เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม
[SR] รีวิวห้องอาหาร Skyline โรงแรม Avani+ Riverside ทานบุฟเฟ่ต์ชิลล์ๆ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ในราคาเพียง 999 ฿
บรรยากาศในห้องอาหารตกแต่งด้วยลายไม้โทนสีสว่าง (ทั้งพื้นและผนังของทางโรงแรม) รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็เป็นไม้บุเบาะนวมสีอ่อนสบายตา ใช้ไฟสีส้มทำให้รู้สึกอบอุ่น มุมที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นกระจกทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนที่นั่งทานในห้องนี้สามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างทั่วถึง จากมุมนี้สามารถเห็นทั้งแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานพระราม 3 หรือสะพานกรุงเทพฯได้อย่างชัดเจน แต่น่าเสียดายวันนี้ที่ฝนตกทำให้กระจกค่อนข้างมัวไปนิดนึง มาถึงเราก็ทำการวางของต่างๆไว้ที่โต๊ะ แล้วก็ได้เวลาเดินไปสำรวจที่ไลน์อาหารกันแล้วครับ ว่ามีอะไรให้เราทานบ้าง
เริ่มจากมุมแรกตรงประตูหน้าห้องอาหาร เป็นไวน์ขาวและไวน์แดง ราคาเริ่มต้นที่ขวดละ 1,000 บาท++ เอาไว้รองรับลูกค้าสายดื่ม ที่อยากจะทานอาหารพร้อมกับดื่มไวน์ชั้นดีและชมบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วยกัน แต่สำหรับเรานั้นไม่ดื่ม ขออนุญาตข้ามไปที่ไลน์อาหารเลยละกัน โซนแรกเป็นอาหารที่เสิร์ฟแบบเย็น จะรวมกันอยู่ที่นี่ทั้งหมด เริ่มจากมุมที่สีสันจัดจ้าน และดูสวยงามที่สุดได้แก่ซูชิและซาชิมิ มีให้เลือกทานทั้งแซลมอน/มากุโร่/ซาบะดอง/ปูอัด ส่วนซูชิของที่นี่ก็มีให้เลือกทานหลากหลายหน้า นอกจากหน้าปลาที่บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วยังมีซูชิหน้ากุ้งต้ม/California Roll/ข้าวห่อสาหร่ายไส้ต่างๆรวมถึงซูชิหน้าแซลมอนลนไฟ ค่อนข้างหลากหลายและครบเลยครับ
โซนอาหารญี่ปุ่นยังไม่หมดแค่นั้น ข้างๆกันเป็นสลัดสไตล์ญี่ปุ่น 2 เมนู ได้แก่ โรลแตงกวาสอดไส้ปูอัดราดด้วยซอสสไปซี่มาโย และสลัดเต้าหู้เย็นราดซอสเปรี้ยวสไตล์ร้านอิซากายะ (ถ้าไปทานที่ร้านถ้วยหนึ่งไม่ต่ำกว่า 60 บาท) แต่ที่นี่มีให้หยิบทานได้ไม่อั้นครับ ถัดมาหน่อยเป็นขนมปังชนิดต่างๆไว้ทานกับเนย ติดกันเป็นซอสดิปทั้ง Olive Oil / Hazelnut Oil / Balsamic / Tzatziki / Salsa Dip / Red Pesto Dip / Hummus ที่ดูแล้วเหมือนจะเอาไว้ทานคู่กับขนมปังไม่ก็สลัด