"การเป็นคนธรรมดาในโลกที่โหดร้ายก็ว่ายากแล้ว
แต่การเป็นคนเปราะบางที่ต้องต่อสู้ในโลกที่แสนโหดร้ายนั้นกลับยากเย็นยิ่งกว่า"
หากพูดในฐานะของคนชอบดูหนัง ชอบการเขียนบทที่มีชั้นเชิง ชอบการแสดงที่เข้าขั้นทรงพลัง และชอบศึกษาเรื่องราวแนวจิตวิทยาอย่างเราแล้ว แน่นอน Joker 2019 ด้วยฝีมือที่แสนโดดเด่นของ Joaquin Phoenix นั้นผ่านตลอดทุกข้ออย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย
หากอาเธอร์ เฟล็ก (ชื่อเดิมของ Joker ในเรื่อง) เป็นเพื่อนในชีวิตจริงของเราสักคน เขาก็คงเป็นเพื่อนที่เราอยากดึงมากอดแน่นๆ แล้วนั่งฟังสิ่งที่เขาต้องการจะพูดให้นานที่สุด แล้วบอกว่าสุดท้ายทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร
แต่ผู้กำกับไม่ปล่อยให้เราทำแบบนั้น เพราะ Joker 2019 คือการเล่าเรื่องราวด้านมืดอันแสนโหดร้ายของสังคมในเมือง Gotham City ที่หากจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้แตกต่างไปจากโลกใกล้ตัวเราในทุกวันนี้สักเท่าใดนัก เพียงแต่ตัวหนังเลือกที่จะสาดเราด้วยด้านมืดล้วนๆ จนแทบจะหาสีขาวหรือแม้แต่เทาน้อยๆ ก็ไม่เจอ
ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนซึ่งเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ท่ามกลางหมู่คนที่ระแวดระวัง เห็นแก่ตัวและโหดร้าย ไร้ซึ่งน้ำใจ หรือความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำทางด้านสังคมแบบสุดโต่ง และอาเธอร์ เฟล็ก ผู้แสนอ่อนโยนและบอบบางคนนั้นจะต้องดำเนินชีวิตผ่านมันไปให้ได้ในแต่ละวัน
อาเธอร์ ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งซึ่งมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ จากอดีตอันแสนโหดร้ายในวัยเด็ก ผู้ซึ่งใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งในการเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งในโลกอันแสนบิดเบี้ยว
หลายครั้งที่เราต้องทนดูเรื่องราวร้ายๆ มากมายที่ตะบี้ตะบันเกิดขึ้นในชีวิตของเขา จนแอบเกิดคำถามกับตัวเองว่าหากเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราจะทำอย่างไร? เราจะหัวเราะให้กับสถานการณ์ตลกร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิตราวกับเรื่องตลกอย่างอาเธอร์ได้ไหม
ชายน่าสงสารที่มักใช้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเพื่อหลบซ่อนตัวจากโศกนาฎกรรมในชีวิต ตามคำสอนของแม่ที่เรียกเค้าว่า "ความสุข" หรือ Happy เพื่อให้เขาเป็นดั่งเสียงหัวเราะในโลกอันโหดร้ายโสมม
ถ้าเพียงแต่เสียงหัวเราะนั้นจะดังไปถึงเบื้องลึกในจิตใจ
แต่เปล่าเลย ความสุขนั้นไม่เคยลามไปถึงดวงตาซึ่งแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของหัวใจ
หากเราต้องเสียน้ำตาให้กับชีวิตบัดซบของ Arthur Fleck เราก็คงต้องปรบมือแรงๆ ให้กับการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Joaquin Phoenix ผู้ซึ่งในความคิดของเรา เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้
Joaquin Phoenix ทำให้บท Joker ซึ่งอดีตนักแสดงผู้ล่วงลับอย่าง Heath Ledger เคยทำให้เป็นปรากฏการณ์มาแล้ว ได้เกิดใหม่ให้กลายเป็นยิ่งกว่าตำนานที่จะถูกเล่าขานต่อไปอีกนานแสนนาน
