ช่วงนี้แดดแรงนะคะ ตัวดำ หน้าดำ เพราะแดด แล้วพอดีว่าช่วงเดือนที่แล้ว กับสองอาทิตย์ก่อนมีต้องออกไปยืนถ่ายงานให้ลูกค้าแบบเอาท์ดอร์ทั้งวันตั้งแต่สิบโมงยันหกโมงเย็นเลย แม้จะยืนในที่ร่มก็จริง แต่ว่ากระไอแดด และรังสียูวีต่าง ๆ มันก็ยังเข้ามาได้อยู่ดี ตอนขับรถก็เหมือนกัน แถมตอนนี้เราประสบปัญหาสิวอุดตันจากการพักผ่อนไม่เพียงพอค่ะ เราก็เลยใช้สีผึ้งแม่เลียบทาเพื่อให้สิวมันปะทุเป็นหัวสิวออกมา แล้วพอมันยุบ มันจะทิ้งรอยแดงๆ ไว้ แถมพ่วงด้วยรอยดำจากผื่นแพ้อะไรสักอย่างอีก รอยแดง รอยดำพวกนี้ถ้ายิ่งไปโดนแดด มันจะยิ่งชัดค่ะ คือตอนนี้ปัญหาผิวเป็นพวกเรื่องสิวอุดตัน และรอยแดง รอยดำเลยค่ะ
เราก็เลยไปหาสกินแคร์พวกที่แก้ปัญหาเรื่องจุดด่างดำ รอยแดง และผิวหมองคล้ำมาลองใช้ดูค่ะ แต่ปกติก่อนที่เราจะทาครีมหรือเซรั่มอะไร เราก็จะใช้พวกเอสเซนส์ หรือน้ำตบมาลงผิวก่อน เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงขึ้นต่อไปค่ะ
ซึ่งตัวที่เราใช้อยู่ จะมีสองระดับราคาเลยนะคะ ซึ่งก็ให้ความพอใจ และความไม่พอใจต่างกันออกไปค่ะ
ตัวแรกเป็นวิตามินซี สกิน คอนดิชั่นเนอร์ จากญี่ปุ่น เราซื้อมาจากซึรุฮะ ขวดละประมาสองสามร้อย จำราคาเป๊ะๆ ไม่ได้แล้ว ขวดใหญ่มาก ใช้ตั้งนานก็ยังไม่หมด ตัวนี้เราชอบที่มันทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นค่ะ แต่ไม่ชอบที่ใช้แล้วหน้าไม่มันเลย เหมาะกับคนผิวมันสุด ๆ ค่ะ ใช้แล้วหน้าจะไม่มันเลย แต่เราชอบให้หน้ามันดิวอี้ ๆ อ่ะค่ะ เลยไม่ชอบตรงจุดนี้เท่าไหร่
ตัวที่สอง Estee Lauder Bio Essence (ประมาณ 2,500 บาท เราซื้อตัวนี้ในดิวตี้ฟรี ราคาจะไม่เท่ากับซื้อที่เคาน์เตอร์) ตัวนี้กลิ่นไม่ถูกใจ อย่างที่เคยบอกไป เอามาตบ ๆ ให้มันซึมลงไปสักพักก่อน (แต่ช่วงที่เริ่มใช้สกินแคร์แก้ปัญหารอยดำ รอยแดง ไม่ได้ใช้ทั้งสองตัวนี้นะคะ เพราะอยากจะลองสกินแคร์พวกนั้นเพียว ๆ อยากเห็นผลลัพท์ที่แท้จริง โดยไม่มีอิทธิพลจากสกินแคร์อื่นมาผสมโรง) เอสเต้นี่ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้ามันเด้งๆ ขึ้นค่ะ แต่สำหรับเราไม่ได้ช่วยให้ผิวขาวใสขึ้น
ต่อไปก็มาถึงสกินแคร์ที่เราไปหาดูว่าตัวไหนที่พอจะช่วยแก้ปัญหาจัดด่างดำ รอยแดงจากสิว และความหมองคล้ำได้บ้าง ก็เจอเค้าแนะนำสองตัวนี้กันบ่อย ๆ ในเนต เลยลองหามาใช้ดูนะคะ ผลการใช้ทั้งสองแบรนด์ เป็นที่น่าพอใจค่ะ มีจุดที่พึงพอใจแตกต่างกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ
Weil for Origins MEGA-BRIGHT DARK SPOT CORRECTING SERUM ราคา 3,600 บาท มีส่วนผสมของโรซ่า รอกซ์เบอร์กาอี้ (Rosa Roxburghii) ที่อุดมด้วยวิตามินซี และแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยปรับสีผิวให้สว่างและลดเลือนจุดด่างดำ
