ตำนานเพื่อนรัก (ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์)
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยที่ดวงจันทร์และพระอาทิตย์ยังอาศัยอยู่บน ณ ผืนฟ้าแผ่นเดียวกันให้คนบนโลกได้ปรากฎเห็น ดวงจันทร์และพระอาทิตย์เป็นเพื่อนกันมายาวนาน ทั้ง 2 สนิทกันมาก ยามใดที่พระอาทิตย์ขึ้น ข้างๆกายของมันย่อมจะมีพระจันทร์อยู่เคียงข้างเสมอ แสงของมันทั้งสองส่องเป็นประกายและคอยนำทางให้แก่นักเดินทาง
แต่พระจันทร์ก็รู้ดีแสงของมันนั้นอีกไม่นานก็จะต้องดับมอดลงและมันก็ต้องหายไปช้าๆทีละนิดๆ มันรู้เรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว และไม่คิดจะกล่าวเรื่องนี้ออกไปให้พระอาทิตย์ได้ล่วงรู้ จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตดวงจันทร์มาถึง แสงของมันริบหรี่เต็มที พร้อมที่จะดับได้ทุกเมื่อ พระอาทิตย์รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของพระจันทร์และมันก็พบว่าพระจันทร์กำลังจะจากมันไปโดยลำพัง หากแต่พระอาทิตย์นั้นมิอาจทนเห็นเพื่อนของมันต้องดับลงไม่
ในที่สุดมันจิงไปของร้องเทพแห่งผืนฟ้า เพื่อให้พระจันทร์มีอายุขัยยืนยาวกว่าเดิม มันเสนอและวิงวอน ให้เทพแห่งผืนฟ้าช่วยมันโดยยอมนำแสงของมันแบ่งให้กับดวงจันทร์ เทพแห่งผืนฟ้าเห็นใจดวงอาทิตย์ จึงยอมทำตามคำขอ แต่มีข้อแม้ว่า ยามใดที่พระจันทร์ตื่น พระอาทิตย์จะต้องหลับ และยามใดที่พระจันทร์หลับใหล ยามนั้นอาทิตย์จึงจะสามารถตื่นได้ ดวงอาทิตย์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่เพราะมันอยากจะให้เพื่อนของมันได้ส่องประกายดังเดิม
จึงยอมทำตามคำบอกเล่าของเทพตนนั้น
เมื่อดวงจันทร์ฟื้นกลับมาอีกครั้ง มันกลับไม่พบเพื่อนสุดที่รักของมันแล้ว เพราะในยามนี้ มันพบแต่ความมืดมิด และมีเพียงตัวมันเองเท่านั้น ที่ส่องแสงพราว ให้แก่ผู้คนมากมาย แม้มันจะพยายามตามหาดวงอาทิตย์เพียงไร ก็มิอาจหาพบได้ เพราะมันทั้ง 2 ในยามนี้ เปรียบได้กับเหนือ และใต้ ที่ยากแก่การที่จะได้พบกันเป็นที่สุด
Cr..wordpress.com
ตำนานพระจันทร์ 2 ดวง
นานมาแล้ว..สมัยที่โลกยังมีพระจันทร์ 2 ดวง มีพระจันทร์ดวงหนึ่งเป็นผู้หญิงกับอีกดวงหนึ่งเป็นผู้ชาย และพระจันทร์สองดวงนี้ต่างก็รักกันมาก ดวงจันทร์ทั้ง 2 ไม่เคยแยกห่างจากกัน ทุก ๆ คืนเมื่อมองไปบนฟ้า จะเห็นดวงจันทร์ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันเสมอ แต่แล้ววันหนึ่งดวงจันทร์ผู้หญิงได้ไปพบกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงจันทร์หลงใหลในแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ จนเลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ไป ทีละน้อย ๆ จนแยกมาจากดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งในที่สุด
เมื่อค่ำคืนมาถึงจึงมีดวงจันทร์ผู้ชายเหลืออยู่เพียงดวงเดียว ดวงจันทร์ดวงนั้นจึงได้แต่ตามหาดวงจันทร์ผู้หญิงไปทุกหนทุกแห่ง คืนแล้วคืนเล่าผ่านไปดวงจันทร์ผู้ชายก็ไม่สามารถหาดวงจันทร์ผู้หญิงได้พบ ด้วยความคิดถึงและอยากพบให้เร็วที่สุด ทำให้ดวงจันทร์ผู้ชายคิดว่า “หากเรามัวแต่ตามหาอยู่อย่างนี้คงไม่ได้เจอแน่ๆ”
