ไม่ได้เขียนเรื่องนี้นาน คิดพล็อตได้ก็เขียนสักหน่อยนะครับ หวังว่าจะยังอ่านกัน
ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คดีที่ 12 : ศาสตรามายา [บทเฉลย]
https://ppantip.com/topic/38576751
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คดีที่ 13 : สรรพสิ่งสังหาร
-1-
“แค่นี้คิดว่าจะทำอะไรข้าได้หรือ”
แลนด์เนสกล่าวกับคู่ต่อสู้ตรงหน้า เขาไม่มีได้มีทีท่าหวาดกลัวอะไรกับนักสู้คนนี้เลย เมื่อถูกท้าทายมาเขาตอบรับคำเชิญ และเดินทางมาประลองกับมันอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
สำหรับแลนด์เนสแล้วการท้าทายเป็นสิ่งที่ต้องตอบสนอง ยิ่งเป็นคำท้าทายที่มาจากนักสู้มือรองบ่อนแบบนี้เขายิ่งชื่นชอบ
การได้จัดการคู่ต่อสู้ที่อ่อนด้อยกว่าตัวเองให้ย่อยยับ หมดสิ้นความคิดที่จะต่อสู้ต่อไปในชีวิตเป็นสิ่งที่ถนัด กล่าวกันว่าแลนด์เนสทำให้ยอดฝีมือรุ่นใหม่หมดกำลังใจที่เดินต่อบนแผ่นดินนี้มามากหลายแล้ว
ระดับฝีมือของแลนด์จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของนครลัวร์ หลายคราที่การประลองของเขาจบลงด้วยวิชาที่สร้างชื่อให้ตัวเองที่เรียกว่า ดรรชนีไร้สภาพทลายร่าง
แรกเริ่มเดิมทีวิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่างเป็นวิชาของมือสังหารคลั่งฟ้า กวนฉิก แต่ว่าด้วยเหตุการณ์ต่อสู้ครั้งหนึ่ง เขาใช้วิชาระดับสูงสุดจนถึงระดับพาตัวเองเร้นกายย้ายมิติ ทำให้เขาสูญหายไปในแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดพบเจอกวนฉิกอีกครั้งในหลายสิบปีมาแล้ว
เพียงแต่ว่าก่อนที่กวนฉิกจะสำเร็จวิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่าง เขาได้บันทึกเคล็ดวิชาของนี้ไว้ยังถ้ำแห่งหนึ่ง และบังเอิญว่าแลนด์เนสได้เข้าไปในถ้ำแห่งนั้น
แน่นอนคนมันโชคดีอะไรก็ช่วยไมได้ แลนด์เนสฝึกวิชาดรรชรนีไร้สภาพทลายร่างที่ได้มาจากในถ้ำจนสำเร็จ แต่ว่าคนโชคดีก็ไม่จำเป็นต้องคนดีเสมอไป เมื่อแลนด์เนสสำเร็จเคล็ดวิชานี้เขาจึงทำลายถ้ำทิ้งเพื่อให้ตัวเองเป็นวิชาการนี้เพียงผู้เดียว
วิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่างจะเป็นการส่งปราณจากกายเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ที่อยู่ห่างจากตนได้ ถือว่าเป็นวิชาระยะไกลที่สุดยอดยิ่งกว่าวิชาอาวุธบินยิ่งนัก
แต่ว่าในการประลองครานี้แลนด์เนสกลับไม่อาจใช้วิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่างได้แล้ว
เมื่อแลนด์เนสยืนนิ่งโคจรปราณเพื่อจะสังหารคู่ต่อสู้ตรงหน้ากลับพบว่าพยุหะอาวุธหลายหลากรูปแบบได้พุ่งมาตนแล้ว
ห่าอาวุธเหล่านั้นประกอบด้วยมีดซัดขนาดสั้น มีดซัดด้ามยาว ดาวกระจาย ลูกบอลเพลิง เข็มบินสังหาร ลูกดอกอาบพิษ และอาวุธอื่น ๆ อีกมากมาย
อาวุธทั้งหลายเริ่มแรกถูกซัดโดยคู่ต่อสู้ของแลนด์เนสในหลายทิศทาง ในแต่ละทิศทางนั้นดูแล้วไม่คล้ายการโจมตี เพราะซัดไปด้านข้างซ้ายขวาบ้าง ซัดไปด้านบนบ้าง
แต่แล้วเมื่ออาวุธเหล่านั้นกระทบถูกกำแพงของลานประลองทุกด้าน ทั้งหลายต่างพุ่งกลับมา และเข้าหาแลนด์เนสทั้งสิ้น
แลนด์เนสไม่ทันคาดคิดถึงเรื่องนี้ มิอาจหลบหลีกพ้น ถูกอาวุธเหล่านั้นเข้าทิ่มแทงร่างทั้งหมด
แน่นอนว่าเขาเสียชีวิตโดยทันที สุดยอดวิชาอย่างดรรชนีไร้สภาพทลายร่างหมดผู้สืบทอดต่อแล้วในครานี้
ซึ่งพอแลนด์เนสสิ้นชีพล้มลงกับพื้น ชายอีกคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาก็เดินเข้ามาใกล้ร่าง แล้วกล่าวขึ้นว่า
“วิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่าง... จะมาชนะวิชาสรรพสิ่งสังหารของข้าได้อย่างไร”
....................................