Joaquin ทำให้เราที่ไม่ได้เป็นแฟน Batman และแทบไม่รู้เรื่องราวอะไรมากมายเกี่ยวกับ Comic ตระกูลนี้เลย เชื่ออย่างสนิทใจในความเป็นมาเป็นไปของตัวละครตัวนี้ และที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นคือกลับทำให้เรารู้สึก "สงสาร" ตัวร้ายตัวนี้พอๆ กับตัวดีในหนังดีๆ สักเรื่อง แต่มันก็เป็นไปแล้ว และทำได้ดีเกินคาดด้วย เขาทำให้ Joker มีชีวิต
หากจะนิยามการแสดงของเขา คงต้องใช้คำว่าลึกซึ้ง ปราณีต งดงาม ทรงพลัง และแฝงรายละเอียดในทุกอิริยาบท แม้แต่แววตา ท่าวิ่ง เสียงหัวเราะแห้งแล้งที่แสนเย็นชาต่อโลก การฉีกยิ้มทั้งที่ดวงตากำลังร่ำไห้ การแสดงออกทุกกล้ามเนื้อของร่างกาย เขาคือ Joker ที่วิ่งอยู่ในชีวิตจริง อันนี้ขอชมจากใจ เราชอบการแสดงของผู้ชายคนนี้มาก และคิดว่ารางวัล Oscar ดารานำชายปีนี้ไม่พ้นมืออย่างแน่นอน
ส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าสารที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อ หากมองให้ลึก มันก็ค่อนข้างหนักหน่วงและใกล้ตัวมาก เหมือนเอาความเป็นจริงมาตีแผ่ต่อหน้าโดยผ่านมุมมองของคนบ้า ที่ถูกกระทำโดยพฤติการณ์ทางสังคมอันโหดร้าย
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ อาจมีคนอย่าง Joker ก่อกำเนิดขึ้นมาแล้วหลายสิบคนก็เป็นได้ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ มันอาจจะกลายเป็นคนใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด แค่เรายังไม่รู้ตัว ไม่เคยได้สนใจ หรือแค่รอให้ถึงจุดระเบิดอย่างที่เรียกว่า Breaking Point
ซึ่ง Arthur Fleck ผ่านจุดนั้นมาแล้วเรียบร้อย ต่อให้เนื้อแท้เป็นคนดีเพียงไร
หากเมื่อไหร่ที่ขีดความรู้สึกนั้นถูกข้ามเส้นไปแล้วก็ยากที่จะกลับมาเป็นคนเดิมได้
อาเธอร์ผู้ซึ่งรู้สึกไร้ค่า ไร้ตัวตน เป็น Loser เป็น Nobody เป็น Underdog ในสังคม ได้กำเนิดเกิดใหม่ผ่านความรุนแรงที่ระเบิดออกมาจากเบื้องลึกภายในจิตใจ เป็นเวทีเลือดที่ทำให้เขารู้สึกถึงความมีตัวตนขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิต
ชีวิต..ที่ไม่มีอะไรให้ต้องอาวรณ์หรือต่อสู้อีกต่อไปแล้ว
หากจะเรียก Joker ว่าคือตัวร้าย สำหรับเรา เราอยากเรียกเขาว่า Underdog Hero เขาคือตัวแทนของกลุ่มคนที่คิดว่าถูกโลกกระทำอย่างโหดร้าย และต้องการเรียกร้องคืนให้เจ็บปวดยิ่งกว่า ด้วยตรรกะความคิดที่บิดเบือนอย่างไม่รู้จักผิดถูกชอบชั่วดี
ผลลัพธ์ในการกระทำของเขานั้นไม่ถูก
แต่ความเจ็บแค้นของเขาก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน
และเรื่องราวมันคงไม่กลายเป็นแบบนี้ หากเขามีใครสักคนที่คอยรับฟัง คอยอยู่เคียงข้าง
ให้กำลังใจ หรือแค่ส่งยิ้มให้สักนิด ในวันที่ฟ้าถล่มลงมาต่อหน้า
แต่โชคร้ายที่เขาไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านั้นเลย
ก็ในเมื่อโลกนี้ไม่เคยยิ้มให้กับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องยิ้มให้โลก
หรือให้ดียิ่งกว่านั้นคือเราก็แค่ยิ้มเยาะให้โลกอย่าง Joker ทำ
“I thought my life was a tragedy
but then I learned it was a comedy.”
มองให้ดีชีวิตนี้ก็แค่เรื่องตลก
หรือว่าไม่จริง.