จึงตัดสินใจ…..ระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นออกตามหาดวงจันทร์อีกดวงหนึ่ง' เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงได้เห็นถึงความจริงว่า แม้ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้าสวยงามสักปานใด แต่ดวงอาทิตย์ก็มิได้ส่องแสงเจิดจ้านั้นแต่เพียงตนเท่านั้น
ยังส่องแสงไปยังดวงอื่น ๆ อีกมากมาย ดวงจันทร์จึงกลับมาหาดวงจันทร์ผู้ชายอีกครั้ง… แต่หาเท่าไหร่ก็หาดวงจันทร์ผู้ชายไม่พบ
ต่อมาจึงได้รู้ว่า… ดวงจันทร์ผู้ชายยอมระเบิดตัวเองเพียงเพื่อตามหาตนจนกระจัดกระจายเป็นเศษเสี้ยว เล็กๆ ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงรู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เจอกับดวงดาวผู้ชายอีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่โศกเศร้าเสียใจ แต่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ดวงจันทร์ผู้ชายมีต่อดวงจันทร์ผู้หญิง…ทุกค่ำคืนจึงพยายามเปล่งประกายแสงที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของตนส่องให้ถึงดวงจันทร์ผู้หญิง เกิดเป็นแสงพร่างพรายเต็มท้องฟ้าเคียงข้างดวงจันทร์ จนเกิดเป็นดวงจันทร์และดวงดาวให้เราเห็นจนถึงทุกวันนี้
สังเกตมั้ยว่า…… คืนใดที่ดวงจันทร์เต็มดวงจรัสแสงประกายเจิดจ้ามากที่สุด คืนนั้นท้องฟ้าไร้ดวงดาว แต่หากคืนใดที่เมฆน้อยบดบังดวงจันทร์ไปหมดสิ้น
ค่ำคืนนั้นเรากลับได้เห็นดวงดาวทอแสงเต็มท้องฟ้า
Cr.
https://sites.google.com
ตำนาน กระต่าย บนดวงจันทร์
ดวงจันทร์ ที่ส่องสว่างบนฟ้ามืด มีเรื่องเล่าอยู่ว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…มี กระต่าย ตัวหนึ่ง มันหลงรักแสงจันทร์ยามค่ำคืน ทุกคืนเดือนเพ็ญ มันจะออกมานั่งมองดวงจันทร์และจินตนาการขึ้นไปบนท้องฟ้า ทุกๆวันขึ้นปีใหม่ เจ้ากระต่ายหนุ่มมันจะปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุดของป่า และขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้มันได้อยู่คู่ดวงจันทร์ตลอดไป เรื่องเล่านี้เหมือนเป็นตำนานของดวงจันทร์ที่เล่ากันต่อมารุ่นสู่รุ่น วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปรู้จักตำนานและความเชื่อของกระต่ายในดวงจันทร์แต่ละประเทศ
ตำนานอินเดีย
เชื่อกันว่าภาพที่เห็นบนผิวดวงจันทร์คือ “เทพแห่งดวงจันทร์” ชื่อ “จันทรา” ผู้ซึ่งถือกระต่ายไว้ในมือเนื่องจากคำว่ากระต่ายในภาษาสันสกฤต คือ “ศศะ” ดังนั้นจึงเรียกดวงจันทร์ว่า “ศศิน” แปลว่ากระต่าย ในนิทานแฝงคติธรรมทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับกระต่ายบนดวงจันทร์เล่าว่า ครั้งหนึ่งมีกระต่าย ลิง นาก และสุนัขจิ้งจอก สาบานร่วมกันว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ตลอดชีวิต และบำเพ็ญตนเป็นฤๅษีอยู่ในป่า พระอินทร์อยากทดสอบในศรัทธาของสัตว์ทั้งสี่ จึงปลอมตัวเป็นพราหมณ์เที่ยวขอบริจาคทานโดยไปขอจากลิงตัวแรก ลิงมอบมะม่วงให้ จากนั้นพราหมณ์ก็ไปขอทานจากนาก นากถวายปลาซึ่งมาตายเกยตื้นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนสุนัขจิ้งจอกก็ถวายนมหม้อหนึ่งและผลไม้แห้ง