.
วิชาสรรพสิ่งสังหารนั้นเดิมทีในแผ่นดินนี้ไม่มีวิชานี้บัญญัติไว้
และน่าจะไม่มีผู้ใดเคยได้ยินชื่อวิชานี้มาก่อน
เพียงแต่ในระยะนี้กลับเป็นที่กล่าวถึงในนครลัวร์ เพราะว่ามันเป็นวิชาที่สังหารยอดฝีมือมาหลายคนแล้ว
กล่าวกันว่าเป็นสุดยอดวิชาลับยิ่งกว่าดรรชนีไร้สภาพทลายร่างของกวนฉิก เป็นวิชาที่ซัดโจมตี นำเอาทุกสรรพสิ่งเข้าสังหารคู่ต่อสู้
มียอดฝีมือมากหลายสิ้นชีวิตด้วยวิชานี้ แต่เนื่องจากเป็นการประลองยุทธกันเองของยอดฝีมือ ทางการจึงมิได้เคลื่อนไหวประการใดได้มากนัก
ผู้ใช้วิชาสรรพสิ่งสังหารนี้มีนามว่า มัตเตโอ
มัตเตโอ เดิมทีเป็นผู้ใดมิมีใครล่วงรู้ เล่าลือกันว่าก่อนหน้านั้นเขาเป็นเพียงอาจารย์สอนวิชาคำนวณในสำนักแห่งหนึ่ง แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบชัดนัก เขากลับเข้าท้าต่อสู้กับยอดฝีมือ
จากการที่มัตเตโอชนะยอดฝีมือมาหลายคน ทำให้ชื่อของเขาควบคู่กับชื่อวิชาสรรพสิ่งสังหารถูกกล่าวถึงในนครลัวร์
มัตเตโอจะส่งเทียบเชิญให้กับยอดฝีมือที่ตัวเองต้องการประลองไปให้ก่อนทุกครั้ง และในวันนี้เทียบเชิญนั้นกลับมาอยู่ที่ยอดฝีมือคนหนึ่ง
และจะเรียกว่าคนผู้เป็นยอดฝีมืออย่างเดียวก็คงไม่ได้ ต้องเป็นยอดมือสังหาร และนักล่าค่าหัวด้วย
เข็มบินทะลวงร่าง ปิโย
เจ้าของทรงผมหางม้าอันเป็นเอกลักษณ์ สวมใส่อาภรณ์สีเขียวเข้มและเขียวอ่อนตัดสีกันอย่างลงตัว สะพายกระเป๋าคาดเอวบรรจุเข็มบินเจ็ดนิ้ว ผู้อยู่ในทำเนียบผู้ใช้อาวุธบินอันดับที่ 4
เทียบเชิญของมัตเตโอถูกส่งมาให้ปิโย เขาเปิดมันออกเพื่ออ่านข้อความด้านใน
ข้อความในเทียบเชิญเริ่มต้นจากการกล่าวชื่นชมนับถือปิโยในช่วงแรก ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาขอท้าประลองกับเขา โดยระบุวันเวลาและสถานที่มาชัดเจน
เมื่ออ่านจบแล้วปิโยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตามปกติแล้วปิโยไม่เคยรับงานที่ไม่ได้เงิน เพียงแต่ในเทียบเชิญมีแจ้งว่ามีเงินให้กับเขาหากเอาชนะได้ถึงเจ็ดแสนบาที
“เจ็ดแสนบาที....” ปิโยเอ่ยขึ้นมากับตัวเองพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ “น่าสนใจมิน้อย”
(มีต่อครับ)
แถมภาพกวนฉิกตัวจริงสักหน่อย
จริงๆเป็นตัวละครมาจากชุดศาสตราวุธของอุนสุยอัน
ส่วนอันนี้ภาพฉบับการ์ตูนในเรื่อง ตำนานยอดวีรบุรุษ ที่เอาตัวละครในหลายๆเรื่องของอุนสุยอันมายำสู้กัน มันส์มากบอกเลย
Knight of Clues คดีที่ 13 : สรรพสิ่งสังหาร [บทปัญหา]
ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คดีที่ 13 : สรรพสิ่งสังหาร
-1-
“แค่นี้คิดว่าจะทำอะไรข้าได้หรือ”
