ผู้ที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา นั่นหมายความว่าจะต้องเป็นมิจฉาทิฏฐิเท่านั้น ถามว่า เราจะรู้ได้อย่างไรคนพวกนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ?
ทุกท่านทราบดีว่า ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ นั่นหมายความว่ามรรคที่เหลือทั้งหมดจะเป็นมิจฉามรรค เพราะฉะนั้น เราลองมาดูกันว่าจริงหรือไม่
มิจฉาสังกัปปะ
คนที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา จะมีความขี้โกรธ อาฆาต พยาบาท หรือที่สังเกตง่ายที่สุด ยังคิดเบียดเบียนคน ทำให้คนเจ็บช้ำน้ำใจหรือไม่?
ส่วนตัวผมตอบได้เลยว่า ใช่ นะครับ ตัวอย่างก็เห็นกันอยู่ โดยเฉพาะการตั้งกระทู้ในแต่ละวัน
มิจฉาวาจา
เมื่อเป็นมิจฉาสังกัปปะ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสัมมาวาจา คนที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา จะพูดคำหยาบทุกคน ส่วนพูดส่อเสียด เสียดสี เพ้อเจ้อ ฯลฯ ที่จริงก็เห็นชัดเจน แต่น่าจะเถียงได้ว่าแถวบ้านไม่เรียกว่าเสียดสี ไม่เรียกว่าส่อเสียด รวมถึงการโกหกหรือไม่โกหก บางทีเราบอกไม่ได้
ก็จะมีเพียงคำหยาบที่พอจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดผ่านทางตัวหนังสือ เถียงไม่ได้
มิจฉากัมมันตะ เช่นเดียวกัน คนที่เป็นมิจฉาวาจา เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสัมมากัมมันตะ (ผมเองก็เคยตั้งกระทู้บอกว่า คนพูดคำหยาบและเป็นคนดี ไม่มีในโลก) คนที่เป็นมิจฉาวาจา โดยเฉพาะพูดจาหยาบคาย ชอบพูดคำหยาบเป็นปกติ จะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม เป็นไปไม่ได้
แม้จะไม่มีโอกาสไปลักขโมยของใคร ไม่เป็นชู้กับภรรยาใคร หรือฆ่าสัตว์ใหญ่ๆ แต่พวกสัตว์เล็กๆ ยุง มด แมลงสาป จิ้งจก ใส้เดือน อาจจะใหญ่ไปถึงหนู ไม่น่าจะรอด
เนื่องจากมรรคข้อที่เหลือ คือ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ คงไม่สามารถเห็นได้เป็นรูปธรรมผ่านทางเว็บบอร์ดพันทิปเหมือนสัมมาวาจา (ที่สังเกตเห็นได้จากการโพสต์) อีกทั้งคนที่เป็นมิจฉาวาจา ไม่จำเป็นว่าต้องพูดความจริง แต่เจ้าตัวจะรู้ตัวเองดี ทำอาชีพอะไร
หรือถ้าบวชเป็นพระ ซึ่งก็เป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ลองสังเกตว่าได้ปฏิบัติตรงตามพระวินัยหรือไม่
เจตนาที่ผมตั้งกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการตำหนิหรือต่อว่าใครทั้งสิ้น ผมอยากให้ผู้ที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตาสังเกตตัวเองเท่านั้น เพราะสมมุติว่าเป็นอย่างที่ผมพูดมาทั้งหมด เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนา แต่กลับไม่เจริญมรรค และจะเชื่อว่านิพพานเป็นอัตตาไปเรื่อยๆ ทั้งชีวิต ไม่คิดว่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อย่างนั้นหรือ
ส่วนใครหรือท่านใดที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา แต่อาจจะไม่ได้เข้ามาโพสต์ที่พันทิป แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ ผมก็ขออนุโมทนานะครับ
คนที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา ต้องเป็นมิจฉาทิฏฐิเท่านั้น ดังนั้น เราลองมาดูกันว่าจริงหรือไม่
ทุกท่านทราบดีว่า ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ นั่นหมายความว่ามรรคที่เหลือทั้งหมดจะเป็นมิจฉามรรค เพราะฉะนั้น เราลองมาดูกันว่าจริงหรือไม่
มิจฉาสังกัปปะ
คนที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา จะมีความขี้โกรธ อาฆาต พยาบาท หรือที่สังเกตง่ายที่สุด ยังคิดเบียดเบียนคน ทำให้คนเจ็บช้ำน้ำใจหรือไม่?
ส่วนตัวผมตอบได้เลยว่า ใช่ นะครับ ตัวอย่างก็เห็นกันอยู่ โดยเฉพาะการตั้งกระทู้ในแต่ละวัน
มิจฉาวาจา
เมื่อเป็นมิจฉาสังกัปปะ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสัมมาวาจา คนที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา จะพูดคำหยาบทุกคน ส่วนพูดส่อเสียด เสียดสี เพ้อเจ้อ ฯลฯ ที่จริงก็เห็นชัดเจน แต่น่าจะเถียงได้ว่าแถวบ้านไม่เรียกว่าเสียดสี ไม่เรียกว่าส่อเสียด รวมถึงการโกหกหรือไม่โกหก บางทีเราบอกไม่ได้
ก็จะมีเพียงคำหยาบที่พอจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดผ่านทางตัวหนังสือ เถียงไม่ได้
มิจฉากัมมันตะ เช่นเดียวกัน คนที่เป็นมิจฉาวาจา เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสัมมากัมมันตะ (ผมเองก็เคยตั้งกระทู้บอกว่า คนพูดคำหยาบและเป็นคนดี ไม่มีในโลก) คนที่เป็นมิจฉาวาจา โดยเฉพาะพูดจาหยาบคาย ชอบพูดคำหยาบเป็นปกติ จะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม เป็นไปไม่ได้
แม้จะไม่มีโอกาสไปลักขโมยของใคร ไม่เป็นชู้กับภรรยาใคร หรือฆ่าสัตว์ใหญ่ๆ แต่พวกสัตว์เล็กๆ ยุง มด แมลงสาป จิ้งจก ใส้เดือน อาจจะใหญ่ไปถึงหนู ไม่น่าจะรอด
เนื่องจากมรรคข้อที่เหลือ คือ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ คงไม่สามารถเห็นได้เป็นรูปธรรมผ่านทางเว็บบอร์ดพันทิปเหมือนสัมมาวาจา (ที่สังเกตเห็นได้จากการโพสต์) อีกทั้งคนที่เป็นมิจฉาวาจา ไม่จำเป็นว่าต้องพูดความจริง แต่เจ้าตัวจะรู้ตัวเองดี ทำอาชีพอะไร
หรือถ้าบวชเป็นพระ ซึ่งก็เป็นอาชีพอย่างหนึ่ง ลองสังเกตว่าได้ปฏิบัติตรงตามพระวินัยหรือไม่
เจตนาที่ผมตั้งกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการตำหนิหรือต่อว่าใครทั้งสิ้น ผมอยากให้ผู้ที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตาสังเกตตัวเองเท่านั้น เพราะสมมุติว่าเป็นอย่างที่ผมพูดมาทั้งหมด เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนา แต่กลับไม่เจริญมรรค และจะเชื่อว่านิพพานเป็นอัตตาไปเรื่อยๆ ทั้งชีวิต ไม่คิดว่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อย่างนั้นหรือ
ส่วนใครหรือท่านใดที่เชื่อว่านิพพานเป็นอัตตา แต่อาจจะไม่ได้เข้ามาโพสต์ที่พันทิป แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ ผมก็ขออนุโมทนานะครับ