ตำนานจีน
กล่าวว่าภาพที่ปรากฏบนดวงจันทร์คือ กระต่ายกำลังตำข้าวในครก กระต่ายตัวนี้เชื่อกันว่าเป็นผู้รับใช้เซียนหรือผู้วิเศษโดยมีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ และกระต่ายมีความเกี่ยวพันกับดวงจันทร์มีการเชื่อมโยงกับปีใหม่จีน กระต่ายยังเป็นหนึ่งในสัตว์ 12 นักษัตริย์ในปฎิทินจีน
ตำนานในหมู่ชาวออตเทนทอต
ชาวพื้นเมืองเร่ร่อนล่าสัตว์ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์ช่วยอธิบายโรคปากแหว่งตั้งแต่เกิดของคนเราว่า พระจันทร์ส่งกระต่ายลงมายังโลกเพื่อบอกกับมนุษย์ว่า “เมื่อเธอตายจะกลับฟื้นอีกครั้งและมนุษย์ก็เช่นกัน” แต่กระต่ายไม่ใส่ใจจำข้อความผิดๆ ถูกๆ ไปบอกมนุษย์ว่า “พระจันทร์ตายแล้ว จะไม่ฟื้นคืนมาใหม่ และมนุษย์ก็จะเป็นเช่นเดียวกับเธอ” เมื่อพระจันทร์ทราบว่ากระต่ายทำอะไรลงไปเธอโกรธมากและพยายามจะใช้ขวานจามหัวกระต่าย แต่พลาดไปโดนริมฝีปากบนของกระต่ายแทน เมื่อกระต่ายบาดเจ็บก็ตอบแทนด้วยการข่วนเข้าที่ใบหน้าของพระจันทร์ด้วยอุ้งเล็บ ทำให้เกิดรอยปื้นดำปรากฏบนดวงจันทร์ดังที่เห็นกันทุกวันนี้
ตำนานของคนญี่ปุ่น
บนดวงจันทร์มีกระต่ายอยู่คู่หนึ่งกำลังช่วยตายายที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ตำแป้งทำขนมโมจิอยู่ ความเชื่อนี้มาจากการมองเงาดำบนดวงจันทร์ ที่ชาวญี่ปุ่นคิดว่ามันช่างคล้ายกระต่ายเสียจริงๆ
Cr.
https://www.petcitiz.info
เรื่องเล่าขานตำนานดวงดาว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในสมัยที่ดวงจันทร์และพระอาทิตย์ยังอาศัยอยู่บน ณ ผืนฟ้าแผ่นเดียวกันให้คนบนโลกได้ปรากฎเห็น ดวงจันทร์และพระอาทิตย์เป็นเพื่อนกันมายาวนาน ทั้ง 2 สนิทกันมาก ยามใดที่พระอาทิตย์ขึ้น ข้างๆกายของมันย่อมจะมีพระจันทร์อยู่เคียงข้างเสมอ แสงของมันทั้งสองส่องเป็นประกายและคอยนำทางให้แก่นักเดินทาง
แต่พระจันทร์ก็รู้ดีแสงของมันนั้นอีกไม่นานก็จะต้องดับมอดลงและมันก็ต้องหายไปช้าๆทีละนิดๆ มันรู้เรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียว และไม่คิดจะกล่าวเรื่องนี้ออกไปให้พระอาทิตย์ได้ล่วงรู้ จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตดวงจันทร์มาถึง แสงของมันริบหรี่เต็มที พร้อมที่จะดับได้ทุกเมื่อ พระอาทิตย์รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของพระจันทร์และมันก็พบว่าพระจันทร์กำลังจะจากมันไปโดยลำพัง หากแต่พระอาทิตย์นั้นมิอาจทนเห็นเพื่อนของมันต้องดับลงไม่
ในที่สุดมันจิงไปของร้องเทพแห่งผืนฟ้า เพื่อให้พระจันทร์มีอายุขัยยืนยาวกว่าเดิม มันเสนอและวิงวอน ให้เทพแห่งผืนฟ้าช่วยมันโดยยอมนำแสงของมันแบ่งให้กับดวงจันทร์ เทพแห่งผืนฟ้าเห็นใจดวงอาทิตย์ จึงยอมทำตามคำขอ แต่มีข้อแม้ว่า ยามใดที่พระจันทร์ตื่น พระอาทิตย์จะต้องหลับ และยามใดที่พระจันทร์หลับใหล ยามนั้นอาทิตย์จึงจะสามารถตื่นได้ ดวงอาทิตย์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ แต่เพราะมันอยากจะให้เพื่อนของมันได้ส่องประกายดังเดิม