แลนด์เนสกล่าวกับคู่ต่อสู้ตรงหน้า เขาไม่มีได้มีทีท่าหวาดกลัวอะไรกับนักสู้คนนี้เลย เมื่อถูกท้าทายมาเขาตอบรับคำเชิญ และเดินทางมาประลองกับมันอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
สำหรับแลนด์เนสแล้วการท้าทายเป็นสิ่งที่ต้องตอบสนอง ยิ่งเป็นคำท้าทายที่มาจากนักสู้มือรองบ่อนแบบนี้เขายิ่งชื่นชอบ
การได้จัดการคู่ต่อสู้ที่อ่อนด้อยกว่าตัวเองให้ย่อยยับ หมดสิ้นความคิดที่จะต่อสู้ต่อไปในชีวิตเป็นสิ่งที่ถนัด กล่าวกันว่าแลนด์เนสทำให้ยอดฝีมือรุ่นใหม่หมดกำลังใจที่เดินต่อบนแผ่นดินนี้มามากหลายแล้ว
ระดับฝีมือของแลนด์จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของนครลัวร์ หลายคราที่การประลองของเขาจบลงด้วยวิชาที่สร้างชื่อให้ตัวเองที่เรียกว่า ดรรชนีไร้สภาพทลายร่าง
แรกเริ่มเดิมทีวิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่างเป็นวิชาของมือสังหารคลั่งฟ้า กวนฉิก แต่ว่าด้วยเหตุการณ์ต่อสู้ครั้งหนึ่ง เขาใช้วิชาระดับสูงสุดจนถึงระดับพาตัวเองเร้นกายย้ายมิติ ทำให้เขาสูญหายไปในแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดพบเจอกวนฉิกอีกครั้งในหลายสิบปีมาแล้ว
เพียงแต่ว่าก่อนที่กวนฉิกจะสำเร็จวิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่าง เขาได้บันทึกเคล็ดวิชาของนี้ไว้ยังถ้ำแห่งหนึ่ง และบังเอิญว่าแลนด์เนสได้เข้าไปในถ้ำแห่งนั้น
แน่นอนคนมันโชคดีอะไรก็ช่วยไมได้ แลนด์เนสฝึกวิชาดรรชรนีไร้สภาพทลายร่างที่ได้มาจากในถ้ำจนสำเร็จ แต่ว่าคนโชคดีก็ไม่จำเป็นต้องคนดีเสมอไป เมื่อแลนด์เนสสำเร็จเคล็ดวิชานี้เขาจึงทำลายถ้ำทิ้งเพื่อให้ตัวเองเป็นวิชาการนี้เพียงผู้เดียว
วิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่างจะเป็นการส่งปราณจากกายเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ที่อยู่ห่างจากตนได้ ถือว่าเป็นวิชาระยะไกลที่สุดยอดยิ่งกว่าวิชาอาวุธบินยิ่งนัก
แต่ว่าในการประลองครานี้แลนด์เนสกลับไม่อาจใช้วิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่างได้แล้ว
เมื่อแลนด์เนสยืนนิ่งโคจรปราณเพื่อจะสังหารคู่ต่อสู้ตรงหน้ากลับพบว่าพยุหะอาวุธหลายหลากรูปแบบได้พุ่งมาตนแล้ว
ห่าอาวุธเหล่านั้นประกอบด้วยมีดซัดขนาดสั้น มีดซัดด้ามยาว ดาวกระจาย ลูกบอลเพลิง เข็มบินสังหาร ลูกดอกอาบพิษ และอาวุธอื่น ๆ อีกมากมาย
อาวุธทั้งหลายเริ่มแรกถูกซัดโดยคู่ต่อสู้ของแลนด์เนสในหลายทิศทาง ในแต่ละทิศทางนั้นดูแล้วไม่คล้ายการโจมตี เพราะซัดไปด้านข้างซ้ายขวาบ้าง ซัดไปด้านบนบ้าง
แต่แล้วเมื่ออาวุธเหล่านั้นกระทบถูกกำแพงของลานประลองทุกด้าน ทั้งหลายต่างพุ่งกลับมา และเข้าหาแลนด์เนสทั้งสิ้น