สำหรับออริจินส์ กลิ่นให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ในป่า ทาแล้วทิ้งไว้สักพักให้เซรั่มซึมซาบ จะยังหลงเหลือฟิล์มเคลือบผิวอยู่เล็กน้อย เหมาะกับคนผิวธรรมดาและผิวแห้ง แต่คนผิวมัน อาจจะรู้สึกว่าหน้ามีน้ำมันเคลือบมากไปหน่อย ผลลัพท์ที่ใช้ จุดด่างดำและรอยแดง รอยดำจากสิว จากผื่นภูมิแพ้ที่ขึ้นหน้าจางลง
Clarins White Plus Tri-Intensive Brightening Serum ราคา 3,750 บาท มีส่วนผสมของ Acerola Fruit หรือผลเชอร์รี่ป่า ที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ
คลาแรงส์ กลิ่นให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนยืนอยู่กลางทะเล ชอบที่ไม่ใช่กลิ่นแนวดอกไม้หอมเอียน ๆ นะคะ ผิวสัมผัสหลังทา ตัวเซรั่มซึมลงผิวได้ดี ไม่ทิ้งความมัน ข้อนี้ดีมาก สบายผิวแม้วันที่ร้อน ๆ อบ ๆ ทำให้ทาแล้วแต่งหน้าต่อได้เลย ถ้าใช้ตัวนี้แค่ตัวเดียว ผลการใช้ผิวหน้าโดยรวมที่คล้ำลงเพราะไปตากแดดมา สว่างขึ้นจริง แบบเห็นได้ชัดเจนมาก ใช้ไปเพียงสามวัน!!และส่วนตัวเราว่าจุดดางดำชนะเริ่ด แม้ว่าเราพื้นผิวเดิมเป็นคนผิวขาว แต่การโดนแดดแรง ๆ ช่วงเที่ยงและบ่ายโดยตรง ทำให้ผิวคล้ำขึ้น ตัว Clarins White Plus จัดได้ว่าเป็นตัวช่วยกู้ผิวหมองให้ออร่าผิวได้ดีเลยล่ะ แต่หากว่าเป็นคนที่ผิวคล้ำโดยพันธุกรรม ผิวจะไม่ได้ขาวขึ้น แต่จะได้ผิวโกลว์ใสนะ เพราะเราเห็นเพื่อนเราใช้แล้วเป็นแบบนั้น และช่วยในเรื่องลดเลือนจุดด่างดำและรอยแดงได้ดี เราแนะนำเพิ่มเติมอีกหน่อยว่าเมื่อกดเซรั่มลงบนฝ่ามือแล้ว ให้วอร์มเซรั่มสักเล็กน้อยก่อนทานะคะ
ทั้งสองแบรนด์ถ้าเทียบในเรื่องคืนความกระจ่างใส และลดรอยแดง ลดจุดด่างดำ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจทั้งคู่ เพราะใช้แล้ว รอยแดง รอยดำ จางลงจริง ๆ แต่คลาแรงค์จะชนะเริ่ดตรงที่ผลไวกว่านะสำหรับผิวเรา (นี่ลองใช้แบบเพียว ๆ ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ทาทับเลย เพราะอยากรู้ผลลัพท์ของมันอย่างแท้จริง) ผิวหายคล้ำจริง แต่ทั้งสองแบรนด์จะแตกต่างกันในเรื่องของผิวสัมผัสหลังใช้มากกว่า หลังจากทาไปได้ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง คลาแรงส์จะไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวหน้าเลย ซึมซาบลงไปดีมาก ส่วนออริจินส์ยังรู้สึกเหมือนมีฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวไว้ ซึ่งอันนี้แล้วแต่ผิวคนเลย ว่าใครเหมาะกับลักษณะของเซรั่มแบบไหน และชอบผิวสัมผัสแบบไหน