และก็ถึงซุ้มไฮไลท์ของที่นี่ยาง Seafood On Ice เท่าที่ดูด้วยสายตา ทางโรงแรมเลือกแต่ซีฟู้ดเกรดตัวใหญ่พิเศษมาเสิร์ฟให้กับลูกค้าเลยนะ ทั้งปูม้า กุ้งลายเสือ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กั้งกระดาน ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสไตล์ไทย/ซอสสไปซี่มาโยสไตล์ฝรั่งหรือบีบเลม่อนเฉยๆเพื่อรับรสของซีฟู้ดแบบเต็มๆก็ได้ ตามใจครับ
เลี้ยวมาด้านหลังจาก Seafood On Ice เมื่อกี้ ก็จะพบกับโซนสลัดขนาดใหญ่ ถ้าใครเป็นสายรักสุขภาพจะต้องหลงรักสลัดที่นี่อย่างแน่นอน เพราะมีวัตถุดิบสำหรับทานกับสลัดแปลกๆเต็มไปหมด ทั้งน้ำส้มบัลซามิกปรุงรส สูตรมะเดือฝรั่ง / สตรอเบอร์รี่ / ตะไคร้ / น้ำมันวอลนัท / น้ำมันอะโวคาโด / น้ำมันเมล็ดฟักทอง / Flax Seed /ถั่วลิสง / อัลมอนด์สไลด์ (นี่มันเป็นสลัดสำหรับสายคีโตชัดๆ) ส่วนใครที่ไม่ได้เป็นสายสุขภาพมาก(เน้นเอาอร่อย) ที่นี่ก็มีน้ำสลัดให้เลือกมากถึง 8 อย่าง ทั้ง Honey Mustard / Blue Cheese / French Dressing / น้ำสลัดซีซ่า / น้ำมันงาผสมขิง / Italian Dressing / Mango Coriander / Balsamic พร้อมกับปลาแอนโชวี่ / Bacon Bits / ขนมปังกรอบ ไว้ทานคู่กับผักใบเขียว/มะเขือเทศ/แครอท/ข้าวโพด/เห็ดย่างและไข่ต้ม รู้สึกว่าเครื่องสำหรับทานกับสลัดที่นี่มีให้เลือกเยอะมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แต่ยังไม่หมดยังมีเนื้อแซลมอนรมควัน ไว้ทานกับเครื่องเคียงอีก 5 อย่าง ไลน์อาหารของที่นี่เยอะไปด้วยเครื่องเคียงเต็มไปหมด น่าจะถูกใจหลายๆคนที่ชอบปรุงรสตามใจตัวเอง
นอกจากสลัดสไตล์ฝรั่งที่เราเห็นเครื่องเคียงมากมายหลากหลายไปแล้ว ยังมียำและลาบสไตล์ไทยให้เลือกทานกันอีก 4 เมนูได้แก่ ลาบเป็ด/ส้มตำไทยทะเลรวม/ยำมะม่วงปลากรอบและยำทะเลรวมมิตร รสชาติยำของที่นี่บอกได้เลยว่า เปรี้ยว/เค็ม/เผ็ด/หวานนิดๆ ครบตำรับแบบไทยจัดจ้านถึงใจ ใส่เครื่องทั้งสมุนไพรสดและซีฟู้ด (กุ้งเด้งตัวโต/ปลาหมึกบั้งเป็นตาราง) มาให้แน่นเต็มทุกคำ มุมนี้รับรองว่าตอบโจทย์คุณสาวๆที่ชื่นชอบความแซ่บอย่างแน่นอน