#######################################
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้างคะ มีความคิดเห็นหรือได้รับสารอะไรจากหนังเรื่องนี้บ้าง มาพูดคุยกันได้นะคะ
ปล.ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลที่ได้รับและตกผลึกจากการดูหนังเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละคนย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกันไปตามความคิดและประสบการณ์ ไม่มีถูกผิด เพราะฉะนั้นมาแชร์กันเถอะค่ะ
[CR] Review : Joker (2019) เมื่อมองให้ดีชีวิตนี้ก็แค่เรื่องตลก (ร้ายๆ)
แต่การเป็นคนเปราะบางที่ต้องต่อสู้ในโลกที่แสนโหดร้ายนั้นกลับยากเย็นยิ่งกว่า"
หากพูดในฐานะของคนชอบดูหนัง ชอบการเขียนบทที่มีชั้นเชิง ชอบการแสดงที่เข้าขั้นทรงพลัง และชอบศึกษาเรื่องราวแนวจิตวิทยาอย่างเราแล้ว แน่นอน Joker 2019 ด้วยฝีมือที่แสนโดดเด่นของ Joaquin Phoenix นั้นผ่านตลอดทุกข้ออย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย
หากอาเธอร์ เฟล็ก (ชื่อเดิมของ Joker ในเรื่อง) เป็นเพื่อนในชีวิตจริงของเราสักคน เขาก็คงเป็นเพื่อนที่เราอยากดึงมากอดแน่นๆ แล้วนั่งฟังสิ่งที่เขาต้องการจะพูดให้นานที่สุด แล้วบอกว่าสุดท้ายทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร
แต่ผู้กำกับไม่ปล่อยให้เราทำแบบนั้น เพราะ Joker 2019 คือการเล่าเรื่องราวด้านมืดอันแสนโหดร้ายของสังคมในเมือง Gotham City ที่หากจะว่าไปแล้วก็ไม่ได้แตกต่างไปจากโลกใกล้ตัวเราในทุกวันนี้สักเท่าใดนัก เพียงแต่ตัวหนังเลือกที่จะสาดเราด้วยด้านมืดล้วนๆ จนแทบจะหาสีขาวหรือแม้แต่เทาน้อยๆ ก็ไม่เจอ
ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนซึ่งเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ท่ามกลางหมู่คนที่ระแวดระวัง เห็นแก่ตัวและโหดร้าย ไร้ซึ่งน้ำใจ หรือความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำทางด้านสังคมแบบสุดโต่ง และอาเธอร์ เฟล็ก ผู้แสนอ่อนโยนและบอบบางคนนั้นจะต้องดำเนินชีวิตผ่านมันไปให้ได้ในแต่ละวัน
อาเธอร์ ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งซึ่งมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ จากอดีตอันแสนโหดร้ายในวัยเด็ก ผู้ซึ่งใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งในการเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งในโลกอันแสนบิดเบี้ยว
หลายครั้งที่เราต้องทนดูเรื่องราวร้ายๆ มากมายที่ตะบี้ตะบันเกิดขึ้นในชีวิตของเขา จนแอบเกิดคำถามกับตัวเองว่าหากเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราจะทำอย่างไร? เราจะหัวเราะให้กับสถานการณ์ตลกร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิตราวกับเรื่องตลกอย่างอาเธอร์ได้ไหม
ชายน่าสงสารที่มักใช้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเพื่อหลบซ่อนตัวจากโศกนาฎกรรมในชีวิต ตามคำสอนของแม่ที่เรียกเค้าว่า "ความสุข" หรือ Happy เพื่อให้เขาเป็นดั่งเสียงหัวเราะในโลกอันโหดร้ายโสมม
ถ้าเพียงแต่เสียงหัวเราะนั้นจะดังไปถึงเบื้องลึกในจิตใจ
แต่เปล่าเลย ความสุขนั้นไม่เคยลามไปถึงดวงตาซึ่งแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของหัวใจ
หากเราต้องเสียน้ำตาให้กับชีวิตบัดซบของ Arthur Fleck เราก็คงต้องปรบมือแรงๆ ให้กับการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Joaquin Phoenix ผู้ซึ่งในความคิดของเรา เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในหนังเรื่องนี้
Joaquin Phoenix ทำให้บท Joker ซึ่งอดีตนักแสดงผู้ล่วงลับอย่าง Heath Ledger เคยทำให้เป็นปรากฏการณ์มาแล้ว ได้เกิดใหม่ให้กลายเป็นยิ่งกว่าตำนานที่จะถูกเล่าขานต่อไปอีกนานแสนนาน