หลังจากทาเซรั่มแล้ว เราจะทาครีมเจลหรือโลชั่น เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวเป็นสิ่งสุดท้ายค่ะ เพราะการโดนแดดนอกบ้านนานๆ มันทำให้ผิวเราขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื่นด้วยนะคะ ในเรื่องความชุ่มชื่น เราชอบใช้สกินแคร์ญี่ปุ่นค่ะ แต่เป็นแนวสกินแคร์บ้านๆ ราคาไม่แรงนะคะ มันคือ Hatomugi Skin Conditioning Gel เป็นครีมเจลผสมสารสกัดจากข้าวบาร์เลย์ ทาแล้วหน้านุ่มชุ่มน้ำมากๆ รอยเล็กๆ ใต้ตาที่เกิดจากนอนไม่พอ มันหายไปด้วย เหมือนผิวมันอิ่มน้ำ ตัวนี้ถ้าทาหนา ๆ จะใช้เป็น Sleeping Mask ได้ด้วยค่ะ แต่ว่าผิวสัมผัสที่เหลืออยู่บนผิวหลังทา ค่อนข้างมันนะคะ เราเลยใช้ทาเฉพาะกลางคืน ตัวนี้เหมาะมากกับคนผิวแห้งค่ะ ตัวนี้ราคาประมาณ 289 บาท (จำราคาชัวร์ ๆ ไม่ได้นะคะ แต่ไม่เกินสามร้อยค่ะ เราได้มาจากบิวเทรียม)
ส่วนกลางวันเราใช้โลชั่นน้ำนมม้า Oyama Horse Oil Milky Lotion แบรนด์ที่เราชอบใช้ และเคยแนะนำตัวที่เป็นครีมไปในกระทู้ก่อนหน้านี้นะคะ ตอนนี้เนื่องจากอยากได้อะไรบางเบาลงมาหน่อยสำหรับใช้ตอนกลางวัน เลยลองหยิบโลชั่นมาใช้ดูค่ะ ยังให้ความนุ่มชุ่มชื่นเหมือนเดิม แต่ว่าบางเบากว่าครีมค่ะ ถ้าแล้วตามด้วยครีมกันแดด หน้าจะไม่มันเยิ้ม ราคาก็ดีงามมากค่ะ 230 บาทเท่านั้น
Texture ของ Skincare ทั้งสี่ตัว
มาเทียบผิวหลังใช้
Before
After
หลังใช้ไปได้ประมาณเดือนกว่า ๆ รอยแดงจากสิวจางลงไปเยอะเลยค่ะ ส่วนรอยดำยังต้องสู้กันต่อ แต่ก็จางลงกว่าตอนแรกเยอะเลย แล้วหน้าก็ขาวใสขึ้นด้วย (เพราะเราผิวขาวอยู่แล้วนะคะ แค่โดนแดด อันนี้คนที่ผิวคล้ำอยู่แล้ว ผิวคงไม่ได้สว่างขึ้นกว่าเดิม)
ในส่วนของผิวตัว เราเห็นในเซเว่นมันขาย กานิเยร์ ซากุระ ไวท์ เลยลองซื้อมาใช้ดูค่ะ ตอนที่เพิ่งกลับจากถ่ายงานใหม่ ๆ แขนคล้ำลงเลย ใช้ตัวนี้แล้วแขนกลับมาขาวขึ้นค่ะ (พื้นผิวเราขาวอยู่แล้วนะคะ ดังนั้นผิวเลยกลับมาขาวขึ้นได้ค่ะ) เราเลยไปซื้อขวดใหญ่มาใช้ต่อค่ะ เน้นทาช่วงกลางคืน
ส่วนช่วงกลางวัน เราลองใช้ Snail White Body Booster SPF30 ค่ะ เพิ่งซื้อมา เลยยังใช้ไปได้แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ตอนเอามาทาก็รู้สึกว่า มันหนาและขาววอกเลยค่ะ เนื่องจากมันมีส่วนผสมของไทแทเนียม ไดออกไซด์ มันเลยจะทำให้เวลาทาแล้ว ครีมจะเคลือบผิวเป็นเลเยอร์ขาว ๆ หนา ๆ นะคะ แต่แบบนี้ก็จะกันแดดได้ดีนะคะ
ก่อนหน้านี้ใช้บิโอเร บอดี้ มันเย็นดีจริง ๆ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยป้องกันความดำให้แขนเราสักเท่าไหร่เลย
แดดมันแรงขนาดนี้ อย่าลืมทาครีมกันแดดกันทุกวันนะคะ
[CR] มาเทียบกัน ไอเทมไหนช่วยกู้ผิวหมองคล้ำในวันแดดแรง
