สวัสดีครับ
หลังห่างหายจากการถ่ายรูปแบบจริงจังไปนานหลายเดือน
หลายวันก่อน ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหยิบ External HDD
มานั่งดูรูปมากมายที่ถ่ายเก็บไว้ ย้อนไปตั้งแต่สมัยเป็นตากล้องสมัครเล่น ฝึกหัดถ่ายรูปแรกๆ โน่นเลยครับ
ไล่เรียงจนมาถึงรูปล่าสุดในปีปัจจุบัน (ที่ยังคงเป็นตากล้องสมัครเล่นเหมือนเดิม ฮา)
ระยะเวลากว่า 8 ปีเห็นจะได้ครับ ที่ผมใช้กล้องถ่ายรูป
เป็นเสมือนสื่อกลางในการบันทึกความทรงจำ ความสวยงาม ความประทับใจต่างๆ รอบตัวในแต่ละช่วงเวลาของชีวิตที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่พบเจอในแต่ละวัน สถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามที่เราไปเยือน รวมถึงคนที่เรารัก
ยิ่งดู ก็ยิ่งคิดถึง
วันนี้ ผมเลยขอคัดเลือกภาพถ่ายที่ผมประทับใจมากๆ รวบรวมมาบางส่วน
ส่วนใหญ่เป็นภาพถ่ายทิวทัศท์จากการไปท่องเที่ยวของผมเอง
พร้อมเรื่องราวอันประทับใจข้างหลังภาพ เล็กๆ น้อยๆ แชร์ประสบการณ์ เล่าสู่กันฟังครับ
ปล.ไม่เคยเขียนกระทู้แนวทางนี้มาก่อน ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ตรงนี้ด้วยนะครับ
----
เริ่มกันที่ ใต้สุดเท่าที่เคยไปมา
“Bromo - Kawah Ijen - Bali”
Indonesia
หนึ่งใน Dream Destination
ที่อยากไปชมความสวยงามและเก็บภาพด้วยตาตัวเองมานานครับ
จนวันหนึ่ง โอกาสก็มาถึง เมื่อเพื่อนสนิทสมัยม.ปลายมาชวน
3 คน 4 วัน 3 คืน กับการอดหลับอดนอน และการนั่งรถที่แสนยาวนาน
เป็นทริปที่ประทับใจมากๆ ครับ โดยเฉพาะคนที่หลงไหลด้านภูมิศาสตร์และภูเขาไฟอย่างผม
---
“Bromo”
ตื่นตี 1 นั่งรถจิ๊บก็เพื่อมาท้าความหนาว
รอชมความสวยงามและยิ่งใหญ่ตรงหน้า ด้วยตาตัวเองนี่ล่ะครับ
Bromo คือภูเขาไฟทางด้านซ้ายของรูป ที่ยังคง Active และปล่อยควันอยู่ตลอดเวลา มีความสูง 2329 เมตร เหนือระดับทะเล
ขณะที่ด้านหน้ามีชื่อว่า Batok ความสูง 2470 เมตร ส่วนที่เห็นไกลๆ และสูงที่สุดนั่น ชื่อว่า Semeru ความสูง 3656 เมตรครับ
และจุดที่ยืนถ่ายรูปอยู่นี่ สันนิษฐานจากลักษณะทางภูมิศาสตร์แล้วคิดว่า อาจเป็นขอบปากปล่องภูเขาไฟขนาดมหึมาในอดีตครับ
“Semeru”
เข้าใจผิดมาเนิ่นนานว่า Bromo คือภูเขาไฟลูกนี้ 55
อีกหนึ่งภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ และจะพ่นควันออกมาทุกๆ 15-30 นาที
เมื่อแสงสาดส่อง สวยงามมากๆ
หมู่บ้าน Camoro Lawang ที่งีบหลับ(มีไว้แค่นั้นจริงๆ)ของพวกเรา
คาดว่าในอดีต เป็นทางไหลของลาวาครับ
ทำให้วิวระหว่างสองข้างทางที่ขึ้นมานั้น สวยงามมากๆ
อีกทั้งอากาศหนาว บรรยากาศดี และได้ชมวิว Bromo แบบใกล้ชิดด้วย
จุดชมวิว Kingkong Hill จุดชมวิวที่เหมาะกับช่างภาพเป็นอย่างมาก ในความคิดผม
มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะเลยครับ โดยเฉพาะการได้ต้นไม้รูปร่างแปลกตา มาเป็นฉากหน้าและกรอบให้กับภาพ
วิ่งถ่ายภาพมุมนั้น มุมนี้ อย่างหนุกหนาน จนเกือบลืมไปเลยว่า...
“เรามานี่ เพราะอยากมาดูด้วยตาตัวเองไม่ใช่รึ”
ผละสายตาจากภูเขาไฟ หันไปถ่ายบรรยากาศรอบตัวบ้าง
ลงจากจุดชมวิว ก็มาขึ้นปากปล่องของ Bromo
ขามาขี่ม้ามา (ครั้งแรกในชีวิตเลย) ทำเอาเอวเคล็ด ขากลับก็เลยเดินกลับ
พอมองย้อนกลับไปทางที่มา ฝุ่นฟุ้งตลบ สวยดีเหมือนกันนะ
A : พวกเธอสำรวจกันแล้ว เจอสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนี้ไหม?
