๆและมีรูปตัวเองอยู่ในสไลด์นั้นจริงๆ โดยตำแหน่งนี้มีแค่ 15 คนทั้งประเทศ แน่นอน เราจะเป็นที่รู้จักของผู้ใหญ่ หัวหน้า ผู้จัดการสาขา ตอนนั้นภูมิใจมาก
ก็ทำมาได้ 2 ปี แล้วก็ด้วยเนื้องานต้องมีการเดินทางอยู่ตลอด แรกๆก็สนุก แต่พอนานไปก็ต้องดูแลมากขึ้น เดินทางบ่อยจนสุขภาพไม่ดี และเริ่มเบื่อกับการเดินทาง ก็เลยมองหาอาชีพใหม่อีกครั้ง
เรื่องที่ 4 ด้วยความเป็นคนทำอาหารอร่อย จากที่เพื่อนๆบอกมา ก็เป็นคนทำอาหารเวลากินเลี้ยง สังสรรค์กับเพื่อนๆ เลยเกิดความคิดเปิดร้านอาหารเล็กๆ โดยไม่มีความรู้การทำธุรกิจใดใดเลย เรื่องนี้พลาดมากในชีวิต เปิดได้ไม่กี่เดือน เจ๊งจ้า เงินเก็บหมด บวกหนี้สินนิดหน่อย ก็ได้บทเรียนมาเยอะ กับความรู้ที่รู้ไม่จริง รู้ไม่ลึก ไม่แตกฉาน แค่ทำได้และความอยากทำมันไม่พอ เอาล่ะต้องหางานใหม่อีกครั้ง
จนมาได้งานปัจจุบัน สมัครเข้าไปในตำแหน่ง Assistant ของบริษัทต่างชาติ บ.เล็กๆ คนไม่เยอะ เริ่มไม่อยากวุ่นวายกับใคร ก็ทำมาเรื่อยๆ บอสก็เห็นว่าทำกราฟฟิกได้ ก็ให้ทำกราฟฟิก เลื่อนขั้นมาเป็น web designer ก็คอยศึกษางานทำเว็บไซต์จากรุ่นพี่ที่ทำงาน คอยช่วยเค้าทำบ้างพวกงานดูแลระบบ จนตอนนี้เค้าลาออก ก็เลื่อนมาทำแทนเค้า
เรื่องที่ 5 เป็นคนมีงานอดิเรกคือการทำงานฝีมือ ถักโครเชต์ เคยถักพวกตุ๊กตาขายเป็นรายได้เสริมช่วงเรียนมหาลัย แล้วก็ห่างหายไปช่วงหนึ่ง พอมีเวลาก็จะกลับมาทำ เพราะทำให้มีสมาธิดี ก็จะมีคนคอยบอกว่า ทำขายสิ นุ่นนี่นั่นอยู่ตลอด เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราอยากทำมากขนาดนั้น
เรื่องที่ 6 ส่วนตัวเราเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้เรื่องทั่วๆไป ทุกเรื่อง อ่านหนังสือ หลายแนว ปรัชญา ความรู้ แนวให้แง่คิดให้กำลังใจ หุ้น เทรนด์ธุรกิจ ข่าวดารา การเมือง ข่าวสำคัญๆ การแพทย์ คือสนใจเรื่องไหนอยากรู้เรื่องไหนก็จะอ่าน จะศึกษา เพื่อนๆรอบตัวชอบมาปรึกษาและไม่ว่าเรื่องอะไรเราก็มีคำตอบให้เสมอ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรจนถึงขั้นหลงไหล
หรือเราอาจจะเป็นแค่คนขี้เบื่อคนนึง ทำอะไรได้ไม่นาน แค่รู้สึกว่า ฉันทำอะไรก็ได้นี่หว่า แต่ทำไมไม่ดีเลิศเลยสักเรื่อง ดีมากพอที่จะนำไปประกอบอาชีพหรือทำเงินได้เยอะๆ หรือเราเพราะเรายังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เป็นคนไม่จริงจังหรือเปล่า มีใครที่เป็นแบบนี้บ้างคะ มาแชร์กันหน่อย
ไม่ได้มีปัญหากับการใช้ชีวิตอะไร คือมีงานทำ มีบ้านอยู่ มีรถขับ ดูแลพ่อแม่ได้ ยังไม่มีลูก แต่ชีวิตมันเอื่อยๆอ่ะค่ะ
***เพิ่มเติมนิดนึง ก่อนหน้านี้มีบางช่วงที่รู้สึกชีวิตซ้ำซากจำเจมากๆ เบื่อๆ ไม่อยากพบเจอใคร ไม่อยากเข้าสังคม ไม่มีความสุข จนรู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า เคยลองทำแบบทดสอบมาหลายๆครั้งๆก็อยู่ในระดับเริ่มเป็น มีอาการนิดหน่อย แต่เราก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ พอหายรู้สึกก็พยายามมานั่งลิสต์ดูทีละข้อว่าอะไรทำให้รู้สึกแบบนั้น ก็พยายามปรับทัศนคติตัวเอง ออกไปพบเจอเพื่อนบ้าง ทำอะไรที่ไม่ซ้ำซาก ออกกำลังกาย หาสัตว์มาเลี้ยง หางานอดิเรกทำมันก็ดีขึ้นมาก ความรู้สึกพวกนั้นก็หายไป
สาเหตุส่วนหนึ่งเคยคิดว่า ทำไมวะ เราทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง มีแต่คนชื่นชม มีแต่คนบอก เธอเก่ง เธอทำได้ นู่นนี่นั่น แต่กลับรู้สึกว่าทำไมมันไม่ได้ดี มันน่าจะดีได้กว่านี้ ทำไมมันไม่ดีเลิศในด้านนั้นๆไปสักที ทุกวันนี้ก็เป็น เป็ด เหมือนเดิม ใช้ความสามารถนิดๆหน่อยๆที่มี เอาตัวรอดไปวันๆ อยู่ได้ แต่ไม่เห็นหนทางร่ำรวย หรือสบายไปมากกว่านี้ งงกับตัวเอง เหมือนคน 2 บุคคลิก บางวันขยันจนลืมเหนื่อย บางวันเอื่อยจนลืมขยัน มีใครเป็นแบบนี้บ้าง แก้ยังไงคะ หรือใช้ชีวิตกันยังไง เป็นปัญหาไหม ช่วยแชร์หน่อยค่ะ