ช่วงนี้แดดแรงนะคะ ตัวดำ หน้าดำ เพราะแดด แล้วพอดีว่าช่วงเดือนที่แล้ว กับสองอาทิตย์ก่อนมีต้องออกไปยืนถ่ายงานให้ลูกค้าแบบเอาท์ดอร์ทั้งวันตั้งแต่สิบโมงยันหกโมงเย็นเลย แม้จะยืนในที่ร่มก็จริง แต่ว่ากระไอแดด และรังสียูวีต่าง ๆ มันก็ยังเข้ามาได้อยู่ดี ตอนขับรถก็เหมือนกัน แถมตอนนี้เราประสบปัญหาสิวอุดตันจากการพักผ่อนไม่เพียงพอค่ะ เราก็เลยใช้สีผึ้งแม่เลียบทาเพื่อให้สิวมันปะทุเป็นหัวสิวออกมา แล้วพอมันยุบ มันจะทิ้งรอยแดงๆ ไว้ แถมพ่วงด้วยรอยดำจากผื่นแพ้อะไรสักอย่างอีก รอยแดง รอยดำพวกนี้ถ้ายิ่งไปโดนแดด มันจะยิ่งชัดค่ะ คือตอนนี้ปัญหาผิวเป็นพวกเรื่องสิวอุดตัน และรอยแดง รอยดำเลยค่ะ
เราก็เลยไปหาสกินแคร์พวกที่แก้ปัญหาเรื่องจุดด่างดำ รอยแดง และผิวหมองคล้ำมาลองใช้ดูค่ะ แต่ปกติก่อนที่เราจะทาครีมหรือเซรั่มอะไร เราก็จะใช้พวกเอสเซนส์ หรือน้ำตบมาลงผิวก่อน เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงขึ้นต่อไปค่ะ
ซึ่งตัวที่เราใช้อยู่ จะมีสองระดับราคาเลยนะคะ ซึ่งก็ให้ความพอใจ และความไม่พอใจต่างกันออกไปค่ะ
ตัวแรกเป็นวิตามินซี สกิน คอนดิชั่นเนอร์ จากญี่ปุ่น เราซื้อมาจากซึรุฮะ ขวดละประมาสองสามร้อย จำราคาเป๊ะๆ ไม่ได้แล้ว ขวดใหญ่มาก ใช้ตั้งนานก็ยังไม่หมด ตัวนี้เราชอบที่มันทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นค่ะ แต่ไม่ชอบที่ใช้แล้วหน้าไม่มันเลย เหมาะกับคนผิวมันสุด ๆ ค่ะ ใช้แล้วหน้าจะไม่มันเลย แต่เราชอบให้หน้ามันดิวอี้ ๆ อ่ะค่ะ เลยไม่ชอบตรงจุดนี้เท่าไหร่
ตัวที่สอง Estee Lauder Bio Essence (ประมาณ 2,500 บาท เราซื้อตัวนี้ในดิวตี้ฟรี ราคาจะไม่เท่ากับซื้อที่เคาน์เตอร์) ตัวนี้กลิ่นไม่ถูกใจ อย่างที่เคยบอกไป เอามาตบ ๆ ให้มันซึมลงไปสักพักก่อน (แต่ช่วงที่เริ่มใช้สกินแคร์แก้ปัญหารอยดำ รอยแดง ไม่ได้ใช้ทั้งสองตัวนี้นะคะ เพราะอยากจะลองสกินแคร์พวกนั้นเพียว ๆ อยากเห็นผลลัพท์ที่แท้จริง โดยไม่มีอิทธิพลจากสกินแคร์อื่นมาผสมโรง) เอสเต้นี่ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้ามันเด้งๆ ขึ้นค่ะ แต่สำหรับเราไม่ได้ช่วยให้ผิวขาวใสขึ้น
ต่อไปก็มาถึงสกินแคร์ที่เราไปหาดูว่าตัวไหนที่พอจะช่วยแก้ปัญหาจัดด่างดำ รอยแดงจากสิว และความหมองคล้ำได้บ้าง ก็เจอเค้าแนะนำสองตัวนี้กันบ่อย ๆ ในเนต เลยลองหามาใช้ดูนะคะ ผลการใช้ทั้งสองแบรนด์ เป็นที่น่าพอใจค่ะ มีจุดที่พึงพอใจแตกต่างกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ
Weil for Origins MEGA-BRIGHT DARK SPOT CORRECTING SERUM ราคา 3,600 บาท มีส่วนผสมของโรซ่า รอกซ์เบอร์กาอี้ (Rosa Roxburghii) ที่อุดมด้วยวิตามินซี และแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยปรับสีผิวให้สว่างและลดเลือนจุดด่างดำ