B : เจอ!
A : ???
C : ก็พวกเรานี่ไง ไอ้...!
บางที ก็ให้ความรู้สึกว่า กำลังอยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่น 555
ที่ขาดไม่ได้ในการมา Bromo คือการถ่ายรูปกับรถจิ๊บครับ
ไม่งั้น เสมือนมาไม่ถึง
ส่วนจะถ่ายมุมไหน Background เป็นอะไร ก็ได้หมด
ถ้าภาพออกมาสวย ^^
ก่อนพวกเราจะขึ้นไปยังหมู่บ้าน Camoro Lawang ก็ได้แวะชมน้ำตก Madakaripura กันก่อนเป็นที่แรกครับ
ใจหนึ่งก็อยากได้ภาพ อีกใจก็กลัวกล้องพัง เพราะต้องมีเปียกบ้างอย่างแน่นอน (แม้จะใส่เสื้อกันฝน)
แล้วก็คุ้มกับการเสี่ยง เมื่อเดินผ่านม่านน้ำเข้าไปถึงด้านในสุดของตัวน้ำตก
สวยงามและประทับใจมากๆ ครับ
สมชื่อ “ราชินีสายน้ำแห่งชวาตะวันออก” เลย
——-
“Kawah Ijen”
ลงจาก Bromo นั่งรถยาวๆ ครึ่งค่อนวันสู่ Catimor Homestay ที่อาบน้ำและงีบหลับในหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาไม่ไกลจาก Kawah Ijen
ก่อนจะตื่นเที่ยงคืน นั่งรถไปยังจุดเริ่มเดิน และเดินขึ้นเขาอีก 3 กม. ไปยังปากปล่องภูเขาไฟ Kawah Ijen
นับว่าเป็นวันที่เหนื่อยที่สุดของทริปเลยก็ว่าได้
ถามว่าหวาดเสียวไหม ตอบได้เลยว่ามาก
แต่เมื่ออยากได้ภาพ ก็ต้องกล้าๆ กลัวๆ กันหน่อย ^^
ก่อนจะขึ้นมายืนขาสั่นอยู่ตรงนี้ เราได้ลงไปชม Blue Fire หรือก็คือด้านล่างตรงจุดที่มีควันพวยพุ่งขึ้นมานั่นเอง
ซึ่งจะมีให้เห็นตอนเช้ามืดก่อนฟ้าสว่างเท่านั้นครับ
ทะเลสาบสีเขียว ปากปล่องของ Kawah Ijen
ของจริงสวยงามและดูยิ่งใหญ่กว่าในรูปมากๆ ครับ
แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้า กับอากาศหนาวๆ เป็นอะไรที่เข้ากันดีสุดๆ
อาจไม่มีวิวทิวเขาสลับซับซ้อน แบบที่ผมชอบ
แต่บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ ก็สวยงามมากๆ ในแบบฉบับของตนเอง
ภูเขาไฟชื่ออะไรสักอย่าง เลือนลางอยู่กลางทะเลหมอก
เมื่อแสงส่องผ่านระหว่างภูเขา
ใครจะคิดว่า วิวระหว่างที่เราเดินกันขึ้นมาในตอนแรก ซึ่งมองไม่เห็นอะไร
จะสวยงามมากๆ ในตอนเดินกลับ
——-
“Bali”
ปิดท้ายทริป Indonesia ด้วยการนั่งเรือข้ามฝั่งไปชิวๆ ที่บาหลี 1 วันครึ่งครับ
แต่ด้วยความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย ก็เริ่มจะชิวไม่ค่อยออกเหมือนกัน 555
เลยได้รูปมานิดหน่อย
ยามเย็นที่ Tana Lot Temple วัดริมทะเลทางใต้ของเกาะบาหลี
ด้วยวัฒนธรรม ธรรมชาติและวิถีชีวิตที่แตกต่างไปจากเกาะชวา รวมถึง Time Zone ที่เร็วขึ้น 1 ชม.
ทำให้รู้สึกเหมือนได้เที่ยวอีกประเทศหนึ่งเลย
นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ ต้องพยายามหามุมหลบคนเพื่อถ่ายรูป
ฝึกต้มทะเล เล่นกับคลื่น จนกล้องเกือบพัง
ก่อนกลับไทย เราก็ไม่ลืมไปชมอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของบาหลี นั่นคือ นาขั้นบันได Tegalalang Rice Terrace
จริงๆ แล้ว บาหลีมีสถานที่สวยๆ อีกเยอะมากครับ
แน่นอนว่า เพียง 1 วันครึ่ง เราคงไม่สามารถซึบซับความเป็นบาหลีได้อย่างเต็มอิ่ม
แต่เพียงเท่านี้ พวกเราก็ประทับใจมากๆ
หวังว่าวันหนึ่ง จะได้กลับไปใหม่
——
"คิดถึงตอนนั้นเหมือนกันนะ" รวบรวมภาพประทับใจตลอดการถ่ายภาพที่ผ่านมาของผม