Joaquin ทำให้เราที่ไม่ได้เป็นแฟน Batman และแทบไม่รู้เรื่องราวอะไรมากมายเกี่ยวกับ Comic ตระกูลนี้เลย เชื่ออย่างสนิทใจในความเป็นมาเป็นไปของตัวละครตัวนี้ และที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นคือกลับทำให้เรารู้สึก "สงสาร" ตัวร้ายตัวนี้พอๆ กับตัวดีในหนังดีๆ สักเรื่อง แต่มันก็เป็นไปแล้ว และทำได้ดีเกินคาดด้วย เขาทำให้ Joker มีชีวิต
หากจะนิยามการแสดงของเขา คงต้องใช้คำว่าลึกซึ้ง ปราณีต งดงาม ทรงพลัง และแฝงรายละเอียดในทุกอิริยาบท แม้แต่แววตา ท่าวิ่ง เสียงหัวเราะแห้งแล้งที่แสนเย็นชาต่อโลก การฉีกยิ้มทั้งที่ดวงตากำลังร่ำไห้ การแสดงออกทุกกล้ามเนื้อของร่างกาย เขาคือ Joker ที่วิ่งอยู่ในชีวิตจริง อันนี้ขอชมจากใจ เราชอบการแสดงของผู้ชายคนนี้มาก และคิดว่ารางวัล Oscar ดารานำชายปีนี้ไม่พ้นมืออย่างแน่นอน
ส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าสารที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อ หากมองให้ลึก มันก็ค่อนข้างหนักหน่วงและใกล้ตัวมาก เหมือนเอาความเป็นจริงมาตีแผ่ต่อหน้าโดยผ่านมุมมองของคนบ้า ที่ถูกกระทำโดยพฤติการณ์ทางสังคมอันโหดร้าย
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ อาจมีคนอย่าง Joker ก่อกำเนิดขึ้นมาแล้วหลายสิบคนก็เป็นได้ ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ มันอาจจะกลายเป็นคนใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด แค่เรายังไม่รู้ตัว ไม่เคยได้สนใจ หรือแค่รอให้ถึงจุดระเบิดอย่างที่เรียกว่า Breaking Point
ซึ่ง Arthur Fleck ผ่านจุดนั้นมาแล้วเรียบร้อย ต่อให้เนื้อแท้เป็นคนดีเพียงไร
หากเมื่อไหร่ที่ขีดความรู้สึกนั้นถูกข้ามเส้นไปแล้วก็ยากที่จะกลับมาเป็นคนเดิมได้
อาเธอร์ผู้ซึ่งรู้สึกไร้ค่า ไร้ตัวตน เป็น Loser เป็น Nobody เป็น Underdog ในสังคม ได้กำเนิดเกิดใหม่ผ่านความรุนแรงที่ระเบิดออกมาจากเบื้องลึกภายในจิตใจ เป็นเวทีเลือดที่ทำให้เขารู้สึกถึงความมีตัวตนขึ้นมาเป็นครั้งแรกในชีวิต
ชีวิต..ที่ไม่มีอะไรให้ต้องอาวรณ์หรือต่อสู้อีกต่อไปแล้ว
หากจะเรียก Joker ว่าคือตัวร้าย สำหรับเรา เราอยากเรียกเขาว่า Underdog Hero เขาคือตัวแทนของกลุ่มคนที่คิดว่าถูกโลกกระทำอย่างโหดร้าย และต้องการเรียกร้องคืนให้เจ็บปวดยิ่งกว่า ด้วยตรรกะความคิดที่บิดเบือนอย่างไม่รู้จักผิดถูกชอบชั่วดี
ผลลัพธ์ในการกระทำของเขานั้นไม่ถูก
แต่ความเจ็บแค้นของเขาก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน
และเรื่องราวมันคงไม่กลายเป็นแบบนี้ หากเขามีใครสักคนที่คอยรับฟัง คอยอยู่เคียงข้าง
ให้กำลังใจ หรือแค่ส่งยิ้มให้สักนิด ในวันที่ฟ้าถล่มลงมาต่อหน้า
แต่โชคร้ายที่เขาไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านั้นเลย
ก็ในเมื่อโลกนี้ไม่เคยยิ้มให้กับเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องยิ้มให้โลก
หรือให้ดียิ่งกว่านั้นคือเราก็แค่ยิ้มเยาะให้โลกอย่าง Joker ทำ
“I thought my life was a tragedy
but then I learned it was a comedy.”
มองให้ดีชีวิตนี้ก็แค่เรื่องตลก
หรือว่าไม่จริง.
#######################################
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้างคะ มีความคิดเห็นหรือได้รับสารอะไรจากหนังเรื่องนี้บ้าง มาพูดคุยกันได้นะคะ
ปล.ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลที่ได้รับและตกผลึกจากการดูหนังเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละคนย่อมมีมุมมองที่แตกต่างกันไปตามความคิดและประสบการณ์ ไม่มีถูกผิด เพราะฉะนั้นมาแชร์กันเถอะค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้