สำหรับออริจินส์ กลิ่นให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ในป่า ทาแล้วทิ้งไว้สักพักให้เซรั่มซึมซาบ จะยังหลงเหลือฟิล์มเคลือบผิวอยู่เล็กน้อย เหมาะกับคนผิวธรรมดาและผิวแห้ง แต่คนผิวมัน อาจจะรู้สึกว่าหน้ามีน้ำมันเคลือบมากไปหน่อย ผลลัพท์ที่ใช้ จุดด่างดำและรอยแดง รอยดำจากสิว จากผื่นภูมิแพ้ที่ขึ้นหน้าจางลง
Clarins White Plus Tri-Intensive Brightening Serum ราคา 3,750 บาท มีส่วนผสมของ Acerola Fruit หรือผลเชอร์รี่ป่า ที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ
คลาแรงส์ กลิ่นให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนยืนอยู่กลางทะเล ชอบที่ไม่ใช่กลิ่นแนวดอกไม้หอมเอียน ๆ นะคะ ผิวสัมผัสหลังทา ตัวเซรั่มซึมลงผิวได้ดี ไม่ทิ้งความมัน ข้อนี้ดีมาก สบายผิวแม้วันที่ร้อน ๆ อบ ๆ ทำให้ทาแล้วแต่งหน้าต่อได้เลย ถ้าใช้ตัวนี้แค่ตัวเดียว ผลการใช้ผิวหน้าโดยรวมที่คล้ำลงเพราะไปตากแดดมา สว่างขึ้นจริง แบบเห็นได้ชัดเจนมาก ใช้ไปเพียงสามวัน!!และส่วนตัวเราว่าจุดดางดำชนะเริ่ด แม้ว่าเราพื้นผิวเดิมเป็นคนผิวขาว แต่การโดนแดดแรง ๆ ช่วงเที่ยงและบ่ายโดยตรง ทำให้ผิวคล้ำขึ้น ตัว Clarins White Plus จัดได้ว่าเป็นตัวช่วยกู้ผิวหมองให้ออร่าผิวได้ดีเลยล่ะ แต่หากว่าเป็นคนที่ผิวคล้ำโดยพันธุกรรม ผิวจะไม่ได้ขาวขึ้น แต่จะได้ผิวโกลว์ใสนะ เพราะเราเห็นเพื่อนเราใช้แล้วเป็นแบบนั้น และช่วยในเรื่องลดเลือนจุดด่างดำและรอยแดงได้ดี เราแนะนำเพิ่มเติมอีกหน่อยว่าเมื่อกดเซรั่มลงบนฝ่ามือแล้ว ให้วอร์มเซรั่มสักเล็กน้อยก่อนทานะคะ
ทั้งสองแบรนด์ถ้าเทียบในเรื่องคืนความกระจ่างใส และลดรอยแดง ลดจุดด่างดำ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจทั้งคู่ เพราะใช้แล้ว รอยแดง รอยดำ จางลงจริง ๆ แต่คลาแรงค์จะชนะเริ่ดตรงที่ผลไวกว่านะสำหรับผิวเรา (นี่ลองใช้แบบเพียว ๆ ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ ทาทับเลย เพราะอยากรู้ผลลัพท์ของมันอย่างแท้จริง) ผิวหายคล้ำจริง แต่ทั้งสองแบรนด์จะแตกต่างกันในเรื่องของผิวสัมผัสหลังใช้มากกว่า หลังจากทาไปได้ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง คลาแรงส์จะไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวหน้าเลย ซึมซาบลงไปดีมาก ส่วนออริจินส์ยังรู้สึกเหมือนมีฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวไว้ ซึ่งอันนี้แล้วแต่ผิวคนเลย ว่าใครเหมาะกับลักษณะของเซรั่มแบบไหน และชอบผิวสัมผัสแบบไหน