แลนด์เนสไม่ทันคาดคิดถึงเรื่องนี้ มิอาจหลบหลีกพ้น ถูกอาวุธเหล่านั้นเข้าทิ่มแทงร่างทั้งหมด
แน่นอนว่าเขาเสียชีวิตโดยทันที สุดยอดวิชาอย่างดรรชนีไร้สภาพทลายร่างหมดผู้สืบทอดต่อแล้วในครานี้
ซึ่งพอแลนด์เนสสิ้นชีพล้มลงกับพื้น ชายอีกคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาก็เดินเข้ามาใกล้ร่าง แล้วกล่าวขึ้นว่า
“วิชาดรรชนีไร้สภาพทลายร่าง... จะมาชนะวิชาสรรพสิ่งสังหารของข้าได้อย่างไร”
วิชาสรรพสิ่งสังหารนั้นเดิมทีในแผ่นดินนี้ไม่มีวิชานี้บัญญัติไว้
และน่าจะไม่มีผู้ใดเคยได้ยินชื่อวิชานี้มาก่อน
เพียงแต่ในระยะนี้กลับเป็นที่กล่าวถึงในนครลัวร์ เพราะว่ามันเป็นวิชาที่สังหารยอดฝีมือมาหลายคนแล้ว
กล่าวกันว่าเป็นสุดยอดวิชาลับยิ่งกว่าดรรชนีไร้สภาพทลายร่างของกวนฉิก เป็นวิชาที่ซัดโจมตี นำเอาทุกสรรพสิ่งเข้าสังหารคู่ต่อสู้
มียอดฝีมือมากหลายสิ้นชีวิตด้วยวิชานี้ แต่เนื่องจากเป็นการประลองยุทธกันเองของยอดฝีมือ ทางการจึงมิได้เคลื่อนไหวประการใดได้มากนัก
ผู้ใช้วิชาสรรพสิ่งสังหารนี้มีนามว่า มัตเตโอ
มัตเตโอ เดิมทีเป็นผู้ใดมิมีใครล่วงรู้ เล่าลือกันว่าก่อนหน้านั้นเขาเป็นเพียงอาจารย์สอนวิชาคำนวณในสำนักแห่งหนึ่ง แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบชัดนัก เขากลับเข้าท้าต่อสู้กับยอดฝีมือ
จากการที่มัตเตโอชนะยอดฝีมือมาหลายคน ทำให้ชื่อของเขาควบคู่กับชื่อวิชาสรรพสิ่งสังหารถูกกล่าวถึงในนครลัวร์
มัตเตโอจะส่งเทียบเชิญให้กับยอดฝีมือที่ตัวเองต้องการประลองไปให้ก่อนทุกครั้ง และในวันนี้เทียบเชิญนั้นกลับมาอยู่ที่ยอดฝีมือคนหนึ่ง
และจะเรียกว่าคนผู้เป็นยอดฝีมืออย่างเดียวก็คงไม่ได้ ต้องเป็นยอดมือสังหาร และนักล่าค่าหัวด้วย
เข็มบินทะลวงร่าง ปิโย
เจ้าของทรงผมหางม้าอันเป็นเอกลักษณ์ สวมใส่อาภรณ์สีเขียวเข้มและเขียวอ่อนตัดสีกันอย่างลงตัว สะพายกระเป๋าคาดเอวบรรจุเข็มบินเจ็ดนิ้ว ผู้อยู่ในทำเนียบผู้ใช้อาวุธบินอันดับที่ 4
เทียบเชิญของมัตเตโอถูกส่งมาให้ปิโย เขาเปิดมันออกเพื่ออ่านข้อความด้านใน
ข้อความในเทียบเชิญเริ่มต้นจากการกล่าวชื่นชมนับถือปิโยในช่วงแรก ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาขอท้าประลองกับเขา โดยระบุวันเวลาและสถานที่มาชัดเจน
เมื่ออ่านจบแล้วปิโยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตามปกติแล้วปิโยไม่เคยรับงานที่ไม่ได้เงิน เพียงแต่ในเทียบเชิญมีแจ้งว่ามีเงินให้กับเขาหากเอาชนะได้ถึงเจ็ดแสนบาที
“เจ็ดแสนบาที....” ปิโยเอ่ยขึ้นมากับตัวเองพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ “น่าสนใจมิน้อย”