ก่อนที่จะเข้าสู่โซนอาหารร้อนอย่างเต็มตัว เราก็มาพบกับสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของห้องอาหารนี้นั่นก็คือ หอยนางรมนำเข้าพิเศษจากน่านทะเลต่างๆทั้งหมด 4 ชนิดได้แก่ Irish / Jersey / Normandes และ Fine-De-Claire ที่เราคุ้นหน้าตามากที่สุด พร้อมกับเครื่องเคียงสำหรับทานคู่กับหอยนางรมเกือบครบสำรับ (ขาดแค่ยอดกระถินย่างเดียวก็จะครบชุดเลย) เดี๋ยวเราตักไปชิมดูครับ ว่าหอยนางรมแต่ละชนิดมีรสชาติและสัมผัสที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ข้างๆกันเป็นเหมือนโซนสเต็ก แต่เราไม่สามารถหยิบวัตถุดิบสดตรงนี้ให้เชฟทำได้ เป็นการโชว์วัตถุดิบต่างๆไว้ให้ลูกค้าดูเฉยๆ (เท่าที่ดูด้วยสายตาแล้ววัตถุดิบที่ใช้อย่างปลาต่างๆตัวขนาดใหญ่ ดวงตาใสปิ๊ง บ่งบอกถึงความสดใหม่ของมันได้เป็นอย่างดี) มีให้เลือกทานตั้งแต่ ปลากระพง/ปลาแซลมอน/ปลาเก๋า/ปลากระพงแดง/กุ้งแม่น้ำและปลาหมึกศอก แต่ว่าเราจะทานซีฟู้ดพวกนี้ได้อย่างไร แนะนำว่าให้เดินถัดไปอีกนิดหน่อยก็จะพบแล้วครับ
เนื้อปลาและซีฟู้ดต่างๆที่เราเห็นเมื่อกี้ ได้ถูกนำมาย่างเสร็จสรรพเป็นสเต็กพร้อมทาน ไม่ต้องตักวัตถุดิบพร้อมแนบเบอร์โต๊ะ รอเชฟมาเสิร์ฟแบบโรงแรมอื่น ได้ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นมา และนอกจากสเต็กปลาต่างๆคุณภาพสูงแล้ว ยังมีพาสต้าทะเลอบชีส (เป็นเมนูเด็ดที่แนะนำว่าตักไปทานเถอะครับรสชาติเข้มข้นหอมครีม/ชีสถึงใจมาก) สามารถทานได้กับน้ำจิ้ม 3 ชนิดได้แก่น้ำจิ้มซีฟู้ดสไตล์ไทย/น้ำจิ้มแจ่วอีสานและพริกน้ำปลา (พริกน้ำปลาเหมือนเอาไว้ทานกับกับข้าวอย่างอื่นในโซนอาหารร้อนนี้มากกว่า) เพราะอาหารยังมีอีกหลายเมนู ไปดูโซนต่อไปกันเลยครับผม
ต่อกันด้วยเมนูอาหารนานาชาติอย่างไก่ทอดเกาหลีรสเผ็ด เกี๊ยวชีสสไตล์ฝรั่งเศส และสะโพกเป็ดตุ๋นในน้ำมันจนนุ่มเสิร์ฟพร้อมกับซอสรสส้ม ข้างๆกันเป็นปูนิ่มทอดผัดซอสพริกที่ดูใส่เครื่องสมุนไพรแบบจัดเต็ม และเมนูปลากับกุ้งชุบแป้งทอด ผัดกับซอสกระเทียมพริกไทยรสเข้มข้น 2 เมนูอย่างหลังนี่ ดูเข้ากันได้ดีกับพริกน้ำปลาแบบสุดๆ
เมนูสเต็กตัดแบ่งของที่นี่มีให้ทั้งหมด 3 เมนูได้แก่ ซี่โครงหมูบาร์บีคิวเนื้อนุ่มล่อนออกจากกระดูก ซอสเปรี้ยวหวานหอมกลิ่นเครื่องบาร์บีคิวเข้มข้น สเต็กเนื้อออสเตรเลียย่างแบบ Medium Rare ด้านนอกสีน้ำตาลสวยงามเนื้อด้านในเนื้ออมสีชมพูแทรก ไขมันนุ่มมีกลิ่นเฉพาะตัวเล็กน้อย เมนูสุดท้ายเป็นเบียร์บัตเตอร์ฟิช หรือเป็นปลาบัตเตอร์ฟิชชุบแป้งทอดผสมกับเบียร์ ถือว่าเป็นเมนูแปลกที่ไม่เคยเห็นเสิร์ฟในไลน์บุฟเฟ่ต์โรงแรมไหนมาก่อน ทานกับซอสทั้งหมด 6 แบบคือ บาร์บีคิว/มัสตาร์ต/ทาร์ทาร์/สไปซี่Tomato/เกรวีและChimichurri (ซอสสมุนไพรฝรั่ง)
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น