จึงยอมทำตามคำบอกเล่าของเทพตนนั้น
เมื่อดวงจันทร์ฟื้นกลับมาอีกครั้ง มันกลับไม่พบเพื่อนสุดที่รักของมันแล้ว เพราะในยามนี้ มันพบแต่ความมืดมิด และมีเพียงตัวมันเองเท่านั้น ที่ส่องแสงพราว ให้แก่ผู้คนมากมาย แม้มันจะพยายามตามหาดวงอาทิตย์เพียงไร ก็มิอาจหาพบได้ เพราะมันทั้ง 2 ในยามนี้ เปรียบได้กับเหนือ และใต้ ที่ยากแก่การที่จะได้พบกันเป็นที่สุด
Cr..wordpress.com
ตำนานพระจันทร์ 2 ดวง
นานมาแล้ว..สมัยที่โลกยังมีพระจันทร์ 2 ดวง มีพระจันทร์ดวงหนึ่งเป็นผู้หญิงกับอีกดวงหนึ่งเป็นผู้ชาย และพระจันทร์สองดวงนี้ต่างก็รักกันมาก ดวงจันทร์ทั้ง 2 ไม่เคยแยกห่างจากกัน ทุก ๆ คืนเมื่อมองไปบนฟ้า จะเห็นดวงจันทร์ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันเสมอ แต่แล้ววันหนึ่งดวงจันทร์ผู้หญิงได้ไปพบกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงจันทร์หลงใหลในแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ จนเลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ไป ทีละน้อย ๆ จนแยกมาจากดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งในที่สุด
เมื่อค่ำคืนมาถึงจึงมีดวงจันทร์ผู้ชายเหลืออยู่เพียงดวงเดียว ดวงจันทร์ดวงนั้นจึงได้แต่ตามหาดวงจันทร์ผู้หญิงไปทุกหนทุกแห่ง คืนแล้วคืนเล่าผ่านไปดวงจันทร์ผู้ชายก็ไม่สามารถหาดวงจันทร์ผู้หญิงได้พบ ด้วยความคิดถึงและอยากพบให้เร็วที่สุด ทำให้ดวงจันทร์ผู้ชายคิดว่า “หากเรามัวแต่ตามหาอยู่อย่างนี้คงไม่ได้เจอแน่ๆ”
จึงตัดสินใจ…..ระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นออกตามหาดวงจันทร์อีกดวงหนึ่ง' เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงได้เห็นถึงความจริงว่า แม้ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้าสวยงามสักปานใด แต่ดวงอาทิตย์ก็มิได้ส่องแสงเจิดจ้านั้นแต่เพียงตนเท่านั้น
ยังส่องแสงไปยังดวงอื่น ๆ อีกมากมาย ดวงจันทร์จึงกลับมาหาดวงจันทร์ผู้ชายอีกครั้ง… แต่หาเท่าไหร่ก็หาดวงจันทร์ผู้ชายไม่พบ
ต่อมาจึงได้รู้ว่า… ดวงจันทร์ผู้ชายยอมระเบิดตัวเองเพียงเพื่อตามหาตนจนกระจัดกระจายเป็นเศษเสี้ยว เล็กๆ ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงรู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เจอกับดวงดาวผู้ชายอีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่โศกเศร้าเสียใจ แต่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ดวงจันทร์ผู้ชายมีต่อดวงจันทร์ผู้หญิง…ทุกค่ำคืนจึงพยายามเปล่งประกายแสงที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของตนส่องให้ถึงดวงจันทร์ผู้หญิง เกิดเป็นแสงพร่างพรายเต็มท้องฟ้าเคียงข้างดวงจันทร์ จนเกิดเป็นดวงจันทร์และดวงดาวให้เราเห็นจนถึงทุกวันนี้
สังเกตมั้ยว่า…… คืนใดที่ดวงจันทร์เต็มดวงจรัสแสงประกายเจิดจ้ามากที่สุด คืนนั้นท้องฟ้าไร้ดวงดาว แต่หากคืนใดที่เมฆน้อยบดบังดวงจันทร์ไปหมดสิ้น