หลังจากทาเซรั่มแล้ว เราจะทาครีมเจลหรือโลชั่น เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวเป็นสิ่งสุดท้ายค่ะ เพราะการโดนแดดนอกบ้านนานๆ มันทำให้ผิวเราขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื่นด้วยนะคะ ในเรื่องความชุ่มชื่น เราชอบใช้สกินแคร์ญี่ปุ่นค่ะ แต่เป็นแนวสกินแคร์บ้านๆ ราคาไม่แรงนะคะ มันคือ Hatomugi Skin Conditioning Gel เป็นครีมเจลผสมสารสกัดจากข้าวบาร์เลย์ ทาแล้วหน้านุ่มชุ่มน้ำมากๆ รอยเล็กๆ ใต้ตาที่เกิดจากนอนไม่พอ มันหายไปด้วย เหมือนผิวมันอิ่มน้ำ ตัวนี้ถ้าทาหนา ๆ จะใช้เป็น Sleeping Mask ได้ด้วยค่ะ แต่ว่าผิวสัมผัสที่เหลืออยู่บนผิวหลังทา ค่อนข้างมันนะคะ เราเลยใช้ทาเฉพาะกลางคืน ตัวนี้เหมาะมากกับคนผิวแห้งค่ะ ตัวนี้ราคาประมาณ 289 บาท (จำราคาชัวร์ ๆ ไม่ได้นะคะ แต่ไม่เกินสามร้อยค่ะ เราได้มาจากบิวเทรียม)
ส่วนกลางวันเราใช้โลชั่นน้ำนมม้า Oyama Horse Oil Milky Lotion แบรนด์ที่เราชอบใช้ และเคยแนะนำตัวที่เป็นครีมไปในกระทู้ก่อนหน้านี้นะคะ ตอนนี้เนื่องจากอยากได้อะไรบางเบาลงมาหน่อยสำหรับใช้ตอนกลางวัน เลยลองหยิบโลชั่นมาใช้ดูค่ะ ยังให้ความนุ่มชุ่มชื่นเหมือนเดิม แต่ว่าบางเบากว่าครีมค่ะ ถ้าแล้วตามด้วยครีมกันแดด หน้าจะไม่มันเยิ้ม ราคาก็ดีงามมากค่ะ 230 บาทเท่านั้น
Texture ของ Skincare ทั้งสี่ตัว
มาเทียบผิวหลังใช้
Before
After
หลังใช้ไปได้ประมาณเดือนกว่า ๆ รอยแดงจากสิวจางลงไปเยอะเลยค่ะ ส่วนรอยดำยังต้องสู้กันต่อ แต่ก็จางลงกว่าตอนแรกเยอะเลย แล้วหน้าก็ขาวใสขึ้นด้วย (เพราะเราผิวขาวอยู่แล้วนะคะ แค่โดนแดด อันนี้คนที่ผิวคล้ำอยู่แล้ว ผิวคงไม่ได้สว่างขึ้นกว่าเดิม)
ในส่วนของผิวตัว เราเห็นในเซเว่นมันขาย กานิเยร์ ซากุระ ไวท์ เลยลองซื้อมาใช้ดูค่ะ ตอนที่เพิ่งกลับจากถ่ายงานใหม่ ๆ แขนคล้ำลงเลย ใช้ตัวนี้แล้วแขนกลับมาขาวขึ้นค่ะ (พื้นผิวเราขาวอยู่แล้วนะคะ ดังนั้นผิวเลยกลับมาขาวขึ้นได้ค่ะ) เราเลยไปซื้อขวดใหญ่มาใช้ต่อค่ะ เน้นทาช่วงกลางคืน
ส่วนช่วงกลางวัน เราลองใช้ Snail White Body Booster SPF30 ค่ะ เพิ่งซื้อมา เลยยังใช้ไปได้แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ตอนเอามาทาก็รู้สึกว่า มันหนาและขาววอกเลยค่ะ เนื่องจากมันมีส่วนผสมของไทแทเนียม ไดออกไซด์ มันเลยจะทำให้เวลาทาแล้ว ครีมจะเคลือบผิวเป็นเลเยอร์ขาว ๆ หนา ๆ นะคะ แต่แบบนี้ก็จะกันแดดได้ดีนะคะ
ก่อนหน้านี้ใช้บิโอเร บอดี้ มันเย็นดีจริง ๆ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยป้องกันความดำให้แขนเราสักเท่าไหร่เลย
แดดมันแรงขนาดนี้ อย่าลืมทาครีมกันแดดกันทุกวันนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้