ค่ำคืนนั้นเรากลับได้เห็นดวงดาวทอแสงเต็มท้องฟ้า
Cr. https://sites.google.com
ตำนาน กระต่าย บนดวงจันทร์
ดวงจันทร์ ที่ส่องสว่างบนฟ้ามืด มีเรื่องเล่าอยู่ว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…มี กระต่าย ตัวหนึ่ง มันหลงรักแสงจันทร์ยามค่ำคืน ทุกคืนเดือนเพ็ญ มันจะออกมานั่งมองดวงจันทร์และจินตนาการขึ้นไปบนท้องฟ้า ทุกๆวันขึ้นปีใหม่ เจ้ากระต่ายหนุ่มมันจะปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุดของป่า และขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้มันได้อยู่คู่ดวงจันทร์ตลอดไป เรื่องเล่านี้เหมือนเป็นตำนานของดวงจันทร์ที่เล่ากันต่อมารุ่นสู่รุ่น วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปรู้จักตำนานและความเชื่อของกระต่ายในดวงจันทร์แต่ละประเทศ
ตำนานอินเดีย
เชื่อกันว่าภาพที่เห็นบนผิวดวงจันทร์คือ “เทพแห่งดวงจันทร์” ชื่อ “จันทรา” ผู้ซึ่งถือกระต่ายไว้ในมือเนื่องจากคำว่ากระต่ายในภาษาสันสกฤต คือ “ศศะ” ดังนั้นจึงเรียกดวงจันทร์ว่า “ศศิน” แปลว่ากระต่าย ในนิทานแฝงคติธรรมทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับกระต่ายบนดวงจันทร์เล่าว่า ครั้งหนึ่งมีกระต่าย ลิง นาก และสุนัขจิ้งจอก สาบานร่วมกันว่าจะไม่ฆ่าสัตว์ตลอดชีวิต และบำเพ็ญตนเป็นฤๅษีอยู่ในป่า พระอินทร์อยากทดสอบในศรัทธาของสัตว์ทั้งสี่ จึงปลอมตัวเป็นพราหมณ์เที่ยวขอบริจาคทานโดยไปขอจากลิงตัวแรก ลิงมอบมะม่วงให้ จากนั้นพราหมณ์ก็ไปขอทานจากนาก นากถวายปลาซึ่งมาตายเกยตื้นอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนสุนัขจิ้งจอกก็ถวายนมหม้อหนึ่งและผลไม้แห้ง
ตำนานจีน
กล่าวว่าภาพที่ปรากฏบนดวงจันทร์คือ กระต่ายกำลังตำข้าวในครก กระต่ายตัวนี้เชื่อกันว่าเป็นผู้รับใช้เซียนหรือผู้วิเศษโดยมีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ และกระต่ายมีความเกี่ยวพันกับดวงจันทร์มีการเชื่อมโยงกับปีใหม่จีน กระต่ายยังเป็นหนึ่งในสัตว์ 12 นักษัตริย์ในปฎิทินจีน
ตำนานในหมู่ชาวออตเทนทอต
ชาวพื้นเมืองเร่ร่อนล่าสัตว์ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์ช่วยอธิบายโรคปากแหว่งตั้งแต่เกิดของคนเราว่า พระจันทร์ส่งกระต่ายลงมายังโลกเพื่อบอกกับมนุษย์ว่า “เมื่อเธอตายจะกลับฟื้นอีกครั้งและมนุษย์ก็เช่นกัน” แต่กระต่ายไม่ใส่ใจจำข้อความผิดๆ ถูกๆ ไปบอกมนุษย์ว่า “พระจันทร์ตายแล้ว จะไม่ฟื้นคืนมาใหม่ และมนุษย์ก็จะเป็นเช่นเดียวกับเธอ” เมื่อพระจันทร์ทราบว่ากระต่ายทำอะไรลงไปเธอโกรธมากและพยายามจะใช้ขวานจามหัวกระต่าย แต่พลาดไปโดนริมฝีปากบนของกระต่ายแทน เมื่อกระต่ายบาดเจ็บก็ตอบแทนด้วยการข่วนเข้าที่ใบหน้าของพระจันทร์ด้วยอุ้งเล็บ ทำให้เกิดรอยปื้นดำปรากฏบนดวงจันทร์ดังที่เห็นกันทุกวันนี้
ตำนานของคนญี่ปุ่น
บนดวงจันทร์มีกระต่ายอยู่คู่หนึ่งกำลังช่วยตายายที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ตำแป้งทำขนมโมจิอยู่ ความเชื่อนี้มาจากการมองเงาดำบนดวงจันทร์ ที่ชาวญี่ปุ่นคิดว่ามันช่างคล้ายกระต่ายเสียจริงๆ
Cr.https://www.petcitiz.info